ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่392 สถานการ์ภายใน
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียว ดูจริงจังและขึงขังจนทำให้เฉินจิ่งหยุ้นกลัว
เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ลุกลน ” ถิงเซียว! ”
” เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว เรื่องไหนที่ไม่ควรยุ่งก็อย่ายื่นมือเข้ามายุ่ง ” เฉินถิงเซียวสงสายตาที่สะท้อนไปถึงภายในใจใส่เธอ
สีหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นตอนนี้เปลี่ยนไปโดยพลัน เท้าของเธอสะดุดโซซัดโซเซ ตุปัดตุเป๋ไปข้างหลังสองก้าว แล้วเอามือพยุงโต๊ะทำงานเพื่อให้ตัวเองยืนนิ่งได้
ถึงแม้เธอกับเฉินถิงเซียวตอนเด็กจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่
แต่พวกเขาก็เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ถึงจะมีบางครั้งที่มีพูดกันไม่ชัดเจนแต่ทั้งคู่ก็ต่างรู้กัน
เช่นในเวลานี้ ความหมายโดยนัยของเฉินถิงเซียวคือ เขารู้อยู่แล้วว่าเธอเล่นกลอุบายบางอย่างกับการเปรียบเทียบDANฉบับนี้
เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็ออกไปพร้อมกับสือเย่
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเฉินจิ่งหยุ้นเห็นว่านายของตัวเองไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย ก็ส่งเสียงเรียก ” คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ”
เฉินจิ่งหยุ้นไม่สนใจพวกเขา แต่เอาผลรายงานDNAนั้นขึ้นมาดู
เธอจ้องไปที่” มู่น่อนน่อน ” สามตัวนี้ ด้วยสายตาที่คมดั่งมีด
เรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ครึ่งเก่าเล็กๆ นั้นแทบไม่เหลืออยู่เลย มู่น่อนน่อนดันไม่ตายเสียอย่างงั้น?
เฉินจิ่งหยุ้นกำมือแน่น เกลียดจนกัดฟันกรอด ทุกครั้งมันต้องเป็นนังผู้หญิงคนนี้ที่ทำลายเรื่องดีๆ ในชีวิตเธอ!
ผ่านไปนานมาก เธอถึงจะสงบอารมณ์ของตัวเองได้ แล้วพูดต่อว่า ” ไปสืบเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อว่ามู่น่อนน่อนมา ”
……..
มู่น่อนน่อนให้คนขับรถไปส่งเธอที่โรงพยาบาล
ตลอดทางเธอเอาแต่คิดเรื่องผลตรวจของDNA
แต่จะคิดยังไงก็หาเหตุผลของเรื่องนี้ออกมาไม่ได้
เสิ่นเหลียงคงไม่หลอกเธอหรอก ตอนนั้นเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ดูโกรธอะไร จะกลับให้คนรีบพาเธอออกไป
หรือว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในอย่างอื่น?
เราออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มู่น่อนน่อนความจำเสื่อม จึงมีอาการร้อนใจเช่นนี้
ถ้าเธอไม่ได้ความจำเสื่อมก็คงดี
ถ้าไม่ได้ความจำเสื่อม ปัญหาทั้งหมดที่มีตอนนี้คงไม่มีตั้งแต่แรก
เธอก็คงจะรู้ว่าตัวเองมีหรือไม่มีลูกสาว รู้ว่าตัวเองเคยผิดใจกับใคร แล้วก็รู้ว่าตัวเองเคยรักใครมาก่อน
คงไม่ต้องคิดหนักอยู่กับการเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำเช่นนี้
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ในสวนดอกไม้สักพัก ก็ลุกขึ้นเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยของลี่จิ่วเชียน
เธอพักประตูเข้าไป ก็เห็นกับตำรวจที่ใส่เครื่องแบบหลายคนยืนอยู่ในนั้น
ลี่จิ่วเชียนนั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง แล้วหน้ามาทางประตู
เมื่อเห็นว่าเป็นมู่น่อนน่อนที่เข้ามา เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า ” กลับมาแล้วเหรอ ”
” อืม ”
มู่น่อนน่อนตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้ามา ลี่จิ่วเชียนก็อธิบายกับเธอ ” ตำรวจเข้ามาสอบถามเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์น่ะ ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า แล้วเทน้ำให้ลี่จิ่วเชียน
ตำรวจก็สอบปากคำเบื้องต้นไปด้วย เป็นคำถามปกติทั่วไป
” คุณลี่ คุณเคยผิดใจอะไรกับใครหรือเปล่า? ”
” ไม่มีครับ ”
” เคยผิดใจอะไรกับใคร แต่ตัวเองไม่รู้ตัวหรือเปล่าครับ ”
” ความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยนะ….. ”
ตำรวจพยายามซักถาม แต่ดูเหมือนข้อมูลจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ยังไม่ตำรวจนั้นก็หันมาถามทางมู่น่อนน่อน ” ตอนที่เรื่องเกิด คุณมู่ก็อยู่ในรถด้วยใช่ไหมครับ? ”
มู่น่อนน่อนให้ความร่วมมือกับตำรวจ ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง ” ใช่ค่ะ ฉันนั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับ ”
ตำรวจก็ถามคำถามเดียวกันขึ้นมา ” คุณมู่เคยผิดใจอะไรกับใครไหมครับ? ”
มู่น่อนน่อนคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง นึกถึงคนที่พึ่งรู้จักในช่วงนี้
นอกจากลี่จิ่วเชียนก็คงจะเป็นพวกเสิ่นเหลียง
ถ้าพูดถึงคนที่ผิดใจละก็…….
มู่น่อนน่อนก็นึกถึงมู่หวั่นขีทันที
สายตานั้นของมู่หวั่นขีที่เกลียดเธอเข้ากระดูกดำ มู่น่อนน่อนก็นึกย้อนกลับไปคิดจนถึงตอนนี้ ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพรางๆ
เมื่อเธอกำลังจะพูด ก็ได้ยินลี่จิ่วเชียนพูดขึ้นว่า ” เพื่อนผมเพิ่งหายจากการพักฟื้น เรื่องก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ก็ลืมไปหมดแล้ว และดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ ”
เมื่อตำรวจได้ยินอย่างนั้น ก็ไม่ถามอะไรมาก
เขาดูมารู้จักมักจี่กับลี่จิ่วเชียน ตอนที่กำลังจะออกไป ก็ไม่ลืมที่จะกำชับ ” มีเรื่องอะไรก็ติดต่อพวกเรามาได้ ดูแลร่างกายกันด้วยล่ะ ”
หลังจากที่ตำรวจไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ” คุณรู้จักตำรวจด้วยเหรอ? ”
” เมื่อก่อนเคยช่วยมาทำงานเป็นทีมสอบสวนน่ะ เลยรู้จักอยู่หลายคน ”
ลี่จิ่วเชียนตอบมาคำเดียว มู่น่อนน่อนก็ไม่อยากถามอะไรมาก
มู่น่อนน่อนกลับรู้สึกทึ่งเล็กๆ ” คุณเก่งขนาดนี้ ถ้าอยู่ต่างประเทศต้องไปได้ไกลมากแน่เลย? ”
ลี่จิ่วเชียนพูดไปตามอารมณ์ ” ใช่น่ะสิ คงจะเป็นเพราะผมไม่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงานละมั้ง ”
……
พอถึงตอนกลางคืน มู่น่อนน่อนก็ออกไปซื้ออาหารเย็นให้ลี่จิ่วเชียน
เมื่อเธอออกจากโรงพยาบาล ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากรถ แล้วสาวเท้ามาถึงเธอ
ด้วยสายตาที่ขมุกขมัว ทำให้เธอดูไม่ออกว่าคนคนนั้นคือใครในทันที
จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเดินมาก็ใกล้ มู่น่อนน่อนถึงรู้ว่าเป็นมู่หวั่นขี
มู่หวั่นขีสวมเดรสสีดำทั้งตัว และแต่งหน้าจัดเหมือนครั้งที่แล้ว
เหมือนเธอจะเปล่งเสียงออกมาจากใต้ไรฟันว่า ” มู่น่อนน่อนแกไม่เป็นไรเลยสักนิดสินะ! ”
มู่หวั่นขีไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธเกลียดที่เธอมีต่อมู่หวั่นขี
ถ้ามู่น่อนน่อนเดาไม่ออก ก็คงจะโง่เต็มที
มือของมู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างๆ กำแน่นไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเล็กน้อย ” เธอเป็นคนตัดสายเบรกรถของลี่จิ่วเชียนใช่ไหม? ”
” ก็ใช่น่ะสิ ฉันตัดเอง “มู่หวั่นขีไม่แม้แต่จะแถข้างๆ คูๆ แต่ยอมรับออกมาโต้งๆ
วินาทีต่อมา เธอก็ยื่นมือไปบีบคางของมู่น่อนน่อนเอาไว้ ราวกับว่าเธอเกลียดมู่น่อนน่อนจนอยากจะฉีกเป็นชิ้นๆ ” แต่ทำไมเธอยังยืนครบสามสิบสองอยู่ตรงนี้ได้นะ? หือ? ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะโชคดีอะไรขนาดนี้! ”
คางของมู่น่อนน่อนถุงบีบจนเธอเริ่มรู้สึกเจ็บ
เธอขมวดคิ้ว และสะบัดมือของมู่หวั่นขีออก ” เธอเห็นชีวิตคนเป็นอะไรกัน? ”
มู่หวั่นขียิ้มเยาะ ” ฉันจะไปสนใจชีวิตอะไรของเธอทำไมกัน รอก่อนเถอะ มู่น่อนน่อน! ฉันจะไม่ยอมให้เธออยู่ดีแน่! ”
เมื่อเธอพูดจบ ก็หันตัวแล้วสาวเท้าจากไป
เมื่อมู่น่อนน่อนเห็นว่าเธอหายไปแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์โทรหาตำรวจ
………….
เมื่อกลับถึงห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง สายตาที่มู่น่อนน่อนมองลี่จิ่วเชียนเต็มไปด้วยความอายแก่ใจ
ลี่จิ่วเชียนเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ปกติก็จะสุภาพอ่อนโยนต่อผู้คน และไม่เคยผิดใจกับใครมาก่อน
อุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนี้ มู่หวั่นขีจงใจพุ่งมาที่ตัวเธอ แล้วยังต้องดึงลี่จิ่วเชียนเข้ามาพัวพันด้วยอีก
เมื่อมู่น่อนน่อนเอาเนื้อในจานแบ่งให้ลี่จิ่วเชียนครั้งที่สามแล้ว ลี่จิ่วเชียนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า ” ทำไมกัน ตั้งแต่กลับมาแล้ว เธอดูแปลกๆ นะ? ”
มู่น่อนน่อนถอนหายใจ ” ขอโทษนะ เรื่องที่เกิดครั้งนี้ มันเป็นเหตุมาจากฉันเอง ”
ลี่จิ่วเชียนได้ยินที่พูด ก็ทำหน้าจริงจัง นิ่งๆไป ” ดูเหมือนว่าคุณจะผิดใจกับคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตเสียด้วยสินะ ”
” ก็ใช่น่ะสิ ”
มู่หวั่นขีต้องสะกดรอยตามเธอไปแน่ๆ ถึงจะรู้ว่าเธอกับลี่จิ่วเชียนอยู่ด้วยกัน ก็เลยหารถของลี่จิ่วเชียนเจอ
เพียงแต่ถ้ารู้สึกสังหรณ์ใจสักนิด ก็คงไม่พาชีวิตของลี่จิ่วเชียนไปเสี่ยงด้วยแน่ๆ
ตอนนี้มู่หวั่นขีแทบจะทำตัวมันหมาบ้าไปแล้ว เพียงแค่ทำให้มู่น่อนน่อนตาย เธอก็ไม่สนใจว่าจะต้องทำให้คนที่ไม่มีความผิดตายตามไปด้วย
ดูเหมือนว่า เธอจะต้องกลับไปหาเสิ่นเหลียงแล้วคุยเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น
เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าตัวเองทำความผิดอะไรร้ายแรงมากันแน่ ถึงทำให้มู่หวั่นขีโกรธเกลียดเธอขนาดนี้
……
หลังจากที่มู่น่อนน่อนแจ้งตำรวจไปแล้ว ทางตำรวจก็ให้คนไปตามหามู่หวั่นขีเพื่อสอบปากคำ
มู่หวั่นขีรอบคอบและระมัดระวังมาก ใช้เวลาหลายวันจึงจะสามารถเอาผิดกับมู่หวั่นขีได้
แต่ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจมากที่สุด ไม่รู้ว่าใครคอยปกป้องเธออยู่ ผ่านไปไม่กี่วันเธอก็ออกมาได้แล้ว