ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่382 งานอดิเรกคือชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น
เฉินถิงเซียวนั่งพิงเก้าอี้ น้ำเสียงดูไม่ใส่ใจเป็นอย่างมาก “ไม่ต้องสนใจพ่อ ลูกกินไปเลย”
เฉินมู่แฉเขาอย่างไรความปรานี “แต่เหมือนว่าพ่อกำลังโกรธ……”
เธอพูดไปด้วย ขณะหยิบซี่โครงจากจานอาหารค่ำส่งเข้าปากเขาไปด้วย
ซี่โครงนี้คือสิ่งที่มู่น่อนน่อนึ่งจะคีบให้เธอ
เฉินมู่ใช้ตะเกียบไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ก็เลยใช้มือ กัดจนปากมันไปหมด
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเธอ เอื้อมมือออกไปม้วนแขนเสื้อขึ้น
เฉินมู่ยื่นซี่โครงอีกครึ่งชิ้นที่เหลือของตัวเองไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว ท่าทางดูไม่อยากจะให้ “เนื้อเนื้อ น่ากินๆ ”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร ได้แค่หันหน้าไปทางอื่น ปฏิเสธแบบไร้เสียง
เฉินมู่เห็นว่าเขาไม่กิน ก็รีบเก็บกลับมาในทันที แล้วก็กล่าวอย่างคลุมเครือว่า “ให้พี่สาวสุดสวยให้พ่อกิน”
คำว่า “คีบ”ถูกเธอละทิ้งไป
เฉินถิงเซียวแก้ไขให้เธอ “คุณน้า”
เฉินมู่ทำตามคำแนะนำ “คุณน้าสุดสวย”
มู่น่อนน่อนเห็นการโต้ตอบระหว่างพ่อกับลูกสาว ปากก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
ถึงแม้ว่าเฉินถิงเซียวจะละเอียดรอบคอบไม่พอ แต่ว่าเขาก็ตั้งใจดูแลเฉินมู่อย่างดี
แต่ว่า เฉินมู่คือเด็กน้อยที่ไว้หน้าคนอื่น คำเรียกของเธอหนีไม่พ้นคำว่า “สวย” คำนี้
เฉินมู่กินซี่โครงในมือจนเสร็จ แล้วก็ดูดนิ้วพร้อมกับหันไปมองมู่น่อนน่อน ใบหน้าไร้เดียงสา “คุณน้าสุดสวยเอาเนื้อให้พ่อหน่อยค่ะ”
บรรยากาศดูกระอักกระอ่วนขึ้นในทันที
มู่น่อนน่อนไม่มีทางรู้สึกว่า เฉินถิงเซียวคือคนที่ปล่อยให้คนอื่นคีบอาหารให้ได้มั่วซั่ว
น่าจะเพราะว่าความรู้สึกของระยะห่างค่อนข้างจะชัดเจน มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า แค่การที่ตัวเองนั่งกินข้าวกับเฉินถิงเซียวก็แปลกพอแล้ว อย่าพูดถึงการคีบอาหารให้เขาเลย
“พ่อของหนูอยากกินอะไร เขาก็คีบเองได้ หนู……”
เดิมมู่น่อนน่อนอยากจะผ่อนคลายบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนนี้ ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ เฉินถิงเซียวจะพูดขึ้นมา “มู่มู่ พ่ออยากกินซี่โครง”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะพูดกับเฉินมู่ แต่ว่ามู่น่อนน่อนกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังพูดอยู่กับตัวเอง
บรรยากาศยิ่งกระอักกระอ่วนขึ้นไปกันใหญ่
“หา? ” เฉินมู่มองมือที่มันเยิ้มของตัวเอง ใบหน้าของเด็กน้อยดูทำอะไรไม่ถูก “สกปรก”
ทันใดนั้นลี่จิ่วเชียนก็พูดขึ้นมา “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณเฉินกับลูกดีมากเลยนะครับ คิดว่า คุณน่าจะรักแม่ของเด็กมากเลยนะครับ”
ดวงตาของเฉินถิงเซียวมีหมอกหนาทึบขึ้นมาในทันที พร้อมกับพูดอย่างเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคุณลี่กับคุณมู่ จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักนะครับ”
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ว่าไม่ได้มีท่าทีเหมือนกับว่าจะยอมแพ้ “ดูไม่ออกเลยนะครับ ว่าคุณเฉินมีงานอดิเรกชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นด้วย”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเขานั้นมืดมิด “ไม่เท่ากับการที่คุณลี่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกครับ”
ลี่จิ่วเชียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาโกรธมากแต่กลับยิ้มออกมา “ที่คุณเฉินพูดก็ถูก”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ไปสนใจลี่จิ่วเชียนอีก หันหน้าไปมองเฉินมู่ ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าเสียงก็เบากว่าเดิมลงมาก “กินอิ่มรึยัง? ”
เฉินมู่สัมผัสได้ว่าบรรยากาศดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ก็พยักหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “กินอิ่มแล้วค่ะ”
“ถ้ายังงั้นก็กลับได้แล้ว”เฉินถิงเซียวยื่นมือไปอุ้มเธอขึ้นมา แล้วก็หันไปมองลี่จิ่วเชียนไปมู่น่อนน่อน “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับนะครับ”
พอเห็นว่าเฉินถิงเซียวออกมาแล้ว มู่น่อนน่อนถึงได้เอ่ยปากถามลี่จิ่วเชียนด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด “นายกับคุณเฉินเป็นอะไรกัน? เมื่อก่อนเคยไม่พอใจกันงั้นเหรอ? ”
ตอนที่เฉินถิงเซียวเข้ามาในบ้านนั้น ผู้ชายทั้งสองคนนี้ก็ยังดูปกติดีมากอยู่เลย
เธอก็แค่เข้าไปตักอาหารในครัว ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้?
แล้วอีกอย่าง แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยเห็นลี่จิ่วเชียนใช้น้ำเสียงที่แหลมคมแบบนี้พูดกับใครมาก่อนเลย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธ
ลี่จิ่วเชียนคลี่ยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวกันเถอะ”
มู่น่อนน่อนมองออกว่าลี่จิ่วเชียนไม่อยากจะเจาะลึกเข้าไปในหัวข้อนี้
ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ มู่น่อนน่อนยิ่งรู้สึกว่า เมื่อก่อนลี่จิ่วเชียนน่าจะรู้จักกับเฉินถิงเซียว หรือไม่ก็เคยมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับเฉินถิงเซียว
เขาไม่อยากพูด เธอก็ไม่ถามมาก
สายตาของเธอไปตกอยู่ที่จานของเฉินมู่ ในนั้นมีซี่โครงอยู่แค่ชิ้นเดียวเอง
ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวบอกว่าพวกเขายังไม่ได้กินข้าวกัน
เฉินถิงเซียวทำอาหารไม่เป็นอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เธอก็เคยไปที่บ้านของพวกเขา เหมือนกับว่าไม่มีคนใช้ที่สามารถทำอาหารให้พวกเขาได้ด้วย
กลางคืนยาวนานขนาดนี้ เฉินมู่จะไม่กินอะไรไม่ได้นะ
หรือว่าอีกเดี๋ยวเธอแบ่งอาหารไปให้พวกเขาหน่อยดีไหม?
ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ลี่จิ่วเชียนก็จะยิ่งโกรธ
ต่อให้ลี่จิ่วเชียนไม่ได้แสดงออกมา แต่ว่าในใจของเขาก็ต้องรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน
ในเวลาแบบนี้ เธอควรจะอยู่ฝั่งลี่จิ่วเชียนสิถึงจะถูก
“ทำไมไม่กินล่ะ?”
เสียงของลี่จิ่วเชียนดึงความคิดของมู่น่อนน่อนกลับมา
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”มู่น่อนน่อนยืนขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะอาหารแล้วก็ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
ลี่จิ่วเชียนสังเกตเห็นท่าทางเล็กน้อยของเธอ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ไปเข้าห้องน้ำ หลังจากล็อกประตูแล้ว ก็เปิดแอพสั่งอาหาร
คนอย่างเฉินถิงเซียว ต้องไม่เคยสั่งอาหารด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่คืออะไร
เธอเลือกร้านอาหารที่ดูชั้นสูงหน่อย สั่งอาหารชุดหนึ่งสำหรับเด็กและชุดหนึ่งสำหรับผู้ใหญ่ กรอกเลขที่บ้านของเฉินถิงเซียวเข้าไป แล้วก็ถอนหายใจยาวออกมา
เฉินมู่ไม่จำเป็นต้องหิวแล้ว
……
เฉินถิงเซียวพาเฉินมู่กลับไปที่ห้องตรงข้าม
พอเข้าบ้านมา เฉินมู่ก็ขยันขันแข็ง หยิบรองเท้าของเธอกับเฉินถิงเซียวออกมาให้
ปากยังคงพึมพำ “นี่คือของเฉินชิงเซียว นี่คือของมู่มู่……”
ทันใดนั้น เธอก็ดึงกางเกงของเฉินถิงเซียวอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “พ่อคะ คุณน้าสุดสวยก็นามสกุลมู่ พ่อนามสกุลเฉิน หนูก็มู่ เธอก็มู่……พวกเรานามสกุลมู่เหมือนกัน”
เฉินถิงเซียว:“……”
เขาโน้มตัวลง แล้วก็ยกเฉินมู่ขึ้นมาด้วยมือเดียว
เฉินถิงเซียววางเธอบนตู้รองเท้า แล้วก็ถามเธอด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เกลียดคุณลุงลี่คนนั้นไหม? ”
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมพ่อต้องจริงจังขนาดนั้น เฉินมู่ที่เป็นผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ ก็เอามือไขว้ไว้ด้านหลัง แล้วก็ส่ายหน้าอย่างจริงจัง “คุณลุงลี่ชมว่าหนูเยี่ยม”
เฉินถิงเซียวหน้าตามืดมน “ชมลูกก็ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดีนะ”
เฉินมู่มองเขาตาโตพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ “อะไรคือคนดี? ”
พ่อลูกมองหน้ากันสักพัก และสุดท้ายก็จบสิ้นการมองตากันเพราะว่าเฉินมู่เริ่มง่วง
เฉินถิงเซียวพูดอย่างสูญเสียความมั่นใจเล็กน้อยว่า “ช่างเถอะ”
เขาอาบน้ำให้เฉินมู่ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับพาเธอขึ้นเตียง หลังจากนั้นก็นั่งตกอยู่ในภวังค์คนเดียวอยู่ในห้องนั่งเล่น
ทั้งๆ ที่พึ่งเคยเจอลี่จิ่วเชียนเป็นครั้งแรก แต่ทำไมเขาถึงได้เกลียดลี่จิ่วเชียนขนาดนั้น
พอเห็นว่าลี่จิ่วเชียนกับมู่น่อนน่อนนั่งอยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกขวางหูขวางตา
ตอนแรกเขาคิดว่าเขาเกลียดเพราะว่าตัวของลี่จิ่วเชียนเอง แต่ว่าเฉินมู่กลับไม่ได้เกลียดเขา
เขาเชื่อในสัญชาตญาณของเด็ก
กิ๊ง——
ด้านนอกมีเสียงกดกริ่ง
เฉินถิงเซียวมองดูเวลา นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้ว
ดึกขนาดนี้ ใครยังจะมาได้อีก?
ตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มเลี้ยงเฉินมู่ด้วยตัวเอง ก็รู้สึกว่าสี่ทุ่มก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว
เขาเดินไปเปิดประตูห้อง
พนักงานส่งอาหารยื่นอาหารให้เขากล่องหนึ่ง “คุณเฉิน อาหารของคุณครับ”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว “ผมไม่ได้สั่ง”
พนักงานได้ยินดังนั้นก็พูดว่า “แต่ว่านี่มันเขียนที่อยู่ของคุณไว้นะครับ หรือว่าเพื่อนของคุณสั่งให้? ”