ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่193 นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
บทที่193 นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
มู่น่อนน่อนเม้มปาก “นายอยากให้ฉันมาทำงานที่บริษัทเสิ้งติ่งก็พูดมาตรง ๆ สิ วกไปวนมาแบบนี้ เหนื่อยบ้างมั้ยเนี่ย?”
เฉินถิงเซียวสำลักกับคำพูดของมู่น่อนน่อนอย่างหาได้ยาก เขากำหมัดแล้วกระแอมเล็กน้อย “ฉันก็แค่ขอความเห็นจากเธอ”
มู่น่อนน่อนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ได้สิ”
“……” เฉินถิงเซียวเห็นคำตอบของเธอเรียบง่ายขนาดนนี้ ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
มู่น่อนน่อนถามอย่างไม่แน่ใจ “เพราะก่อนหน้านี้ฉันเคยปฏิเสธนายไป นายก็เลย….”
“พรุ่งนี้ก็มารายงานตัวเข้าทำงานได้เลย” เฉินถิงเซียวจะปล่อยให้เธอมีโอกาสได้ถามอะไรมากซะที่ไหน พูดจบเขาก็โทรศัพท์หากู้จือหยั่น
มู่น่อนกระตุกมุมปาก ดูสิ เผยร่างจริงออกมาแล้วไง
เมื่อทั้งสองคนกลับบ้านด้วยกัน มู่น่อนน่อนก็ถามขึ้นมา “แบบนี้นับว่านายใช้เส้นให้ฉันรึเปล่า?”
“ใช้เส้น?” เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วพูด “ไม่นับสิ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่านี่ก็เป็นการใช้เส้นสายแล้ว ถ้าเฉินถิงเซียวไม่เอ่ยปาก หากมู่น่อนน่อนอยากจะเข้าบริษัทเสิ้งติ่ง เธออาจจำเป็นต้องผ่านด่านมหาโหดไปให้ได้ซะก่อน
ผ่านครู่หนึ่ง เสียงของเฉินถิงเซียวก็ดังขึ้นในห้องโดยสารรถ “ฉันจะจัดทีมให้เธอหนึ่งทีม เขียนบท ดำเนินงาน ภายในเวลาครึ่งปี ก็สามารถทำให้เธอมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง กลายเป็นนักเขียนมือทอง นั่นถึงจะเรียกใช้เส้น”
มู่น่อนน่อนถามอย่าสงสัย “นายก็เลยจะใช้เส้นสายนั่นให้ฉันตั้งแต่เริ่มเลยงั้นเหรอ?”
“ขอแค่เธอต้องการ จะตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น” เฉินถึงเซียวก็หันมามองเธอ แววตาจริงจังอย่างที่สุด
เสิ้งติ่งเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการบันเทิง เฉินถิงเซียวคือบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง เขารู้ทุกอย่างในแวดวงบันเทิงเป็นอย่างดี
ที่เรียกกันว่าดังชั่วข้ามคืน ทั้งหมดก็เป็นการดำเนินการของทีม
แสดงหญิงรุ่นเยาว์ที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดล้วนเป็นการปลุกปั้นของทีมงาน
มีเพียงซือเฉิงหยู้ ที่เดินตามเสิ้งติ่งมาทีละก้าว ปีนขึ้นมาทีละขั้น
เมื่อวานมู่น่อนน่อนได้เห็นความสามารถในการประชาสัมพันธ์ของเฉินถิงเซียวแล้ว ไม่แปลกใจเลยหากเฉินถิงเซียวจะสามารถทำให้เธอกลายเป็นนักเขียนบทมือทองในวงการได้ภายในหกเดือน
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
อุดมคติเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จำเป็นต้องปกป้อง ต้องรักษาไว้อย่างระมัดระวัง เธอไม่ต้องการความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืนมาทำให้ตัวเองส่องประกาย
ที่เธอต้องการ คืออุคติที่เป็นจริงอย่างแท้จริง
ชีวิตช่างยาวนานขนาดนั้น เธอก็ยังเด็กมาก ตราบใดที่ทำงานหนักไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เธอเชื่อมั่นในตัวเอง
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวคิดไว้มากมายขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการ แต่กลับยังซาบซึ้งใจ
เฉินถิงเซียวเป็นนักธุรกิจ เคยชินกับอุปสรรคในวงการบันเทิง จะทำแผนแบบนั้นเพื่อเธอก็เป็นเรื่องธรรมดา
มู่น่อนน่อนถามเขา “นายคิดว่าฉันไม่ใช้ทางลัดแล้วจะสามารถเป็นนักเขียนบทมือทองได้มั้ย?”
แม้เธอจะเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ก็ยังต้องการการยืนยันเล็กน้อยจากเฉินถิงเซียวอยู่ดี
เฉินถิงเซียวมองเธอเล็กน้อย “ผู้หญิงของฉันเฉินถิงเซียว ต้องสุดยอดที่สุดอยู่แล้ว”
มู่น่อนน่อนได้ยินคำว่า“สุดยอด”นั่น ก็รู้สึกเหมือนเยาะเย้ยเลย
เฉินถิงเซียวถูกเธอจ้อง มุมปากก็ยกขึ้นแล้วยิ้มออกมา
ผู้หญิงของเขาไม่มีทางพ่ายแพ้ และถึงมู่น่อนน่อนจะปีนขึ้นไปไม่ได้จริง ๆ ก็ยังมีเขาไม่ใช่เหรอ?
ความฝันนั้นของเธอ เขาสามารถช่วยให้เธอทำให้เป็นจริงได้เพียงแค่ขยับนิ้ว จะปล่อยให้เธอล้มเหลวได้ยังไง?
……
วันต่อมา
มู่น่อนน่อนต้องไปรายงานตัวที่บริษัทเสิ้งติ่ง
แต่ตอนที่ออกเดินทางในตอนเช้า กลับเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากนั่งรถของเฉินถิงเซียวจึงเกิดความขัดแย้งกันเล็กน้อย
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนยืนกรานอย่างมาก “ฉันนั่งรถประจำทางไปเองก็ได้แล้ว”
ตัวตนประธานบริษัทเสิ้งติ่งของเฉินถิงเซียว ตอนนี้คนที่รู้มีไม่มาก เขาเองตอนที่ออกไปเสิ้งติ่งก็ลึกลับมาก ยังพาเธอไปอีกหนึ่งคน มันจะเสี่ยงมากไป
เฉินถิงเซียวสีหน้าเย็นชา เอ่ยอย่างยอมถอยให้ “งั้นฉันจะให้คนขับรถไปส่งเธอ”
“ไม่ได้” มู่น่อนน่อนส่ายหน้า เธอเป็นแค่ผู้ช่วยนักเขียนบทฝึกหัด จะไปมีคนขับรถส่งไปบริษัทได้ยังไง!
สีหน้าของเฉินถิงเซียวก็ยิ่งเย็นชาเข้าไปอีก เรียกชื่อของเธอเสียงหนัก “มู่น่อนน่อน”
ช่วงนี้มู่น่อนน่อนเข้ากับเฉินถิงเซียวได้ดีมาก ความเข้าใจต่อเฉินถิงเซียวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับเฉินถิงเซียวที่กำลังโกรธ ทักษะการตอบสนองของเธอก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เธอก้าวเข้าไปอยู่ต่อหน้าเฉินถิงเซียว เขย่งเท้าจูบเขาทีหนึ่ง ก่อนลูบหัวของเขา “ตอนนี้ฉันที่จะเข้าไปในบริษัทคือผู้ช่วยฝึกหัดคนหนึ่ง ถ้าคนอื่นเห็นว่าฉันมีรถหรูรับส่งเข้าออกงาน ยังไม่รู้เลยว่าจะพูดถึงฉันยังไงกัน จริง ๆ นะ ฉันนั่งรถประจำทางไปก็ได้แล้ว…..”
เฉินถิงเซียวที่เหมือนสิงโตสง่าที่กำลังจะโกรธเมื่อครู่ ถูกการกระทำของมู่น่อนน่อนทำให้สงบลงได้สำเร็จ กลิ่นอายทั้งร่างอ่อนลงไปไม่น้อย
“งั้นฉันจะพาเธอไปส่งที่ป้ายรถเมล์”
“โอเค”
เฉินถิงเซียวส่งมู่น่อนน่อนที่ป้ายรถเมล์ มองเธอขึ้นรถแล้วถึงให้สือเย่ขับรถไปที่บริษัทเสิ้งติ่ง
มู่น่อนน่อนที่เห็นว่าในที่สุดเฉินถิงเซียวก็ไปแล้ว ก็ถอนหายใจ
เพียงแต่ เมื่อรถเมล์ผ่านสัญญาณไฟจราจร มู่น่อนน่อนมองไปด้านหลังอย่างไม่ตั้งใจ ก็เห็นรถเบนท์ลีย์รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นสุดหรูคันนั้นของเฉินถิงเซียวที่อยู่ด้านหลังอยู่ด้านหลังของรถเมล์
มู่น่อนน่อน “…..”
เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวคนนี้ บางทีก็ทำอะไรไร้เดียงสาเสียจริง
เธอละสายตากลับมา หยิบมือถือออกมาโทรกาเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวรับสายเร็วมาก “ทำไมเหรอ?”
“นายมาคอยตามอยู่ด้านหลังรถเมล์ทำไมน่ะ!” มู่น่อนน่อนมือหนึ่งถือมือถือ กดเสียงต่ำถามเขา
เฉินถิงเซียวชะงัก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังสุด ๆ “ก็เพราะรถเมล์อยู่ด้านหน้า เราก็ได้แต่วิ่งอยู่ข้างหลังน่ะสิ”
“นาย…..” มู่น่อนน่อนโมโหจนวางสายไป
พรุ่งนี้เธอไม่นั่งรถประจำทางแล้ว ไปนั่งรถไฟใต้ดิน ดูซิว่าเขาจะตามยังไง!
……
ถึงบริษัท ก็มีคนพามู่น่อนน่อนไปดำเนินการตามขั้นตอนการเข้าทำงาน
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตลาดภาพยนตร์และโทรทัศน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความต้องการบทภาพยนต์สูงมาก
และนักเขียนบทภาพยนตร์ที่ดีมักเป็นที่ต้องการของตลาด ยกเว้นบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์รายใหญ่บางแห่งที่สามารถหานักเขียนบทชั้นนำที่จะร่วมมือด้วยได้ ในอีกด้านหนึ่งบริษัทเล็ก ๆ ค่อนข้างจะยากลำบากไปสักหน่อยในเรื่องนี้
ส่วนบริษัทเสิ้งติ่งนั้นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมีข้อได้เปรียบ แต่ก็ยังคงขาดแคลนความสามารถของคนในด้านนี้
เมื่อก่อนตอนที่มู่น่อนน่อนยังเรียนอยู่ก็เคยเขียนบทแล้ว ก็ถือว่ามีประสบการณ์นิดหน่อย แต่เข้าบริษัทมาแล้ว ยังต้องศึกษาใหม่ตั้งแต่ต้น
นักเขียนบทภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเสิ้งติ่งนั้นขาดแคลนคนมาก ถึงมู่น่อนน่อนจะมาวันแรก ก็ยังถูกจัดเตรียมเรื่องเอาไว้ไม่น้อย
เมื่อเฉินถิงเซียวชวนเธอกินข้าวตอนเที่ยง พอเธอเข้ามาในห้องทำงานของเขาก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาทันที
“เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?” เฉินถิงเซียวเอาน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง
มู่น่อนน่อนรับแก้วน้ำไว้แล้วดื่มรวดเดียวหมด
“นักเขียนบทภาพยนตร์และโทรทัศน์ของบริษัทนายมีคนน้อยเกินไปแล้ว ยุ่งสุด ๆ เลย” เหตุผลที่เธอยุ่งมาก ไม่ใช่ว่าพนักงานเก่ากลั่นแกล้งเด็กใหม่ แต่มันยุ่งจริง ๆ !
เฉินถิงเซียวใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนพูด “เพราะยุ่งเกินเหนื่อยเกิน ดังนั้นหลายคนก็เลยทนไม่ไหวจนลาออกไปไง”
มู่น่อนน่อน “…..งั้นต้องขึ้นเงินเดือนมั้ย?”
เขามองมู่น่อนน่อนเล็กน้อย “ทั้งวงการบันเทิง ไม่มีบริษัทไหนที่เงินเดือนนักเขียนบทสูงกว่าของเสิ้งติ่งอีกแล้ว”