ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 660 งั้นคุณแต่งงานกับผมเถอะ
แผลของมู่น่อนน่อนไม่ได้ลึก แต่แผลค่อนข้างยาวอยู่
หมอบอกว่าต้องเย็บแผล
มู่น่อนน่อนเงียบมาโดยตลอด แต่ตอนที่หมอจะฉีดยาชาให้เธอ เธอกลับปฏิเสธ
ใบหน้าเธอนิ่ง ไม่มีความรู้สึกทางอารมณ์เลย:“เย็บโดยตรงเลยค่ะ ไม่ต้องใช้ยาแก้ปวด”
คุณหมอเป็นชายวัยกลางคน เขาฟังคำพูดของมู่น่อนน่อนแล้ว ได้ทำสีหน้ามึนงงก่อน จากนั้นก็ได้ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ:“ไม่ต้องใช้ยาแก้ปวด?”
ไม่รอให้มู่น่อนน่อนพูด ลี่จิ่วเชียนก็ได้ก้าวมาข้างหน้า พร้อมขมวดคิ้วและพูดว่า:“มู่น่อนน่อน คุณถูกกระตุ้นจนเป็นบ้าหรือว่าโง่ไปแล้ว?คุณคิดว่าคุณเป็นนักรบหญิงรึไง?”
มู่น่อนน่อนไม่มองใครเลย สายตาเหม่อลอย พูดจาเรียบเฉย:“ฉันจะจำความเจ็บปวดแบบนี้ไว้”
เธอจะจำความเจ็บปวดที่เฉินถิงเซียวให้เธอ
ลี่จิ่วเชียนเหมือนจะโกรธสุดขีดจนหัวเราะ สีหน้าค่อนข้างแย่ พูดทิ้งท้ายไว้คำเดียว:“ตามใจคุณ!”
หมอย่อมฟังคำพูดของทั้งสองไม่เข้าใจอยู่แล้ว และไม่รู้ด้วยว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์เป็นอะไรกัน แต่ขอแค่รู้ว่าสองคนนี้ล้วนตัดสินใจว่าไม่เอายาแก้ปวดก็พอแล้ว
มู่นน่อนน่อนไม่สนว่าลี่จิ่วเชียนจะมีสีหน้ายังไง หรือพูดอะไร แค่เงยหน้ามองไปที่หมอ:“คุณหมอ เริ่มได้เลยค่ะ”
ลี่จิ่วเชียนได้ออกไปโดยตรงพร้อมปิดประตูแรงๆ
เห็นได้ชัดว่าคุณหมอยังค่อนข้างลังเล
“คุณหมอ ฉันทนได้ค่ะ คุณหมอไม่ต้องกังวลค่ะ”มู่น่อนน่อนพูดอีกครั้ง
คุณหมอถอนหายใจทีนึง จากนั้นได้เริ่มเอาอุปกรณ์:“ถ้าทนไม่ไหวก็บอกผมนะ”
“ค่ะ”เสียงของมู่น่อนน่อนแน่วแน่ผิดปกติ
ที่จริงแค่เย็บสองสามเข็มเฉยๆ
แต่ความรู้สึกที่เข็มแหลมปี๊ดแทงทะลุเนื้อหนัง ก็ค่อนข้างเจ็บอยู่เหมือนกัน
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปากเอาไว้ บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา สีหน้าค่อนข้างซีด
คุณหมอเห็นเธอทนได้จริงๆ ในใจค่อนข้างทึ่ง
หลังจากเย็บแผลเสร็จ คุณหมอได้ยื่นทิชชู่ให้มู่น่อนน่อนสองแผ่น:“เช็ดเหงื่อหน่อย”
“ขอบคุณค่ะ”มู่น่อนน่อนยื่นมือรับทิชชู่มา แล้วลุกขึ้น
“เดี๋ยวหมอจะเขียนใบสั่งจ่ายยาให้คุณ คุณเอายากลับไปกินหน่อย อีกหนึ่งสัปดาห์มาตัดไหม หรือไปตัดที่คลินิกอื่นก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ”มู่น่อนน่อนจะยื่นมือไปรับใบสั่งจ่ายยา
คุณหมอได้มองไปนอกห้องด้วยความแปลกใจ:“เอ๊ะ แฟนของคุณล่ะ?ทำไมยังไม่เข้ามาอีก?”
“เขาไม่ใช่แฟนของฉันค่ะ” มู่น่อนน่อนพูดจบก็ได้ออกไปเลย
เธอไม่เห็นลี่จิ่วเชียนอยู่นอกห้อง
ขี้เกียจสนใจว่าลี่จิ่วเชียนไปไหน มู่น่อนน่อนไปรับยาโดยตรง
ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาล ก็พบว่ารถของลี่จิ่วเชียนยังจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล เขากำลังสูบบุหรี่อยู่ในรถ
มู่น่อนน่อนยืนอยู่กับที่ไปครู่นึง จากนั้นได้เดินไปด้วยสีหน้าแววตาซับซ้อน:“ฉันจะกลับแล้วค่ะ”
“แม้แต่คำว่าขอบคุณก็ไม่พูดสักคำแล้ว?เฉินถิงเซียวจู๋จี๋กับผู้หญิงคนอื่น วันนี้ถ้าไม่ใช่ผมช่วยคุณเอาไว้ คุณยังสามารถมีชีวิตยืนอยู่ตรงนี้เหรอ?”
ในมือของลี่จิ่วเชียนคีบบุหรี่เอาไว้ หรี่ตาเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าสีหน้าดูแล้วจะมีกลิ่นอายของความเป็นเพลย์บอยอยู่หลายส่วน
“ขอแค่ไม่ใช่เรื่องชั่วช้าสามานย์ ตอนที่คุณต้องการให้ฉันตอบแทน สามารถมาหาฉันได้ค่ะ”
มู่น่อนน่อนเพิ่งเย็บแผลมา สีหน้าดูไม่มีเลือดฝาดเลยสักนิด แม้แต่แววตาก็ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนปกติ
ลี่จิ่วเชียนดูไม่เข้าตาเลย
เขาดับบุหรี่ในมืออย่างค่อนข้างหงุดหงิด แล้วทวนซ้ำอีกรอบ:“ขอแค่ไม่ใช่เรื่องชั่วช้าสามานย์ ล้วนได้หมด?”
มู่น่อนน่อนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“อืม”
“อ๋อ”ลี่จิ่วเชียนเอามือข้างนึงวางพาดอยู่บนกระจกรถ น้ำเสียงจริงจังสุดขีด:“งั้นคุณแต่งงานกับผมเถอะ”
มู่น่อนน่อนได้ละเลยคำพูดของลี่จิ่วเชียนไปโดยตรง:“ลี่จิ่วเชียน ฉันเป็นคนพูดจามีสัจจะมาโดยตลอด”
เธอพูดจบก็จะหันหลังเดินไป
เดิมทีก็ไม่คาดหวังอยู่แล้วว่าลี่จิ่วเชียนจะสามารถตอบอย่างจริงจัง แต่ได้ยินเขาบอกว่าให้เธอแต่งงานกับเขา เธอก็ยังรู้สึกบ้าบอคอแตกเกินไปอยู่ดี
ก่อนหน้านี้รถของมู่น่อนน่อนอยู่บนท้องถนนก็ถูกคนของเจียงซ่งขวางเอาไว้ ตอนที่เธอกับลี่จิ่วเชียนไป ได้ขับรถของลี่จิ่วเชียน
ตอนนี้เธอต้องโบกรถกลับไปแล้ว
มือถือไม่อยู่กับตัว กระเป๋าตังค์ทิ้งไว้ในรถ
ทุกอย่างล้วนแย่สุดขีด
มู่น่อนน่อนคิด เธอคงต้องเดินกลับไปแล้ว
“เฮ้!”
มีเสียงก้องมาจากรถที่ขับมา
พอหันไปดู ไม่นึกเลยว่าจะเป็นลี่จิ่วเชียนอีก
มู่น่อนน่อนเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น ไม่ไปสนใจเขา
“ขึ้นรถ ผมไปส่งคุณ”ลี่จิ่วเชียนขับรถช้ามาก ควบคุมรถได้ดีมาก ขับไปพร้อมกับมู่น่อนน่อนพอดี
เห็นมู่น่อนน่อนไม่สนใจเขา เขาได้พูดอีกครั้งว่า:“คุณกะจะเดินกลับไป?”
มู่น่อนน่อนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจลี่จิ่วเชียน ย่อมไม่ส่งเสียงอีก
แต่ลี่จิ่วเชียนก็ดื้อรั้นมากเหมือนกัน คอยขับตามเธอช้าๆอย่างกับเต่าอยู่อย่างนี้
ทั้งสองไม่มีใครพูดจากันอีก คนนึงคอยเดิน คนนึงคอยขับรถ จากนั้นก็ได้กลับมาถึงที่พักของมู่น่อนน่อนอย่างนี้เลย
ดีที่โรงพยาบาลอยู่ห่างจากที่พักของมู่น่อนน่อนไม่มาก แต่ถึงจะอย่างนี้ก็ตาม เธอก็ยังได้เดินไปเกือบหนึ่งชั่วโมงอยู่ดี
ตอนที่เธอขึ้นมาที่ห้อง ลี่จิ่วเชียนยังตามเธอมาอยู่
“คุณกะจะเข้าไปกับฉัน?”มู่น่อนน่อนหยุดลงที่หน้าห้อง
“ไหนๆก็มาแล้ว ไม่คิดจะเชิญผู้มีพระคุณของคุณเข้าไปจิบชาสักแก้วเลยเหรอ?”ลี่จิ่วเชียนมีท่าทีเหมือนไม่บรรลุเป้าหมายก็จะไม่ยอมเลิกรา
มู่น่อนน่อนไม่มีพละกำลังรับมือเขา เธอเปิดประตูเดินเข้าไปในคอนโด จากนั้นได้เข้าไปต้มน้ำและชงชาให้ลี่จิ่วเชียนที่ห้องครัวโดยตรง
“แกร๊ง”เสียงนึง เธอวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ:“ดื่มเสร็จแล้วรีบไป”
ในห้องยังไม่ได้เปิดเครื่องทำความร้อน น้ำชาเย็นเร็วมาก
ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้ตามตื๊อตามตอแย เขาจิบชาเสร็จก็กลับไปเลย
หลังจากในห้องเหลือแค่มู่น่อนน่อนคนเดียว ก็เงียบจนค่อนข้างน่ากลัว
เธอเอาถ้วยชาที่ลี่จิ่วเชียนเคยดื่มทิ้งลงไปในถังขยะโดยตรง จากนั้นได้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ยืนดูแผลตรงคอของตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก
ผู้หญิงในกระจกสีหน้าแย่จนน่ากลัว สีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับศพเดินได้
มู่น่อนน่อนจับแก้มตัวเอง แล้วพูดพึมพำว่า:“ต้องฮึดสู้เข้าไว้ ต่อจากนี้ยังมีเรื่องต้องจัดการอีก ยังเหลือบทละครอีกหลายตอน……”
เธอยกมุมปากขึ้น พยายามฉีกรอยยิ้มออกมา
แต่รอยยิ้มที่ฉีกออกมาแบบนี้ น่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก
มู่น่อนน่อนหน้าห้อยลงมา หลังล้างมือเสร็จก็ได้ออกมาจากห้องน้ำ
น่าเกลียดจังเลย เธอไม่อยากส่องกระจกอีกแล้ว
มู่น่อนน้อนเปลี่ยนชุด ทำความสะอาดตัวเองไปครู่นึง เอาผ้าพันคอกับเสื้อโค้ตที่เปื้อนเลือดใส่ถุงให้เรียบร้อยเตรียมเอาลงไปทิ้ง
เธอออกจากห้อง ตอนที่รอลิฟต์อยู่ พอประตูลิฟต์เปิดออก คนที่ออกมาจากด้านในคือฉีเฉิง
ฉีเฉิงสะพายกระเป๋าสีดำกับสวมหมวกแก๊ปไว้ แค่ดูก็ไม่เหมือนคนดีแล้ว
แต่มู่น่อนน่อนรู้ว่าฉีเฉิงมีกฎเกณฑ์และหลักการของตนเอง
ที่จริงคนที่มีกฎเกณฑ์กับหลักการไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่ก่อนอื่นคือคุณห้ามไปทำลายกฎเกณฑ์และหลักการของเขา
“คุณมู่?”ฉีเฉิงสังเกตเห็นแผลตรงคอของมู่น่อนน่อน น้ำเสียงข้องใจ แต่ก็ไม่ได้ถามออกมา
มู่น่อนน่อนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วยกฝีเท้าจะเดินเข้าไปในลิฟต์
ฉีเฉิงได้เรียกเธอไว้ในเวลานี้:“คุณมู่ หลายวันนี้ผมหานายจ้างใหม่ไม่ได้สักที”
มู่น่อนน่อนหันมายักคิ้วเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ
ฉีเฉิงพูดโดยตรงว่า:“คุณต้องการบอดี้การ์ดหรือเปล่า?”
มู่น่อนน่อนรู้ความสามารถของฉีเฉิง
ช่วงนี้เกิดเรื่องติดต่อกันเยอะขนาดนี้ มู่น่อนน่อนพูดโดยที่ไม่ต้องคิด:“ต้องการ”