ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่384 นั่นคือลูกสาวของเธอ
เสิ่นเหลียงขับรถไปรับมู่น่อนน่อนไปที่โรงแรมจีนติ่ง
พอขึ้นรถ มู่น่อนน่อนก็ถามเสิ่นเหลียงทันที “มีอะไรเหรอ? ทำไมสีหน้าถึงดูไม่ดีเลย?”
มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงไม่ค่อยได้ติดต่อกันบ่อยเท่าไหร่นัก แต่ก็มองออกว่าเสิ่นเหลียงเป็นคนมีชีวิตชีวา
แต่ว่าในตอนนี้ สีหน้าของเสิ่นเหลียงนั้นตึงเครียด และดูเหมือนว่าจะประหม่าเล็กน้อย
เสิ่นเหลียงส่ายหน้า “ประหม่านิดหน่อยน่ะ”
เธอคิดไปคิดมา แล้วก็พูดเสริมอีก “ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับเธอ เดี๋ยวเธอ……ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยพูดแล้วกัน”
มู่น่อนน่อนเห็นดังนั้น ก็พยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรมากมาย
ทั้งสองคนก็เข้าไปที่โรงแรมจีนติ่งด้วยกัน
เสิ่นเหลียงยื่นเมนูไปตรงหน้ามู่น่อนน่อน “ดื่มอะไรหน่อยไหม? หิวรึเปล่า? ”
ที่จริงแล้วมู่น่อนน่อนไม่หิวแล้วก็ไม่กระหายน้ำด้วย แต่พอเห็นท่าทางประหม่าของเสิ่นเหลียง ก็เลยสั่งกาแฟมาแก้วหนึ่ง
เสิ่นเหลียงลองถามดู “ช่วงนี้เธอจะนึกเรื่องเมื่อก่อนขึ้นได้บ้างไหม? ”
“ไม่เลย” สีหน้าของมู่น่อนน่อนดูนิ่งเรียบ
เธอไปตรวจมาเมื่อไม่กี่วันก่อน หมอบอกว่าร่างกายของเธอหายดีแล้ว
ส่วนเรื่องความจำ เธอจำไม่ได้เลย และหมอก็ช่วยอะไรไม่ได้
ไม่มีความทรงจำเลยแม้แต่นิดเดียว ในใจของมู่น่อนน่อนก็รู้สึกหวาดกลัว เหมือนกับว่าร่างกายลอยอยู่กลางอากาศ รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง
บางครั้งเธอก็สงสัยว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เสิ่นเหลียงเม้มปาก แล้วก็ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าของมู่น่อนน่อน “มีความทรงจำอะไรกับคนๆ นี้ไหม? ”
สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์คือภาพถ่าย และชายในภาพไม่ใช่คนอื่น แต่ว่าเป็นเฉินถิงเซียว
“ฉันรู้จักเขา เฉินถิงเซียว”มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เธอเอารูปเขาให้ฉันดูทำไมเหรอ? ”
เสิ่นเหลียงละเลยประโยคหลังของเธอไป และพูดด้วยความตกใจ “เธอรู้จักเขาเหรอ? ถ้ายังงั้นเธอยังบอกว่าเธอยังจำอะไรไม่ได้อยู่อีกเหรอ? ”
“ประธานบริษัทบริษัทเฉินซื่อ ใครเคยอ่านข่าวการเงินก็รู้จักเขาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ” มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเสิ่นเหลียงจะจู้จี้เกินไปแล้ว
เสิ่นเหลียงถาม “แค่นี้เหรอ? ”
“อืม……”มู่น่อนน่อนลังเลยอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อวานเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดเดียวกับพวกเรา แล้วก็มีลูกสาวอีกคนหนึ่ง”
“คอนโดของพวกเธอเหรอ? ” เสิ่นเหลียงรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเครื่องทวนคำพูด ทุกครั้งที่มู่น่อนน่อนพูด เธอก็จะพูดซ้ำอีกครั้งด้วยความตกใจ
มู่น่อนน่อนเห็นว่าเธอประหลาดใจขนาดนี้ ก็พูดตามความจริง “แล้วอีกอย่าง……ก็อยู่ตรงข้ามห้องของพวกเราด้วย”
“อะไรนะ? ” เสิ่นเหลียงยื่นมือออกมาลูบผมของตัวเอง รู้สึกมึนงงไปเล็กน้อย
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ทั้งสองคนต่างสูญเสียความทรงจำไม่ใช่เหรอ?
เสิ่นเหลียงพยายามตั้งสติให้มั่นคง “ก็หมายความว่าพวกเธอเคยเจอกันแล้วใช่ไหม? ”
“ใช่ไง เมื่อวานพวกเขายังมากินข้าวที่ห้องพวกเราอยู่เลย……”มู่น่อนน่อนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
แล้วก็เอ่ยปากย้ำเสิ่นเหลียงอีกครั้ง “เรื่องนี้เธอห้ามพูดออกไปเด็ดขาดเลยนะ”
“เธอเห็นลูกสาวเขาแล้วใช่ไหม? น่ารักไหม? ”เสิ่นเหลียงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาเขย่าไปมา ปกปิดอารมณ์ในหัวใจของตัวเอง
พอพูดถึงเฉินมู่ มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา “น่ารักมาก”
เสิ่นเหลียงยกน้ำขึ้นมาจิบ ราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่าง เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก: “นั่นคือลูกสาวของเธอ”
หนึ่งวินาที สองวินาที……
มีความเงียบแปลก ๆ บนโต๊ะอาหาร
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ถึงจะได้เสียงของตัวเองกลับมา
“เสี่ยวเหลียง……นี่เธอกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม? ”หลังจากที่มู่น่อนน่อนประหลาดใจอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของเสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลียงก็รู้ว่ามู่น่อนน่อนไม่มีทางเชื่อเธอในทันทัหีอก
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “เปล่า สิ่งที่ฉันพูดมันคือเรื่องจริง”
มู่น่อนน่อนเห็นว่าท่าทางของเสิ่นเหลียงเหมือนกับว่าไม่ได้กำลังหลอกเธออยู่ แต่ว่าเรื่องนี้มันฟังแล้วดูเหลวไหล
เฉินมู่คือลูกสาวของเฉินถิงเซียวกับคู่หมั้นของเขา แล้วจะเป็นลูกสาวของเธอได้ยังไงกัน?
เธอกับเฉินถิงเซียว?
แล้วอีกอย่าง เธอก็มีคู่หมั้นของเธอลี่จิ่วเชียน
หรือว่าลี่จิ่วเชียนกำลังหลอกเธออยู่อย่างนั้นเหรอ?
“เฉินมู่คือลูกสาวของฉันงั้นเหรอ? ” มู่น่อนน่อนเม้มปาก หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เธอก็พูดว่า: “ความหมายของเธอก็คือ ก่อนหน้านี้ฉันกับเฉินถิงเซียวเป็น……”
เสิ่นเหลียงเติมคำต่อมาในทันที “สามีภรรยา”
พลั่ก!
มู่น่อนน่อนบังเอิญทำถ้วยกาแฟตกตรงหน้าเธอ และกาแฟสีน้ำตาลก็เลอะเป็นจุดดำบนผ้าปูโต๊ะตาหมากรุกสีเบจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่น่อนน่อนถึงได้เรียกเสียงของตัวเองกลับมาได้ “ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกว่าเธอไม่ได้โกหก แต่ว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นมันค่อนข้าง……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงที่คมชัดตัดบทขึ้นมาก่อน
“มู่น่อนน่อน?”
ทันใดนั้นเสียงแหลมของรองเท้าส้นสูงเหยียบพื้นก็ดังขึ้น
เสิ่นเหลียงเงยหน้าขึ้น ก็เห็นมู่หวั่นขีกำลังเดินก้าวยาวเข้ามา
สายตาของเธอล็อกไปที่มู่น่อนน่อน ความเกลียดชังเต็มอยู่ในดวงตาของเธอ
เสิ่นเหลียงอดไม่ได้ที่จะอุทานคำหยาบออกมา “เชอะ! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
มู่น่อนน่อนหันกลับมา ก็เห็นผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดหนักเดินเข้ามาหาเธออย่างดุดัน
ตอนที่มู่หวั่นขีเห็นใบหน้าของมู่น่อนน่อนนั้น ก็เบิกตาโพลงขึ้นมาในทันที เดิมทีเธอก็แต่งตาเข้มมากอยู่แล้ว ทำให้ใบหน้าของเธอดูดุร้ายมากกว่าเดิม
“นี่เธอยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ? ยังมีชีวิตอยู่? ” มู่หวั่นขีเดินมาอยู่ตรงหน้า แล้วก็ยื่นมือออกมาคว้าเสื้อของมู่น่อนน่อนเอาไว้ ความเกลียดชังในดวงตาของเธอดูเหมือนจะเล็ดลอดออกมา
มู่น่อนน่อนจำไม่ได้ว่าเธอคือใคร แต่ความรู้สึกขยะแขยงในกระดูกของเธอทำให้เธอรู้ว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอเคยมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเธอมาก่อน
เสิ่นเหลียงยืนขึ้น พร้อมกับยื่นมือมาผลักมู่หวั่นขีออก “มู่หวั่นขี เธอจะทำอะไร!”
มู่หวั่นขีไม่ทันป้องกัน แถมแรงของเสิ่นเหลียงก็ค่อข้างเยอะ ทำให้เธอถูกผลักจนล้มลงไปที่พื้น
แต่ว่าสายตาของมู่หวั่นขียังคงจับจ้องไปที่มู่น่อนน่อน พร้อมกับเสียงที่แหลมคม “เฉินถิงเซียวไม่ตาย เธอก็ยังไม่ตาย! ทำไมพวกแกยังไม่ตายกัน แต่ว่าคนที่ตายกลับเป็นเขา!”
มู่น่อนน่อนไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่ว่าเธอสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่มู่หวั่นขีมีต่อเธอ
เสิ่นเหลียงเห็นว่ามู่หวั่นขีกำลังโกรธมาก “ซือเฉิงหยู้รนหาที่ตายเอง ไม่มีใครติดหนี้เขา และไม่มีใครติดหนี้เธอด้วย!”
มู่หวั่นขีไม่สนใจเสิ่นเหลียงเลย สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่มู่น่อนน่อนเหมือนกับงูพิษ “พวกแกจะไม่มีใครมีชีวิตได้อย่างราบรื่นทั้งนั้น พวกแกต้องชดใช้”
เสิ่นเหลียงยืนบังอยู่ตรงหน้ามู่น่อนน่อน “มู่หวั่นขี ถ้าเธอประสาทก็ไปรักษาตัวเอง อย่ามาเป็นบ้าอยู่ที่นี่!”
ตอนนี้เอง ผู้จัดการของมู่หวั่นขีก็รีบตามเข้ามา
“หวั่นขี นี่เธอทำอะไรเนี่ย!” ผู้จัดการรีบเข้ามาดึงมู่หวั่นขีให้ลุกขึ้นมาจากพื้น “เธอไม่กลัวถูกถ่ายรูป แล้วเอาไปแบล็คเมล์อีกครั้งเหรอ”
“ก็ปล่อยให้พวกมันแบ็คเมล์ไปสิ พวกนั้นนอกจากจะพ่นน้ำลายในอินเทอร์เน็ตแล้วยังจะทำอะไรฉันได้อีก”มู่หวั่นขีลุกขึ้นจากพื้นด้วยใบหน้าที่ไม่แยแส
ผู้จัดการรีบจัดเสื้อผ้าให้เธอในทันที
เพราะว่าอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน ผู้จัดการของมู่หวั่นขีเองก็รู้จักเสิ่นเหลียง แล้วก็เอ่ยปากทักทาย “คุณเสิ่น”
เสิ่นเหลียงยิ้มอย่างฝืนๆ “ดูแลศิลปินตัวเองให้ดีด้วยนะคะ”
ผู้จัดการยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ดึงมู่หวั่นขีแล้วเดินออกมา
ก่อนที่มู่หวั่นขีจะไป ก็หันกลับมามองมู่น่อนน่อน สายตาเต็มไปด้วยความดุร้าย