ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่212 ฉันมีแค่เธอ
บทที่212 ฉันมีแค่เธอ
ตอนเย็นมู่น่อนน่อนกินไปค่อนข้างเยอะ ตอนนี้อาเจียนรุนแรงมาก ดังนั้นกลิ่นก็เลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ตัวเธอเองไม่ได้กลิ่น แต่ว่าเฉินถิงเซียวรู้สึกได้อย่างชัดเจนมาก
เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รอจนเธออาเจียนเสร็จแล้ว ก็หยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดให้เธอ แล้วก็หยิบน้ำขวดหนึ่งมาส่งให้กับเธอ
“ลงรถเถอะ” เสียงของเฉินถิงเซียวสงบลง
เขาเปิดประตูแล้วลงจากรถ ถอดเสื้อคลุมและเสื้อกันหนาวที่เลอะอาเจียนของมู่น่อนน่อนออก เหลือเพียงแค่เสื้อเชิ๊ตบางๆ เท่านั้น
แต่ว่าร่างกายของน่อนน่อนไม่ได้เลอะอะไรเลย
ตอนที่เธอลงจากรถนั้น ก็มีลมเย็นพัดเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมากอยู่
เธอหันไปมองเฉินถิงเซียวที่สวมใส่เพียงแค่เสื้อเชิ๊ตบางๆ เท่านั้น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถาม “หนาวไหม? ”
ตอนที่เธอมองไปที่เฉินถิงเซียวนั้น เฉินถิงเซียวก็หันมามองเธอ
พึ่งจะอาเจียนออกไปรอบหนึ่ง ดวงตาของเธอก็ชื้นและขอบตาก็แดงเล็กน้อย มองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวพร้อมกับเม้มปาก น่าสงสารมาก
ดังนั้นคำพูดว่า “แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ” พอออกจากปากมาแล้วเปลี่ยนเป็นคำว่า “ไม่หนาว”
มู่น่อนน่อนเตรียมใจจะรับคำพูดที่หยาบคายของเฉินถิงเซียวแล้ว หลังจากนั้นก็เตรียมคำพูดว่า “สมน้ำหน้า” แต่ผลก็คือเขากลับบอกว่าไม่หนาว
คุณผู้ชายเฉินนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ด้วย อุณหภูมิเกือบจะต่ำกว่าศูนย์ ใส่เพียงแค่เสื้อเชิ๊ตบางๆ กลับไม่รู้สึกหนาว
คำว่า “ไม่หนาว” ของเฉินถิงเซียวมันไม่ใช่แค่การพูดส่งๆ ไปเท่านั้น มู่น่อนน่อนนั้นรู้สึกหนาวจนตัวสั่น แต่ว่าเฉินถิงเซียวกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวเลย
……
รถสกปรกแล้ว มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวเรียกรถแท็กซี่กลับด้วยกัน
ส่วนรถของเฉินถิงเซียวนั้น ก็ให้บอดี้การ์ดไปขับกลับ
พอกลับไปถึงบ้าน เฉินถิงเซียวไปอาบน้ำที่ห้องทำงาน ส่วนมู่น่อนน่อนก็ไปอาบน้ำที่ห้องนอน
ตอนที่มู่น่อนน่อนออกมาจากห้องน้ำนั้น ก็เห็นเฉินถิงเซียวใส่ชุดนอนนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตรงหน้าหน้าต่าง
ไฟหน้าห้องนอนไม่ได้เปิด มีโคมไฟตั้งพื้นสีเหลืองสลัวอยู่ข้างๆ เขา แสงไฟปกคลุมที่ร่างกายของเขา ทำให้เขาดูอ่อนโยนขึ้นมาก
แต่ว่าไม่มีใครรู้ดีไปกว่ามู่น่อนน่อนหรอก
ว่าความอ่อนโยนทั้งหมดบนร่างกายของเฉินถิงเซียวนั้นมันเป็นแค่เพียงภาพลวงตา
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปหาเขา เตรียมจะนั่งลงข้างๆ เขา
แต่ไม่ทันคิดเลยว่า เธอพึ่งจะเดินเข้าไป ก็ถูกเฉินถิงเซียวดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
เขาส่งไวน์ที่ตัวเองดื่มไปแล้วจิบหนึ่งให้มู่น่อนน่อน “ดื่มหน่อยสิ”
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วแล้วดันออก “ฉันไม่อยากดื่ม” หลังจากอาบน้ำแล้วเธอไม่อยากกินหรือดื่มอะไรอีกแล้ว
เฉินถิงเซียวเองก็ไม่ได้บังคับเธอ เขาจิบด้วยตัวเอง แล้วก็กดลงไปที่ริมฝีปากของเธอ
ยกริมฝีปากของเธอขึ้นมา แล้วก็ส่งผ่านไวน์ในปากของตัวเองเข้าไปในปากของเธอ
มู่น่อนน่อนที่ถูกเขาป้อนไวน์โดยที่ไม่ทันตั้งตัวนั้น เกือบจะสำลัก
เฉินถิงเซียวเอื้อมมือไปลูบผมยาวๆ ของเธอ การเคลื่อนไหวนั้นนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
หลังจากที่มู่น่อนน่อนฟื้นตัวแล้วนั้น ก็ทุบลงไปที่หน้าอกของเฉินถิงเซียวอย่างไม่เบาไม่หนักเท่าไหร่นัก
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปกุมหมัดเล็กๆ ของเธอไว้ หลุบตาเพื่อให้เปลือกตาปกปิดอารมณ์ในดวงตาของตัวเองไว้ น้ำเสียงเย็นชา “เขาคือเหตุผลที่ทำให้เธอทิ้งบอดี้การ์ดเหรอ? ”
คำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา ทำให้มู่น่อนน่อนงุนงงไปอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ตอบสนองว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
“หมายความว่ายังไง? ”เขาบอกว่าที่เธอทิ้งบอดี้การ์ด ก็เพราะว่าจะไปเจอเสิ่นชูหานยังงั้นเหรอ?
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองหน้าเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “เธออยากไปจากฉัน”
“นายพูดอะไรกัน! ”มู่น่อนน่อนใจสั่น ขมวดคิ้ว “ฉันไม่เข้าใจว่านายกำลังพูดอะไรอยู่”
“เธอไม่ไปถ่ายรูปแต่งงาน เธอไม่อยากแต่งงานกับฉัน”ตอนที่เฉินถิงเซียวพูดอยู่นั้น สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่ว่ามู่น่อนน่อนสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ตึงเครียดในคำพูดของเขา
“ฉันเคยอธิบายกับนายไปแล้วไง คือว่าฉัน……อุ้บ……”
เฉินถิงเซียวไม่อยากฟังเธออธิบายเลย ในใจของมู่น่อนน่อนคิดอะไรอยู่นั้น เขาเข้าใจดีอยู่แล้ว
เขาจับเอวของมู่น่อนน่อนไว้ด้วยมือเดียว แก้วไวน์ในอีกมือหนึ่งนั้นร่วงลงที่พื้น พื้นนั้นปูด้วยพรม แก้วไวน์ไม่ได้แตก ไวน์ที่ยังดื่มไม่หมดนั้นก็เปื้อนเต็มพรม
เฉินถิงเซียวจับมู่น่อนน่อนที่นั่งอยู่บนร่างกายของเขา เกี่ยวเอวและขาของเธอ ลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มเธอไปที่เตียง แล้วทั้งสองคนก็ล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน
มู่น่อนน่อนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ เธอหอบแล้วถามว่า “นายหย่ากับมู่หวั่นขีแล้วเหรอ? ”
“อืม” บนหน้าผากของเฉินถิงเซียวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมา เขาหายใจอย่างหนักหน่วงและตอบคำถามของเธอ
ตอนนี้พวกเขาไม่เหมาะกับการมีลูก
เธอคิดเรื่องพวกนี้อย่างงุนงง สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป
เฉินถิงเซียวพลิกตัวลงจากเตียง เอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้มู่น่อนน่อน
เขาลดสายตาลง ท่าทางของเขานั้นทั้งนุ่มนวลและเชื่องช้า ตั้งใจเหมือนกับศิลปินที่กำลังรักษาผลงานศิลปะที่ล้ำค่าและหายาก
พอเช็ดตัวให้มู่น่อนน่อนเสร็จแล้วนั้น เขาก็ปัดผมที่เปียกเหงื่อตรงหน้าผากของเธอออก แล้วก็จูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ เสียงของเขาเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “ฉันต้องการแค่เธอเท่านั้น”
มู่น่อนน่อนระหว่างที่สะลึมสะลืออยู่นั้นเหมือนได้ยินใครพูดอะไรอยู่ข้างหู เธอพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้น ภาพเงาของคนตรงหน้านั้นไม่ชัดเจน แต่ว่าเธอก็รู้ว่าเขาคือเฉินถิงเซียว
เธอง่วงมากจริงๆ พยายามที่จะยกมือขึ้นมา วินาทีต่อมาเธอรู้สึกได้ว่ามือของเธอถูกจับด้วยฝ่ามือที่หนาและอบอุ่น เธอรู้สึกสบายใจ หลับตาลงแล้วก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่จ้างเตียง นั่งจ้องเธออยู่นาน แล้วก็เอามือของเธอวางกลับเข้าไปใต้ผ้าห่ม
……
วัดถัดมา
ตอนที่มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมานั้น ที่ด้านข้างของเธอก็ว่างเปล่า
เธอยื่นมือออกไปลองจับดู ก็พบว่าไม่ได้มีอุณหภูมิอะไรเลย หมายความว่าเฉินถิงเซียวตื่นได้สักพักแล้ว
เธอพยุงตัวเองลุกขึ้นมา พิงหัวเตียงแล้วก็คำนวณระยะวันที่ปลอดภัยของตัวเอง
คำนวณไปมาก็รู้สึกว่าไม่ค่อยตรงเท่าไหร่นัก ถ้ายังงั้นก็ต้องกินยาแล้วล่ะ
เรื่องมีลูกนั้น ตอนนี้เธอยังไม่เคยนึกถึงมาก่อน
นอกจากเรื่องที่ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินถิงเซียวยังไม่มั่นคงนั้น เธอเองก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะทำ
เธอพึ่งจะอายุ 22ปี ชีวิตของเธอพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น เธอไม่ได้มีแม่ที่ดี และบางทีตัวเธอเองก็อาจจะเป็นลูกสาวที่ล้มเหลวด้วย
ต่อให้ตอนนี้จะมีลูก เธอก็ไม่รู้ว่าจะดูแลเขาได้ยังไง