ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่215ปล่อยให้จะพูดออกไปและจะทะเลาะกับเขา
บทที่215 ปล่อยให้จะพูดออกไปและจะทะเลาะกับเขา
มู่น่อนน่อนไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเกิดว่าเธอบอกว่าเธออยากได้ดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า เฉินถิงเซียวก็ต้องคิดหาวิธีเอามันมาให้เธอ
ดูจากความสามารถของเฉินถิงเซียวแล้ว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถเก็บดาวมาให้เธอได้จริงๆ
พอคิดได้แบบนี้ มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะขำตัวเอง
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาด้านล่าง แล้วก็ได้เจอกับอาหู
พออาหูเห็นเธอ ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความสุข “กินอะไรหน่อยแล้วค่อยไปเถอะค่ะ ต่อให้จะออกไปกินข้าวกัน แต่ว่าตอนเช้าคุณยังไม่ได้กินอะไรเลย กินอะไรรองท้องหน่อยเถอะค่ะ”
อาหารที่เธอถือมาเมื่อกี้นี้ เฉินถิงเซียวก็เรียกให้เธอถือกลับไปที่ห้องครัว
หลายวันมานี้มู่น่อนน่อนไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่นัก พออาหูเห็นเธอ ก็ชักชวนให้เธอกินอาหาร
ตัวเธอเองยังรู้สึกสงสัยนิดหน่อย ฝีมือการทำอาหารของอาหูนั้นค่อนข้างดี ทำอะไรก็อร่อย เหมาะกับความอยากอาหารของเธอ
“ค่ะ” มองไปที่แววตาที่เป็นห่วงของอาหู มู่น่อนน่อนก็ไม่อยากจะปัดความหวังดีของเธอ ก็พยักหน้า
มู่น่อนน่อนไปที่ห้องอาหาร เฉินถิงเซียวก็รอเธออยู่ที่ห้องรับแขก
อาหูยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ สีสันสดใสและก็มีกลิ่นหอม
เป็นเรื่องยากที่มู่น่อนน่อนจะรู้สึกอยากอาหาร อดไม่ได้ที่จะขยับนิ้วและเริ่มกิน
พอเห็นว่าในที่สุดมู่น่อนน่อนก็มีความอยากอาหารและเริ่มกินข้าว อาหูก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
เธอนั่งลงตรงข้ามกับมู่น่อนน่อน มองมู่น่อนน่อนกินข้าวด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน กล่าวด้วยความสะเทือนใจนิดหน่อยว่า “คุณผู้ชายเนี่ย ตอนเด็กๆ นิสัยอ่อนโยนมาก สุภาพอ่อนโยนใครเห็นใครก็ชอบ หลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เปลี่ยนไปจนกลายเป็นแบบนี้ ธรรมชาติแล้วเขานิสัยดี บางครั้งก็สับสนและทำเรื่องที่ไม่ดีลงไปบ้าง คุณก็อย่าเก็บไว้ในใจเลยนะคะ แม้ว่าจะพูดออกไปหรือแม้ว่าจะทะเลาะกับเขา……”
“เด็กคนนั้น ดูเหมือนจะจิตใจเย็นชา แต่ว่าความจริงแล้วนั้น เขาใจดีนะคะ” เหมือนกับว่าอาหูนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้ น้ำเสียงของเธอดูสะเทือนใจมากยิ่งขึ้น
มู่น่อนน่อนหยุดชะงัก รู้สึกร้อนตาเล็กน้อย
แทบไม่เคยมีใครพูดเรื่องนี้กับเธอเลย
ถึงแม้ว่าเสิ่นเหลียงเองจะเป็นห่วงเธอ แต่ว่าเสิ่นเหลียงก็กลัวเฉินถิงเซียวมาก นอกจากจะช่วยเธอด่าเฉินถิงเซียวแล้วนั้น ก็ยังมีความคิดอะไรบางอย่าง
อาหูเคยเห็นเฉินถิงเซียวตอนเป็นเด็ก แน่นอนว่าต้องรู้สึกรักเขา ตอนที่มองเขานั้นเหมือนกับว่ามองลูกของตัวเอง
คำพูดของเธอลึกซึ้งเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจของมู่น่อนน่อน
ตอนที่ทั้งสองคนมองมาที่เธอกับเฉินถิงเซียวนั้น ก็จะเห็นรัศมีของ “คุณผู้ชายตระกูลเฉิน”บนร่างกายของเฉินถิงเซียว พอเป็นแบบนี้แล้วนั้น ไม่ว่าเฉินถิงเซียวจะทำอะไร จะดีกับเธอเหนื่อย หรือว่าทำเรื่องที่มันเกินไป ทุกคนก็จะรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนควรจะคืนดีกับเขา
มีแค่อาหูที่พูดจาแบบนี้ เห็นพวกเขาเป็นแค่คู่รักหนุ่มสาวธรรมดาสองคนเท่านั้น พร้อมกับปลอบใจเธอด้วยคำพูดที่จริงใจ
มู่น่อนน่อนพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะอาหู”
เธอรู้ว่านิสัยของเฉินถิงเซียวนั้นไม่ได้เลวร้าย และก็รู้ว่าเขาดีกับเขาที่เขาห่วงใยมากแค่ไหน และก็ยิ่งเข้าใจเกี่ยวกับความนุ่มนวลในหัวใจของเขา
แต่ว่า เรื่องที่เขาทำในครั้งนี้ ไม่สามารถทำให้มู่น่อนน่อนยอมได้ง่ายๆ
ธรรมชาติของมนุษย์นั้นบางทีก็อ่อนแอ ยอมประนีประนอมครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง
แล้วอีกอย่าง เรื่องครั้งนี้ มันเป็นเรื่องของหลักการ
ถึงแม้ว่าเฉินถิงเซียวต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ว่าในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเฉิน ก็เป็นที่รักและทะนุถนอมของคนมากมาย แน่นอนว่าต้องถูกเลี้ยงมาให้รู้สึกเจ้ายศเจ้าอย่างอยู่แล้ว
แข็งแกร่งและเอาแต่ใจ เรื่องที่กำหนดไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ ไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด
มู่น่อนน่อนจะไม่ตามใจเขาแบบนี้
ครั้งนี้ เธอจะสู้จนถึงที่สุด
แต่ว่า เธอก็รู้สึกสงสัยในสมัยเด็กๆ ของเฉินถิงเซียว “อาหู ป้าเล่าเกี่ยวกับเรื่องตอนเด็กๆ ของเฉินถิงเซียวให้ฉันฟังหน่อยสิคะ”
“ตอนคุณผู้ชายเป็นเด็ก เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป ทุกครั้งที่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยง คุณท่านจะพาเขาไปด้วย โดยเฉพาะใบหน้านั้น พวกสาวน้อยก็จะชอบมาอยู่รอบๆ คุณผู้ชาย เด็กผู้ชายก็เหมือนกัน……”
พอได้ยินอาหูเล่าเกี่ยวกับเรื่องตอนเด็กของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ายากมากที่จะนึกภาพเด็กที่ทักทายคนอื่นด้วยรอยยิ้ม แถมยังช่วยน้องสาวปอกเปลือกลูกอม กับเฉินถิงเซียวในตอนนี้ที่สามารถทำให้คนหนาวตายได้เพียงแค่มองไปที่คนคนนั้น ว่าเป็นคนคนเดียวกัน
เวลานั้นปล้นหลายๆอย่างไปจริงๆ
มันปล้นความสุขและความเยาว์วัยของคนอื่นไปเสมอ
พออาหูเล่าเกี่ยวกับเรื่องของเฉินถิงเซียวตอนเด็กนั้น ก็หยุดไม่ได้แล้ว มู่น่อนน่อนฟังแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจ
ทั้งๆ ที่ตอนแรกบอกว่ากินเพื่อรองท้องแล้วค่อยออกไปข้างนอก ผลก็คือกินไปทั้งหมดหนึ่งชั่วโมง
ตอนที่เธอออกมาจากห้องอาหารนั้น ก็เห็นว่าเฉินถิงเซียวงีบหลับอยู่บนโซฟา
ข้อศอกข้างหนึ่งของเขาวางอยู่บนพนักแขนของโซฟา มือเท้าคาง ที่คางของเขานั้นมีเคราอ่อนๆ บางๆ มองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก
แต่ว่า ใบหน้าของเขานั้นค่อนข้างจะซีดเซียว
ช่วงนี้มู่น่อนน่อนไม่ค่อยได้มองเฉินถิงเซียวเต็มตาเท่าไหร่ ตอนนี้พอมาตั้งใจมองแล้ว ถึงได้พบว่าเฉินถิงเซียวผอมลงไปนิดหน่อย ทำให้เขาดูเย็นชาและดุร้ายขึ้น
อาจจะเป็นเพราะว่าเธอมองอย่างจดจ่อเกินไป ผู้ชายที่ตอนแรกงีบหลับอยู่นั้น จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา
ดวงตาของเฉินถิงเซียวดูงุนงงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็นั่งตัวตรงอย่างรวดเร็ว กลับมามีสติเหมือนเดิม “กินเสร็จแล้วเหรอ? ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า
ตอนที่ออกเดินทางนั้น มู่น่อนน่อนก็สังเกตได้ว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้จะเอาบอดี้การ์ดไปด้วย
เฉินถิงเซียวสตาร์ทรถไปด้วย แล้วก็ถามเธอ “อยากไปไหน? ”
มู่น่อนน่อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดว่า “ไปเดินเล่นรอบๆ แล้วกัน”
เฉินถิงเซียวสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม “อืม”
หลังจากนั้น เฉินถิงเซียวก็พาเธอไปที่โรงแรมจีนติ่ง
รถจอดลงที่หน้าประตูโรงแรมจีนติ่ง มู่น่อนน่อนยกมุมปากของตัวเอง แล้วก็ส่งที่อยู่ให้เสิ่นเหลียง“โรงแรมจีนติ่ง”
เสิ่นเหลียงตอบเธอกลับมาเป็นจุดไข่ปลา เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็รู้สึกไม่มีอะไรจะพูด
มู่น่อนน่อนถือโทรศัพท์จะตอบข้อความของเสิ่นเหลียง ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีเงาหนึ่งอยู่ด้านข้างของตัวเอง เธอหันไปอย่างหวาดกลัว ก็เห็นเฉินถิงเซียวขยับเข้ามา——ช่วยปลดเข็มขัดให้เธอ
เขามองไปที่เข็มขัดนิรภัยอย่างเดียว ตั้งใจช่วยปลดให้เธอ ไม่ได้มองโทรศัพท์ของเธอเลย แล้วก็ถอยออกไป
มู่น่อนน่อนถอนหายใจเบาๆ ถือโทรศัพท์แล้วก็ลงจากรถ
ที่จอดรถอยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรมจีนติ่ง ทั้งสองคนจะไปที่โรงแรมจีนติ่ง ก็ต้องข้ามถนนไป
มู่น่อนน่อนมองซ้ายมองขวา ก็เห็นว่าไม่มีรถขับมา ก็เดินไปข้างหน้าเตรียมจะข้ามถนน
เธอเป็นคนเดินเร็วอยู่แล้ว เฉินถิงเซียวก้าวออกไปเตรียมจะเดินตามเธอให้ทัน ก็หันไปมองด้านข้างเหมือนกับรู้สึกอะไรบางอย่าง ก็เห็นว่ามีรถสีดำคันหนึ่งพุ่งมาที่มู่น่อนน่อนอย่างสูญเสียการควบคุม
ใบหน้าของเฉินถิงเซียวเปลี่ยนไปในทันที แต่ว่าเขาไม่มีเวลาได้คิดแล้ว ร่างกายของเขาตอบสนองไวกว่าสมอง
ตอนที่เขาตอบสนองนั้น ร่างกายของเขาก็ก้าวไปหยุดอยู่ด้านหลังของมู่น่อนน่อน แล้วก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน แล้วทั้งสองคนก็ล้มลงที่พื้นพร้อมกันด้วยความตกใจ
รถบินพุ่งผ่านหัวของทั้งสองคนไป แล้วก็ชนกับรั้วของที่จอดรถ
“เกิดอุบัติเหตุ! ”
“แจ้งตำรวจเร็ว!”
รปภ.ด้านนอกของโรงแรมจีนติ่ง เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เฉินถิงเซียวกอดมู่น่อนน่อนอยู่ รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นกะทันหัน โลกทั้งใบกลายเป็นความเงียบงันในชั่วพริบตา
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงที่ดังอยู่ข้างหู ถึงได้รู้ตัวว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น