ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 657 แยกได้ชัดเจนจังเลยนะ
เมื่อก่อน ตอนที่เฉินมู่ดูการ์ตูน เธอตั้งใจดูจนไม่กะพริบตาเลย
ตอนนี้เธอถึงขั้นบอกว่าการ์ตูนไม่สนุก น่าเบื่อ?
มู่น่อนน่อนถามหยั่งเชิงว่า:“งั้นหนูอยากดูอะไรคะ?”
เฉินมู่ก็ไม่พูด ได้โดดลงมาจากโซฟาแล้วขึ้นไปชั้นบนโดยตรง
มู่น่อนน่อนตามขึ้นไป ก็เห็นเฉินมู่ได้หอบกระดานมานั่งลงที่พื้นแล้วเริ่มวาดรูป
เฉินมู่วาดได้ใจจดใจจ่อ ก็ไม่สนว่ามู่น่อนน่อนเข้ามาหรือเปล่า
มู่น่อนน่อนพยายามพูดคุยกับเฉินมู่ แต่เฉินมู่ก็ไม่ค่อยสนใจเธอ
เฉินมู่จมปลักอยู่ในโลกของตัวเอง เหมือนตัดขาดกับทุกอย่าง
มู่น่อนน่อนอยู่กับเธอไปสักพัก ก็ได้ลงไปทำอาหารเที่ยงให้เฉินมู่แล้ว
เธอก็ไม่คิดจะทานอาหารเที่ยงที่นี่ แค่ทำอาหารให้เฉินมู่ทานสักมื้อเฉยๆ
คนใช้รู้ว่าเธอจะทำกับข้าว ต่างก็ได้ออกมาจากห้องครัว
ตอนเที่ยงเฉินถิงเซียวไม่ได้กลับมา ตอนนี้เฉินจิ่งหยุ้นก็ไปแล้ว อาหารเที่ยงของเฉินมู่ก็มีมู่น่อนน่อนเป็นคนทำให้ คนใช้จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารให้ใคร
มู่น่อนน่อนใช้ใจทำอาหารที่มีรูปทรงน่ารักๆออกมา
เด็กผู้หญิงล้วนชอบของน่ารักหมด
มู่น่อนน่อนยกอาหารเที่ยงที่ทำเสร็จออกมาจากห้องครัวด้วยรอยยิ้ม ตอนที่เดินผ่านห้องโถง หน้าบ้านได้มีคนเดินเข้ามา
ทันใดนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังก้าวเท้ายาวเดินมาในห้องโถง
เฉินถิงเซียวก็กำลังมองมาที่เธอพอดี สายตาของทั้งสองได้กระทบเข้าด้วยกันอยู่กลางอากาศ
มู่น่อนน่อนนึกถึงเรื่องของเมื่อวาน ก็เหมือนถูกเผายังไงอย่างงั้น ได้เคลื่อนย้ายสายตาออกกะทันหัน ทำเป็นเหมือนไม่เห็นเฉินถิงเซียว และได้ขึ้นชั้นบนโดยตรง
เธอก้มหน้าเดินขึ้นไปชั้นบน ยับยั้งความวู่วามที่อยากจะหันไปมองเฉินถิงเซียว
เขามีอะไรน่าดู?
เมื่อคืนตอนที่อยู่โรงแรมจีนติ่ง เขาถึงขั้นไม่พูดไม่สนใจเธอเลย งั้นก็แสดงว่าเขาได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าครั้งนี้อยากเลิกกับเธอจริงๆ
ทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรีและขอบเขตของตัวเอง
เธอก็เหมือนกัน!
พอขึ้นมาชั้นบน มู่น่อนน่อนพบว่าฝ่ามือที่ตัวเองถือถาดไว้มีเหงื่อซึมออกมาแล้ว
ตื่นเต้นอย่างไร้สาเหตุ
ก็ไม่รู้ว่าตื่นเต้นอะไร
มู่น่อนน่อนยกอาหารเที่ยงมาที่ห้องนอนของเฉินมู่ เฝ้าดูเธอทานจนหมดถึงออกมา
ตอนที่ออกมา เธอได้มองไปยังทิศทางห้องอ่านหนังสือของเฉินถิงเซียวแวบนึงอย่างควบคุมไม่ได้
ประตูของห้องอ่านหนังสือปิดสนิท เมื่อครู่เธออยู่ที่ห้องนอนของเฉินมู่ไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ที่เฉินถิงเซียวกลับมากะทันหัน บางทีอาจจะแค่กลับมาเอาเอกสารสำคัญที่บ้านเฉยๆ ไม่แน่ตอนนี้อาจจะออกไปแล้ว
พอคิดแบบนี้ ในใจมู่น่อนน่อนได้ผ่อนคลายลงมาบ้าง
แต่ตอนที่เธอเดินมาถึงหัวบันได พอเห็นเฉินถิงเซียวนั่งอยู่ที่โซฟาของห้องโถง จิตใจที่ผ่อนคลายลง ก็ได้อกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาทันที
ทำไมเฉินถิงเซียวยังไม่ได้ไปอีก!
อารมณ์ของมู่น่อนน่อนค่อนข้างซับซ้อน จะลงดีหรือไม่ลงดี
เธอได้ชะโงกมองลงไปอีกทีนึง เฉินถิงเซียวถือโทรศัพท์อยู่ ก้มหน้าไว้ไม่รู้กำลังทำอะไรอยู่
ในขณะนี้เอง มือถือของเขาได้ดังขึ้น
มองเฉินถิงเซียวรับสาย มู่น่อนน่อนก็ได้ลงไปชั้นล่างอย่างใจกล้า
เธอมาถึงห้องโถง ได้เอาถาดให้คนใช้ทันที แล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอกโดยตรง
ในขณะนี้เอง จู่ๆด้านหลังมีเสียงของเฉินถิงเซียวก้องมา:“หยุด”
เสียงของเฉินถิงเซียวทุ้มต่ำ ฟังไม่ออกว่ามีอารมณ์ยังไง
มู่น่อนน่อนอึ้งอยู่ครู่นึง ไม่ได้หยุดฝีเท้า กลับกันได้เดินเร็วกว่าเดิม สุดท้ายได้วิ่งโดยตรงซะเลย
เหมือนเธอได้ยินเสียงยิ้มหยันของเฉินถิงเซียวมาจากด้านหลัง
แต่เธอมัวแต่มาคิดเยอะขนาดนั้นไม่ได้แล้ว เธอไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับเฉินถิงเซียว เผชิญหน้ากับเฉินถิงเซียวคนนี้ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับเธอ
ความสัมพันธ์ระหว่างคนมันเปราะบางเกินไป
ระหว่างพวกเขาไม่มีพันธะการแต่งงานกัน
ถึงมีเฉินมู่ลูกสาวคนนี้ พวกเขานอกจากเป็นพ่อแม่ของเฉินมู่แล้ว ไม่มีความสัมพันธ์อะไรซึ่งกันและกัน
ถ้าดันต้องบอกว่ามีความสัมพันธ์ นั่นก็คือตอนนั้นเฉินถิงเซียวได้มอบบริษัทเฉินซื่อให้มู่น่อนน่อน ระหว่างทั้งสองอาจจะยังมีพันธะทางผลประโยชน์
มู่น่อนน่อนคิดมากในชั่วขณะ
เลยทำให้ตอนที่เธอวิ่งมาถึงข้างนอก ถูกบอดี้การ์ดขวางเอาไว้ เธออึ้งไปครู่นึงถึงดึงสติกลับมา
“พวกนายจะทำอะไร หลีกไป!”มู่น่อนน่อนหน้าบึ้งไว้ แววตาเย็นชา
พวกบอดี้การ์ดต่างก็มองหน้ากันไปมาอย่างค่อนข้างลังเล แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ท่าทีว่าจะหลีกให้
มู่น่อนน่อนเข้าใจแล้วว่านี่คือความต้องการของเฉินถิงเซียว
ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนหันไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังเดินออกมาจากห้องโถงอย่างใจเย็น
ชุดสูทสีดำทั้งตัว ทำให้เขายิ่งดูเย็นชาลุ่มลึกเข้าไปใหญ่ ยิ่งทำให้คนมีความรู้สึกว่ายากที่จะคาดเดา
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วมองหน้าเขา:“เฉินถิงเซียว!คุณหมายความว่ายังไง?”
เฉินถิงเซียวค่อยๆเดินมาที่ตรงหน้าเธอ ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน มู่น่อนน่อนรู้สึกความกดดันบนตัวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เธอถอยหลังไปสองก้าวอย่างควบคุมไม่ได้
ท้ายที่สุด เฉินถิงเซียวเดินมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าเธอ หลุบตาจ้องมองเธอไปครู่นึง ถึงค่อยๆส่งเสียงออกมา:“ให้คุณหยุดไม่ได้ยินรึไง?”
“คุณชายเฉินไม่ได้เอ่ยชื่อเอ่ยนามสกุล ใครจะไปรู้ว่าให้คนนี้หยุดหรือว่าให้คนนั้นหยุด?”มู่น่อนน่อนเชิดคางขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเย็นชา ไม่ยอมเลยแม้แต่น้อย
จู่ๆเฉินถิงเซียวได้หัวเราะเยาะทีนึง
มู่น่อนน่อนเบะปากด้วยจิตใต้สำนึก หัวเราะอะไร?มีอะไรน่าหัวเราะ?
เอาเรื่องผีสางเทวดามาลวงล่อใจคน!
“คิดว่าก่อเรื่องที่จีนติ่งแล้วสามารถถอนตัวออกมาได้ ก็นึกว่าตัวเองมีความสามารถแล้วงั้นเหรอ?”เฉินถิงเซียวมองหน้าเธอพร้อมพูดเหน็บแนม:“เป็นผู้หญิงที่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีหน่อย ก่อเรื่องให้น้อยหน่อย เพราะยังไงคุณก็เป็นแม่ของลูกผม”
——คุณเป็นแม่ของลูกผม
เหอะ แยกได้ชัดเจนจังเลยนะ
เฉินถิงเซียวระวังและระแวง ส่วนใหญ่ในเวลาสำคัญ เขาพูดจาไม่เคยมีจุดรั่วไหลเลย
มู่น่อนน่อนมองเขาด้วยสีหน้าเหน็บแนม แล้วพูดทีละถ้อยคำ:“เกี่ยว อะ ไร กับคุณ”
เธอเพิ่งพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของเฉินถิงเซียวก็บูดบึ้งขึ้นมาทันทีอย่างสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจริงด้วย
มองดูเฉินถิงเซียวสีหน้าเปลี่ยนไป อย่าให้พูดเลยว่ามู่น่อนน่อนสะใจมากแค่ไหน
ใครใช้ให้เขาอยู่ดีไม่ว่าดีมาพูดคำพูดที่เหมือนใช่แต่ไม่ใช่ มาทำให้เธอทุกข์ใจล่ะ!
เธอก็จะทำให้เขาทุกข์ใจเหมือนกัน!
มู่น่อนน่อนหรี่ตาเล็กน้อย มองหน้าเขาอย่างไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
กรามของเฉินถิงเซียวตึงเอาไว้ สีหน้าแววตาไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่มู่น่อนน่อนกลับรู้สึกได้อย่างแปลกประหลาดว่าเฉินถิงเซียวแอบกัดฟันไว้แน่น
ไม่รู้ว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันนานเกินไปเลยมีความเข้ากันเกินไป หรือว่าเธอคิดมากไปเอง
ผ่านไปสักพัก เฉินถิงเซียวถึงพูดอย่างเย็นชาว่า:“ดีมาก”
“ในเมื่อดีมาก งั้นตอนนี้ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?”มู่น่อนน่อนไม่กลัวเลยสักนิด
ตอนนี้สำหรับเธอแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือเฉินมู่ ถึงเฉินถิงเซียวโกรธเธอมากแค่ไหน เขาก็คงไม่มีทางเอาเฉินมู่มาเป็นที่ระบายความโกรธหรอก
เผชิญหน้ากับเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนตอนนี้คือมีที่พึ่งจึงไม่เกรงกลัว
เปลี่ยนวิธีพูดอีกแบบนึงก็คือ มีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดแล้วปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ไม่แก้ไขให้ถูกต้อง
ระหว่างเธอกับเฉินถิงเซียวกลายเป็นแบบนี้แล้ว ถึงจะแย่ก็ไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว?
คิดถึงพวกนี้ สีหน้าท่าทางของมู่น่อนน่อนก็ยิ่งเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านมากยิ่งขึ้น
เฉินถิงเซียว“ฮื้อ”ทีนึง จากนั้นได้เดินผ่านเธอไปข้างนอกโดยตรง
เฉินถิงเซียวไปแล้ว พวกบอดี้การ์ดที่ขวางมู่น่อนน่อนเอาไว้ก็ย่อมหลีกทางให้เธอแล้วเหมือนกัน