ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 171
ตอนที่ 171 ได้รับการช่วยเหลือ
ม้ามีค่อยๆเยื้องย่างเดินหน้าไปอย่างช้าๆ หลินซินเยียน เหน็ดเหนื่อยเกินไป จึงได้แค่คว้าสายบังเหียนให้แน่นแล้ว เอนพิงบนหลังม้าอย่างอ่อนแรงโดยที่ไม่รู้ว่าต้องเดินไปอีก นานเท่าไร เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มอุ่นขึ้น และขณะแสงอาทิตย์ อันอบอุ่นกระทบลงบนผิวนาง นางก็ได้เอนหลับลงบนหลัง ม้าไปในที่สุด
นางไม่รู้เลยว่ายามที่นางหลับใหลอยู่นั้น ม้าก็ได้พานาง มาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง
ในขณะนั้น ที่กลางแม่น้ำมีเรือหรูลำหนึ่ง บนเรือมีบุรุษผู้ หนึ่งที่กำลังอาบน้ำขัดตัวอยู่ในยามเช้า ร่างที่ยินอยู่บน กราบเรือของเขาเผยให้เห็นถึงกลิ่นอายของความสง่างาม เขาทอดสายตามองออกไป จู่ๆก็เห็นม้าตัวหนึ่งกำลังดื่มน้ำ อยู่ที่ริมแม่น้ำ อีกทั้งม้าตัวนั้นก็ยังมีสตรีนอนซบอยู่บนหลัง ม้าอีกด้วย ในขณะที่เขากำลังสงสัย สตรีนางนั้นก็พลิกหน้า หันมาด้วยความสะลึมสะลือ เขาจึงเห็นใบหน้าของนางได้ อย่างชัดเจน
“มานี่!” ชายหนุ่มตกตะลึง ภายในน้ำเสียงเจอไปด้วย ความตื่นเต้นที่กำลังอดกลั้นไว้อย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นในเรือลำหรูก็มีคนกรูออกมากันหลายคน ผู้ที่ เดินนำออกมาเป็นหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งแต่งกายอย่างมี เสน่ห์นางเดินมาถึงด้านหลังของบุรุษผู้นั้นพลันประสานมือ ทำความเคารพ “นายท่าน”
“ปลั่ว ให้คนนำเรือเข้าฝั่ง” เสียงของบุรุษทุ้มต่ำ
ปีลั่วงชุนงง จึงยืนขึ้นมองตามไปยังสายตาที่เขาทอดไป ก็ เห็นหนึ่งคนหนึ่งม้าอยู่ที่ริมแม่น้ำ แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่รีบเร่งให้ต้นหนบังคับเรือเข้าไป
เมื่อถึงริมฝั่ง บุรุษรอที่จะลงจากเรือจนแทบทนไม่ไหว และดูเหมือนจะรีบร้อนมากเสียด้วย คาดไม่ถึงว่าเขาจะ ก้าวขาสะดุด ถ้าหากปิ้ล้วที่เดิมตามอยู่ด้านหลังไม่มา ประคองเขาไว้ เกรงว่าเขาคงจะตกลงไปในน้ำแล้ว ใบหน้า ปีลั่วเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางติดตามนายท่านมา หลายปี กลับไม่เคยเห็นนายท่านเสียกิริยาเช่นนี้
เมื่อลงถึงฝั่ง เขาก็เอื้อมมือไปอุ้มสตรีบนหลังม้า ราวกับ เพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก เขาหันกลับมาสั่งปี้ลั่วด้วยความ เย็นชา “เจ้าออกไปก่อน ไม่มีคำสั่งของข้าห้ามปรากฏตัว ใช่แล้ว จัดการร่องรอยระหว่างทางของนางเสียด้วย อย่า ให้คนติดตามมาได้เด็ดขาด”
ปีลั่วตกตะลึง ในแววตาฉายแววความโศกเศร้าอยู่ชั่วครู่ นางมองไปยังบนหลังม้านั่นแม้ว่าจะอึดอัดใจกลับเห็นสตรี ที่มีใบหน้างามล่มเมือง ราวกับเข้าใจได้ในทันที นางกัด เรียวริมฝีปากพลันย่อกายทำความเคารพบุรุษผู้นั้น “ข้า น้อยขอตัว” บ ะ
หลังจากที่ปี้ลั่วจากไป ชายหนุ่มจึงอุ้มหญิงสาวลงมาจาก บนหลังม้าด้วยความระมัดระวัง เพียงแต่ในยามที่นางนั้น จากไป เขากลับไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วปี้ลั่วได้ยืนแอบอยู่หลัง ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ห่างไปราวสิบจั้ง ความระมัดระวังของเขาที่ราวกับทะนุถนอมของล้ำค่า ล้วนตกอยู่ในสายตาของ ปีลั่วอย่างชัดเจน
“นายท่าน ปีลั่วติดตามท่านมาหลายปี กลับยังเทียบกับ สตรีนางนี้ไม่ได้เลยหรือ?” เล็บของนางจิกลงไปในเนื้อ เมื่อ ถอนหายใจยาวก็หันกายกลับไปจัดการลบร่องรอยของ เกือกเท้าม้าที่หลงเหลือไว้
ค่ำคืน คืบคลานมาอย่างเงียบๆ
ผิวน้ำส่องประกายสะท้อนแสงไฟสลัวจากบนเรือ ตัดรับ กับดวงดาวที่ระยิบระยับบนผืนนภา ก้าวกระโดดในพริบตา มีเสียงขลุ่ยลอยแว่วมาจากที่ไกลๆอย่างรางเลือน ขลุ่ยไร้ วิญญาณที่นำมาซึ่งความเศร้าโศก ราวกับว่าอารมณ์ของผู้ ที่บรรเลงขลุ่ยนั้นไม่ค่อยพอใจนัก ดังนั้นยังทำให้ขลุ่ยยัง เจือไปด้วยกลิ่นอายแห่งความกลัดกลุ้ม
หลินซินเยียนขมวดคิ้วลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองนั้นได้ นอนอยู่ภายในห้องอันอบอุ่น พื้นนั้นโคลงเคลงอยู่บ้าง นอก หน้าต่างนั้นมีเสียงน้ำกระเพื่อมแว่วเข้ามา นี่นางอยู่บนเรือ งั้นหรือ?
ในขณะที่กำลังงุนงง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก บ่าวนาย หนึ่งโค้งเอวเดินเข้ามา ได้พบว่านางนั้นตื่นแล้ว นัยน์ตาบ่าว วาววาบรีบกล่าวคารวะนาง “แม่นางตื่นก็ดีแล้ว ข้าจะไป เรียนนายท่าน แม่นางโปรดรอสักครู่”
นางยังไม่ทันได้ถามสักคำ บ่าวผู้นั้นก็วางถ้วยยาไว้แล้ว รีบเดินออกไปอย่างเร่งร้อน เพียงไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดัง มาจากข้างนอก เพียงคนผู้นั้นเดินเข้ามาก็ถึงกับทำให้นางต้องตกตะลึง
“ท่านอินฉีหรือเจ้าคะ?” หลินซินเยียนคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะ บังเอิญมาพบกับอินฉีที่นี่
อินฉีที่กำลังถือขลุ่ยเดินมาถึงริมเตียง โบกมือไล่บ่าวข้าง กายให้ออกไป บ่าวผู้นั้นก็รีบค้อมเอวจากไปในทันที เขา ประคองหลินซินเยียนที่พิงอยู่บนหัวเตียงให้ลุกขึ้นยืน “ฮิ้ม ซินเยียนยังจดจำข้าได้ ข้าดีใจมาก”
ดีใจงั้นหรือ? หลินซินเยียนมองใบหน้าของเขาที่ไม่มีรอย ยิ้มแม้แต่นิด ไม่ได้รู้สึกเลยว่ายามนี้เขากำลังดีใจอยู่ เพียง แต่ด้วยเหตุผลในที่เขาไม่ดีใจนางกลับไม่ใคร่อยากจะรู้
“ท่านอินฉีเกรงใจไปแล้ว บุคคลเช่นท่านตราบใดที่เคย เห็นย่อมไม่มีทางลืม” หลินซินเยียนเบี่ยงกายโดยไม่มีพิรุธ เพื่อสับหลีกมือของเขาที่ยังคงแตะอยู่บนหลังของนาง
อินฉีดูเหมือนจะสั่นไหว กล่าวด้วยความคับคั่งใจ “ในเมื่อ จำได้ แล้วเพราะเหตุใดจึงไม่มาหาข้า? ไม่ว่ายามใดที่เจ้ามี ปัญหาก็สามารถมาหาข้าได้”
หลินซินเยียนมิได้ตอบคำถามของเขา สายตามองไปที่ พื้นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
“ช่างเถิด อย่างไรยามที่เจ้าอยู่ในสถานการณ์ลำบาก อย่างที่สุดก็ได้พบกับข้าแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นฟ้าลิขิต แล้วจงอย่าได้เรียกข้าว่าอินอีก เจ้าเรียกข้าว่าพี่อินก็พอ หากเจ้าปฏิเสธอีก จะเรียกเช่นนั้นจริงๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะ ทำอย่างไรแล้ว” อินฉีมิได้วุ่นวายให้นางตอบคำถามของเขาต่อ นี่คืออัธยาศัยและควมใส่ใจของเขา
เมื่อเขากล่าวจบก็หันกลับไปที่โต๊ะถือถ้วยยามา ใช้ช้อน คนยาให้ละลายอยู่สักพัก ตักยาเป่าจ่อใกล้ริมฝีปากแล้วจึง ยื่นไปที่เบื้องหน้าของนาง เขาป้อนยาโดยที่สายตากลับ มิได้มองนาง เพียงกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อตั้ง ครรภ์แล้วก็ไม่ควรที่จะวิ่งหนีเช่นนี้”
ภายในดวงตาหลินซินเยียนมีความประหลาดใจอยู่ครู่ หนึ่ง แต่ก็พลันโล่งใจอย่างรวดเร็ว ในเมื่อมียา เช่นนั้นก็ ต้องมีหมอมาตรวจดูแล้ว จึงได้พบว่าเรื่องที่นางตั้งครรภ์นั้น ก็ได้คาดการณ์ไว้
“ข้าดื่มเองดีกว่าเจ้าค่ะ” หลินซินเยียนรับถ้วยยามาโดย ไม่ได้ให้เขาป้อน ระหว่างพวกเขายังไม่เคยมีจุดที่ใกล้ชิด สนิทสนมกันถึงขั้นนี้ นางเป็นคนที่ไม่ชอบความไม่ชัดเจน และก็ไม่สามารถปล่อยพื้นที่ว่างที่ไม่บางอย่างชัดเจนให้ กับใคร
อินฉีส่งถ้วยยาให้กับนางยังคงนั่งอยู่ที่กราบเตียงโดยไม่ ห่าง “เด็ก..เป็นบุตรของอู๋เซวียนอ๋องหรือ?”
หลินซินเยียนชะงักในขณะที่จะดื่มยา ทว่าหลังจากนั้นก็ ดื่มยาลงไปจนเกลี้ยง วางถ้วยที่ว่างเปล่าลงแล้วจึงพยัก ศีรษะ
อินฉีหน้าซีดในชั่วพริบตาโดยไม่ได้กล่าวอะไร เพียงถาม
ว่า “เจ้าคิดอยากจะกลับไปอยู่ข้างกายเขาหรือไม่?” นางส่ายศีรษะ ยิ้มด้วยความรันทด “หากข้าคิดอยากกลับไป คงไม่หนีออกมาอย่างสุดชีวิต”
“บอกข้าได้ไหมว่าเพราะเหตุใด? บุรุษเช่นอู่เซวียนอ่อง สตรีมากมายต่างล้วนชื่นชอบ ในเมื่อเจ้าตั้งครรภ์บุตรของ เขา ถ้าหากเขาปล่อยเด็กไว้ บางทีในอนาคตเจ้าอาจจะมี ตำแหน่งลำดับหนึ่งในวังอู่เซวียนอ๋องก็ได้” เสียงของอินฉีก ล่าวอย่างอบอุ่นราวกับเป็นจิตแพทย์ก็มิปาน เสียงอันน่า เลื่อมใสที่มักจะทำให้ผู้กล่าวออกมาได ไม่รู้ตัว ได้อย่างสบายใจโดย
หลินซินเยียนยกมุมปากยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ตำแหน่ง ลำดับหนึ่ง? หากมิใช่คู่ครองเดียวตลอดชีวิต เช่นนั้นข้าก็ ขอเลือกที่ชีวิตไม่ต้องการบุรุษเสียดีกว่า”
“คู่ครองเดียวตลอดชีวิต…” อินฉีเบิกตากว้าง มองหลินซิน เยียนด้วยความเหลือเชื่อ ราวกับเขาไม่เคยคิดว่าจะมีสตรี คนใดที่จะกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา บุรุษสามภรรยาสื่อนุฯ นั้นเป็นเรื่องปกติของผู้คน สตรีที่ดีงามใจกว้างคิดเพื่อถึง สามี จึงจะสามารถกลายเป็นภรรยาที่ผ่านคุณสมบัติ เป็น สตรีที่ทำให้สามีและพ่อแม่สามีรักใคร่เอ็นดู