ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่192 มาทำงานที่เสิ้งติ่ง
บทที่192 มาทำงานที่เสิ้งติ่ง
มู่น่อนน่อนวางสายโทรศัพท์แล้วหันไปพูดกับเสิ่นเหลียง “เฉินถิงเซียวให้ฉันไปส่งเอกสารให้เขาที่บริษัท”
“ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว ไปส่งเธอเอาของที่บ้านแล้วค่อยไปเสิ้งติ่งพร้อมกัน” เสิ่นเหลียงเขย่ากุญแจรถในมือแล้วพูด
ด้วยเหตุนี้ มู่น่อนน่อนและเสิ่นเหลียงกลับบ้านไปเอาเอกสารด้วยกัน จากนั้นก็ไปที่บริษัทเสิ้งติ่งพร้อมกัน
หลังจากเสิ่นเหลียงขับรถเข้าไปในลานจอดรถ มู่น่อนน่อนก็ตรงขึ้นลิฟต์เฉพาะ ตรงไปยังออฟฟิศของเฉินถิงเซียวที่ชั้นบนสุด
……
เมื่อเธอมาถึงออฟฟิศของเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวก็กำลังยืนหันหลังให้เธออยู่หน้าหน้าต่างฝรั่งเศส ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง
“เอาของมาส่งให้แล้ว” มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป วางเอกสารลงบนโต้ะทำงานของเขา
เฉินถิงเซียวได้ยินจึงหันกลับมา พูด “ยังไม่เคยพาเธอไปดูเสิ้งติ่งเลย”
“หืม?” อยู่ ๆ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาจะทำอะไรน่ะ?
เฉินถิงเซียวพูดต่อ “ฉันให้คนพาเธอไปชมสักหน่อยว่ายังไง?”
พาฉันไปชมเสิ้งติ่งเนี่ยนะ?
“ฉันจะให้จือหยั่นพาเธอไป” เฉินถิงเซียวพูดขบก็แย้งกับตัวเองอีกครั้ง “ไม่สิ หรือจะให้เสิ่นเหลียง”
มู่น่อนน่อนไม่ได้สนใจกับการเยี่ยมชมเสิ้งติ่งอะไรนั่นมากนัก เธอชี้ไปที่เอกสารบนโต้ะแล้วถามเฉินถิงเซียว “ไม่ดูเอกสารก่อนเหรอ?”
“ไม่ได้สำคัญมากหรอก” เฉินถิงเซียวแม้แต่หน้าก็ไม่เงยขึ้นมา แล้วหยิบมือถือมาโทรหากู้จือหยั่น
มู่น่อนน่อน “…..”
ไม่สำคัญมากแล้วยังโทรให้เธอเอามาส่งให้เขาทำไม?
ไม่นานกู้จือหยั่นก็เข้ามา
กู้จือหยั่นปรากฏตัวพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตาสองข้างที่ทั้งดำทั้งลึก “ทำไม?”
“พามู่น่อนน่อนไปดูเสิ้งติ่งหน่อย” เฉินถิงเซียวหันมามองกู้จือหยั่นแล้วสั่ง
กู้จือหยั่นเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อนึกถึงการทำงานหนักของเฉินถิงเซียวในช่วงนี้ เขาก็พยักหน้า “ไป ๆ ๆ ฉันจะพาเธอไปเยี่ยมชมบริษัทของสามีเธอสักหน่อย”
มู่น่อนน่อนถูกเขาเล่นตลกแบบนี้ สีหน้าของเธอค่อนข้างไม่สบายใจ
เสียงเย็นของเฉินถิงเซียวดังขึ้นจากด้านหลัง “เรียกเสิ่นเหลียงให้พาเธอไปดู”
กู้จือหยั่นโบกมือโดยตรง “เสิ่นเสี่ยวเหลียงเพิ่งมาอยู่ได้นานเท่าไหร่กัน ตัวเธอเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับเสิ้งติ่งเลย”
มาถึงข้างนอกห้แง มู่น่อนน่อนถึงได้ถามกู้จือหยั่น “ทำไมอยู่ดี ๆ เฉินถิงเซียวถึงเรียกฉันมาชมเสิ้งติ่งล่ะ?”
เธอก็ฉลาดพอตัว เฉินถิงเซียวให้เธอมาส่งเอกสารอะไรนั่น ็เป็นแค่การบังหน้าเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก
กู้จือหยั่นครุ่นคิดสักครู่แล้วถามเธอ “เธอลาออกแล้วใช่มั้ย?”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า
“เขา…” กู้จือหยั่นพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “อาจจะอยากให้เธอมาทำงานที่เสิ้งติ่ง แต่คงไม่อยากพูดออกมาตรง ๆ ก็เลยให้ฉันพาเธอชมบริษัทเสิ้งติ่ง จากนั้นจะได้ล่อให้เธอมาทำงานที่นี่ล่ะมั้ง?”
พูดถึงตอนสุดท้าย กู้จือหยั่นก็เหมือนจะรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เมคเซ้นส์เท่าไหร่
“หา?” มู่น่อนน่อนไม่คิดว่าความคิดของกู้จือหยั่นนั้นถูกต้อง “เขาพูดตรง ๆ ก็ได้นี่”
กู้จือหยั่นพูดอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้เขาใช้เส้นให้เธอ เธอก็ปฏิเสธเขาไปไม่ใช่เหรอ? เธอยังบอกอยู่เลยว่าไม่เต็มใจจะมาที่เสิ้งติ่ง”
“นายรู้ได้ยังไงว่าก่อนหน้านี้เขาใช้เส้นให้ฉัน แล้วฉันบอกไม่เต็มใจจะมา?” มู่น่อนน่อนเขาด้วยความสงสัย
กู้จือหยั่น “…..อ่า นั่นมัน…..ฉันพาเธอลงไปดูก่อนแล้วกันนะ….”
เขาพูดได้ไหมว่าเป็นเพราะเขาแอบได้ยินการสนทนาระหว่างมู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวทางโทรศัพท์เมื่อนานมาแล้ว?
……
สุดท้าย ก็กลายเป็นเสิ่นเหลียงที่พามู่น่อนน่อนเดินชมเสิ้งติ่ง
เพราะยังไงซะกู้จือหยั่นก็เป็นเจ้านายอยู่ครึ่งหนึ่ง ให้พามู่น่อนน่อนเดินเที่ยวชมเสิ้งติ่ง ก็จะเป็นการโอ้อวดอย่างแจ่มแจ้งเกินไปหน่อย
เสิ่นเหลียงพาเธอไปเดินชม คนอื่นก็จะนึกว่าเธอพาเพื่อนมาเที่ยว ก็จะไม่คิดอะไรมาก
ตลอดทาง มู่น่อนน่อนได้เห็นดาราและผู้มีชื่อเสียงระดับแนวหน้ามากมาย นอกจากนี้ยังมีบรรณาธิการและมัคคุเทศก์ชื่อดังอีกด้วย
เสิ่นเหลียงเจอกับพวกเขา ก็ต้องทักทายอย่างสุภาพ โดนเรียก “อาจารย์” หรือ “รุ่นพี่”
บริษัทเสิ้งติ่งนั้นใหญ่มาก หลังจากทั้งสองเดินจนรอบแล้ว ฉันจึงไปที่ชั้นดาดฟ้าชั้นบนสุด
เสิ่นเหลียงเกาะราวดาดฟ้าตะโกนเสียงดัง “สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ฉันเองก็ต้องทำให้คนอื่นสนใจฉันเรียกฉันว่าอาจารย์เสิ่นเหลียง รุ่นพี่เสิ่นเหลียงให้ได้เลย!”
“ต้องมีวันนั้นแน่!” มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างหลังเธอ พูดอย่างมีอารมณ์ร่วม
ราวกับเสิ่นเหลียงคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอหันกลับมามอง “เธอลาออกแล้วไม่ใช่เหรอ? มาทำงานที่เสิ้งติ่งมั้ย? ถึงตอนนั้นเราก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว”
“นั่นมัน….” มู่น่อนน่อนนึกถึงคำที่กู้จือหยั่นพูดก่อนหน้านี้ แม้จะรู้สึกไม่น่าเชื่ออยู่หน่อย ๆ แต่ความเข้าใจของเธอต่อเฉินถิงเซียว เขาอาจจะมีความคิดนั้นจริง ๆ ก็ได้
เฉินถิงเซียวเป็นคนฉลาดหลักแหลมขนาดนั้น คาดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ด้วย….
มู่น่อนน่อนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อาจจะนะ….”
“อะไรคือ“อาจจะนะ”? ขอแค่เธอพูดคำเดียว บอสใหญ่ก็จะประเคนทุกอย่างมาให้แน่นอน ไกด์ชื่อดัง ดาราชื่อหนึ่ง ให้นักเขียนบทมือทองพาเธอ….คิด ๆ ไปก็น่าอิจฉาชะมัด”
เสิ่นเหลียงพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
แล้วมู่น่อนน่อนก็ราดน้ำเย็นใส่เธอ “กู้จือหยั่นเองก็คงยินดีหนุนให้เธอแน่นอน”
เสิ่นเหลียงถลึงตาใส่เธอ “เลิกคบเธอวันนึง”
“โอเค งั้นลาก่อนนะ” มู่น่อนน่อนเพิ่งได้รับข้อความของเฉินถิงเซียวพอดี พูดจบก็เดินลงชั้นล่างไปเลย
เสิ่นเหลียงรีบเขามาจับ “พี่สาว ฉันผิดไปแล้ว….”
มู่น่อนน่อนอธิบายพลางหัวเราะ “เฉินถิงเซียวส่งข้อความมาน่ะ ฉันไปก่อนนะ”
เสิ่นเหลียง “…..”
……
ในออฟฟิศของเฉินถิงเซียวมีแค่เขาอยู่คนเดียว
เขากำลังนั่งชงชาอยู่ที่โต้ะกาแฟ เรียวคิ้วยกโค้ง ดูเลอค่าแต่ก็ห่างเหิน
มู่น่อนน่อนเดินไปถึงเบื้องหน้าของเขาแล้วนั่งลง “นายชงชาเป็นด้วยเหรอ?”
เฉินถิงเซียวรินชาถ้วยหนึ่งวางตรงหน้าเธอ “เรียนมาจากคุณปู่น่ะ คิดว่าเสิ้งติ่งเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีมากเลยนะ ผู้นำแห่งวงการบันเทิง แหล่งผลิตดาวมืออาชีพ” การประเมินของมู่น่อนน่อนนั้นตรงประเด็นมาก
หลายปีมานี้ ดาราชั้นนำและผู้มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ส่วนใหญ่ก็มาจากบริษัทเสิ้งติ่งทั้งนั้น
มู่น่อนน่อนเอ่ยจบ ก็มองท่าทีของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวยังคงหลุบตาลง รินชาให้ตัวเอง พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก “งั้นเธออยากมาทำงานที่เสิ้งติ่งรึเปล่า?”
มู่น่อนน่อนที่ถือถ้วยชา พ่นน้ำชาที่เพิ่งจิบเข้าไปออกมาทันที
“พรูด……”
อย่างที่กู้จือหยั่นบอกจริง ๆ ด้วย?
แม้เธอจะนั่งอยู่ตรงข้ามกับเฉินถิงเซียว ตรงกลางก็ยังมีโต้ะกาแฟกั้นอยู่ แต่ใบหน้าของเฉินถิงเซียวก็ยังถูกเธอพ่นชาใส่
เฉินถิงเซียวหลับตา ถอนหายใจยาว เหมือนจะโกรธอยู่เล็กน้อย แต่ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
มู่น่อนน่อนรีบหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้เขา “ขอโทษขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เธอนึกไม่ถึงว่าเรื่องที่กู้จือหยั่นเดาไว้ก่อนหน้านี้จะเป็นจริง
เฉินถึงเซียวใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ซะที่ไหน ด้วยนิสัยของเขา น่าจะเข้ามาออกคำสั่งตรง ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
ไม่นึกว่ารอบนี้จะอ้อมค้อมขนาดนี้!
เฉินถิงเซียวหลับตา ปล่อยให้มู่น่อนน่อนเช็ดหน้าให้
หลังจากเช็ดเสร็จ มู่น่อนน่อนก็จูบเขาเบา ๆ เอาตัวรอดอย่างรู้ตัว “เสร็จแล้ว”
เฉินถิงเซียวลืมตา ถอนหายใจ จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทางอย่างจริงจังเป็นงานเป็นการ “ด้วยคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอ เธอไม่สามารถหาบริษัทที่ดีไปกว่าเสิ้งติ่งอีกแล้ว”
เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวที่พูดจาอ้อมค้อมอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาก็ได้