ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 145
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 145 ความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ต่อเจ้า
หลินซินเยียนมองหลี่ถึง บุตรสาวของตระกูลที่ งามเฉิดฉายเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะชนนางบาดเจ็บ แต่ เมื่อท่านหมอมีข้อห้ามว่านางจะพบเจอสิ่งอัปมงคล นางกลับลุกขึ้นยืน นิสัยที่แท้จริงของนางคงจะเป็น คนที่ดีคนหนึ่งเลย
ดังนั้น หลินซินเยียนจึงส่ายหน้า พูดเบาๆว่า “ไม่ร้ายแรงหรอก”
หลี่ถึงได้ยินเช่นนั้น ถึงได้พรูลมหายใจด้วย ความโล่งอก นางมองไปด้านหน้าของรถม้าโดย ไม่รู้ตัว ด้านนอกรถม้า รูปเงาด้านหลังที่แข็งแกร่ง และมีพลังอยู่บนยางล้อรถม้า นางอดไม่ได้ที่จะฉีก ยิ้มออกมา
หลินซินเยียนเห็นท่าทางที่กระดากอายของ นางก็ ถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เวลานี้ นาง ไม่มีอารมณ์จะไปสนใจเรื่องของคนอื่นหรอก
เมื่อส่งหลินซินเยียนแล้ว หลี่ถึงก็ขอตัวกลับ ก่อนที่จะไปก็ยังถามชื่อแซ่กับอู๋อี้ และยังบอกว่าจะ เอายาบำรุงมาให้หลินซินเยียนวันอื่นด้วย
นางชนหลินซินเยียนจนได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่า ภายหลังก็ยังมาช่วยเหลือ แต่ว่าอู่อี้ยังคงไม่ค่อยอยากพบหน้านาง ทำเพียงแค่ตอบรับนางไม่กี่ ประโยคหลังจากนั้นก็ส่งนางกลับไป
อู่อี้แบกหลินซินเยียนขึ้นหลัง ใช้เท้าเปิดประตู ห้องโถงแล้วเตรียมจะเดินไปทางห้องของนาง
เท้ายังไม่ได้หยุดลงก็รู้สึกได้ถึง สายตาที่เยือก เย็นสาดมาทางเขา เขาตกใจจนเกือบลืมวางเท้าลง
ภายในห้องโถง โม่จื่อเฟิงมากับจินมู่และชาย ชราที่มีหนวดเคราขาวยืนอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ เมื่ออู่อี้ อุ้มหลินซินเยียนเข้ามาตรงหน้าประตูทั้งสามคนก็ มองมาทางนี้
สายตาของจินมู่กวาดมองมือของอู๋อี้ที่อุ้มหลิน ซินเยียนอยู่ ทำให้เขาเหมือนถูกบีบจนเหงื่อแตก อย่างดุร้าย แม้แต่เส้นเลือดตรงขมับยังเต้นตุบตุบ
โม่จื่อเฟิงเดินมาทางประตูอย่างสงบนิ่ง เมื่อเดิน มาตรงหน้าของอู๋อี้ก็ยื่นมือออกมารับตัวหลินซิน เยียนและหมุนตัวอุ้มหลินซินเยียนเดินไปที่ห้อง
การเคลื่อนไหวขณะส่งตัวนาง ถึงแม้ว่าจะเป็น แค่เวลาสองวินาทีเท่านั้น แต่เมื่อส่งตัวนางเสร็จ หลังของอู่อี้ก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
รอบตัวของโม่จื่อเฟิง มีพลังอำนาจความกดดัน ที่รุนแรงแผ่กระจายออกมา ไม่ถึงชั่วพริบตาเดียว ก็ทำให้อู่อี้รู้สึกหายใจไม่ออก เมื่อเขาได้สติกลับมาโม่จื่อเฟิงก็อุ้มคนเดินเข้าห้องไปแล้ว
หลังจากผู้เฒ่าหนวดขาวนำผ้าแพรสีสวยวาง บนข้อมือของหลินซินเยียน เขาถึงจะเริ่มจับชีพจร ของนาง
ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินซินเยียนคิ้วและตาตกลง ไม่ได้มองไปยังโม่จื่อเฟิง
“ท่านอ๋อง ลูกของแม่นางตอนนี้รักษาเอาไว้ได้ แล้ว แต่ว่าสองสามวันนี้ต้องนอนอยู่บนเตียงรักษา ตัวอย่างเดียว ร่างกายนี้ต้องได้รับการดูแลอย่างดี ไม่อย่างนั้นภายหลังอาจจะเกิดโรคเรื้อรังได้” ผู้ เฒ่าเก็บผ้าแพรไปแล้วก็เขียนใบสั่งยาให้ที่โต๊ะ
“โรคเรื้อรัง ท่านหมอหลวงเฉิน แม้แต่ท่านก็ไม่ สามารถรักษาร่างของนางได้หรือ” ราวกับว่าโม่ จื่อเฟิงไม่พอใจกับคำตอบที่ได้
หมอหลวงเฉินลูบหนวด เงยหน้าขึ้นมองโม่ จื่อเฟิงแล้วส่ายหัว “ท่านอ๋อง ท่านเป็นคนที่ข้าเห็น มาตั้งแต่เล็กจนโต ร่างกายของท่านนั้นข้าให้ความ สนใจมาตั้งแต่ยังเด็ก ท่านไม่รู้ความสามารถของ ข้าหรือ การดูแลเรื่องนี้จะพึ่งพิงแค่เพียงเรื่องยาจะ ทำได้อย่างไร ยังต้องการการดูแลอีก ท่านรีบเร่ง ตามหาให้ข้ามา แถมยังไม่เชื่อคำพูดของข้า เช่น นั้นท่านมาตามหาข้าทำไม”
โม่จื่อเฟิงย่นคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร สำหรับหมอ หลวงที่ตรวจร่างกายให้เขามาตั้งแต่เด็ก เขายังจะ ไว้หน้าที่ไหนอีก “เช่นนั้นก็ได้ เช่นนั้นสองสามวันนี้ ก็ให้หมอหลวงเฉินดูแลนางอยู่ที่นี่แล้วกัน”
“อะไรนะ” หมอหลวงเฉินคิดว่าตัวเองได้ยินผิด ไป “ท่านอ่องเพิ่งจะบอกว่าว่าให้ข้าอยู่รักษานางที่นี่ นะหรือ ทำไม ท่านต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่เป็นเด็กต้ม ยารี”
โม่จื่อเฟิงคำรามเสียงเบา “ทำไมหรือ คำสั่ง ของข้าไม่อยู่ในสายตาของหมอหลวงเฉินเลยหรือ” หมอหลวงเฉินมีหรือจะกล้า ท่านอ๋องผู้นี้แม้แต่ ฮองเต้ยังต้องยอมลดให้เขา เขาพูดอย่างอยาก ลำบากว่า “ไม่ใช่ว่าผู้เฒ่าไม่ยินยอม เพียงแต่ว่าข้า มีเรื่องมากมายที่ต้องทำให้โรงหมอใหญ่ ถ้าหากว่า
ข้าไม่อยู่ในวัง ยาที่ให้ท่านชายทั้งหลายในวังเกิด
ปัญหา ข้าต้องโดนบีบหัวแน่”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าสามารถ รายงานสถานการณ์ให้พระองค์ท่านฟังได้” หลัง จากโม่จื่อเฟิงพูดประโยคนี้แล้ว ก็โบกมือไปมา เป็นการบอกให้ผู้อื่นออกไป
จินมู่รู้งาน รีบเชิญหมอหลวงเฉินที่คับแค้นใจ และไม่ค่อยพอใจออกจากห้องไป
ประตูห้องถูกปิดไปแล้ว โม่จื่อเฟิงถึงได้นั่งลง ข้างเตียง เขาเห็นผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงหลับตา หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย ดึงมือนางเข้ามากุมไว้ ปลาย นิ้วลูบหลังมือของนาง สักพักถึงจะพูดว่า “ยังงอน อยู่หรือ”
งอนหรือ นางมีสิทธิ์อะไรเล่า
ริมฝีปากของหลินซินเยียนกระตุกยิ้มเย็น ไม่ ได้พูดอะไร และก็ไม่ลืมตา
โม่จื่อเฟิงใช้ปลายนิ่มลูบไล้แก้มของนาง บน แก้มของนางมีลายเส้นเลือนรางกลับมา เสียงที่ต่ำ อ่อนโยนนุ่มนวลพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ยาม ที่อู่อี้มาตามหาข้า ท่านชายใหญ่ตระกูลเชียวอยู่ ตรงนั้นด้วย ถ้าหากถูกเขารู้ว่าลูกของข้ากับเจ้ายัง อยู่ เจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ราบรื่น ได้อย่างไร”
หลินซินเยียนไม่ขยับตัวอยู่นาน เขาไม่ใช่ท่าน อ๋องหรือ เขาไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์ใหญ่ล้นฟ้าหรือ เหตุ ใดเขาถึงกลัวตระกูลเซียวนั้น จนสุดท้าย เพราะว่า ในใจของเขานั้นนางไม่ได้สำคัญอะไรเลย ใช่สิ นางแค่เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ จะมีความ สำคัญอะไรเล่า ก็เป็นแค่ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาก็ เท่านั้น
คำพูดเหล่านี้ ปรากฏขึ้นภายในใจของหลินซินเยียน นางแค่ไม่ได้พูดออกมาเพราะนางรู้ ผู้ชาย สูงส่งที่อยู่ตรงหน้านาง นางไม่พูดไม่โวยวาย บางที อาจจะได้รับความสงสารจากเขาบ้าง ถ้านาง โวยวายแล้ว พูดแล้ว นางก็จะได้แค่เพียงความเบื่อ หน่ายจากเขา
โม่จื่อเฟิงถอนใจยาว ถอดรองเท้าแล้วขึ้นไป บนเตียง แล้วยกหัวนางขึ้นเบาๆ ให้นางหนุนอยู่บน ตักเขา เขาพูดว่า “เจ้าก็รู้ ไม่มีใครให้เมียน้อยหรือ ทาสสืบสกุลหรอก มีเพียงแค่เมียที่ถูกต้องเท่านั้นที่ จะสามารถคลอดลูกคนโตได้ ลูกทุกคนที่เกิดก่อน
ลูกคนโตนั้นจะต้องถูกจัดการจนหมด” ทันใดนั้นหลินซินเยียนก็ลืมตาขึ้น พูดเสียงเย็น
ว่า “ความหมายของท่านอ๋องก็คือ ต้องการจะฆ่าลูก ในท้องของข้าใช่หรือไม่”
โม่จื่อเฟิงลูบแก้มของนาง ส่ายหัวช้าๆ “ไม่ ข้า ยินดีที่จะให้เจ้าคลอดเขาออกมา”
คำตอบนี้ทำให้หลินซินเยียนตะลึง นางมอง หน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ราวกับว่าบนใบหน้า ของเขาจะมีคำอธิบาย
“หลินซินเยียน เจ้าจำให้ขึ้นใจนะ สำหรับข้า แล้ว เจ้านั้นแตกต่าง” เสียงพรรณนาของโม่จื่อเฟิง งดังขึ้นมาจากบนหัวของนาง นางยังไม่ทันได้เข้าใจ
แจ่มแจ้งในความหมายของเขา เขาก็พูดอีกว่า”อย่างน้อยจนถึงขณะนี้ ข้าไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหน อยู่ข้างกายข้านานขนาดนั้น ข้าชอบเจ้า แต่…แค่ ชอบ ข้าไม่สามารถให้เกียรติเจ้าได้ ให้ได้เพียงแค่ ความโปรดปราน ก็คือให้เจ้าเก็บเด็กคนนี้ไว้ ”
“ความหมายของท่านก็คือ ให้ข้ากับเด็กคนนี้ ใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดนะหรือ ให้พวกข้าไม่ได้เห็นแสง สว่าง ให้ลูกข้าเป็นลูกนอกสมรสนะหรือ ไม่สามารถ เข้าไปอยู่ในแผนผังวงศ์ตระกูลของท่านได้นะหรือ” หลินซินเยียนรู้สึกข่า เขาเอาความเชื่อมั่นนี้มาจาก ไหน ว่านี่คือความโปรดปรานที่ให้นาง