ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 178
ตอนที่ 178 ศัตรูบนเส้นทางคับแคบ
“นี่มันป่าบนภูเขาลึกนะ คิดไม่ถึงว่ายังมีคนอาศัยอยู่จริง ด้วย” หลิวเอ้อร์ตบไปที่ศีรษะตนเองเบาๆด้วยเข้าใจว่าตน ตาฝาด
เฉินอิงลุกขึ้นยืนบอกมือให้กับคนทั้งสอง พลันตะโกน ถาม “พี่สะใภ้ท่านนั้น บ้านของท่านเป็นที่ขายสมุนไพรใน ภูเขาใช่หรือไม่?
พี่สะใภ้?
หลินซินเยียนที่กำลังแบกท้องและจูงมือสรือโถวอยู่นั้น อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ่ม สำหรับการเรียกขานเช่นนี้ นางมี ความรู้สึกเดจาวูที่ยุ่งเหยิงบางอย่าง แต่ทว่านางยังคงจูงมือ ของสรือโถวเดินไปยังเบื้องหน้าของสองคนนั้น เมื่อพบว่า ทั้งคู่นั้นใส่ชุดมือปราบ นางจึงมีท่าทีนอบน้อมหลายส่วน “พี่ ชายมือปราบทั้งสองมาหาบิดาบุญธรรมข้าด้วยเรื่องอันใด หรือเจ้าคะ?”
“ร้านขายสมุนไพรนั่นเป็นของบิดาบุญธรรมเจ้าหรือ โอ้ ช่างดีเสียจริง” เฉินอิงเมื่อได้ยินดังนั้นพลันรีบกล่าวด้วย ความตื่นเต้น “ข้าและเพื่อนของข้าเดินวนเวียนในภูเขาอยู่ นานแล้ว ก็หาบ้านของเจ้าเนี่ยล่ะ ฝ่าบาททรงยินดีที่มีพระ ธิดา ต้องการให้เฉลิมฉลองกันทั่วหล้า จึงแจกจ่ายลูกอม มงคลทุกบ้านทุกเรือน ข้าและสหายจึงเดินทางมาหา ครอบครัวของเจ้าเป็นกรณีพิเศษ”
หลินซินเยียนติดตามท่านโจวอาศัยอยู่ที่แห่งนี้เป็นเวลามากกว่าครึ่งปี ปกติแทบจะไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับผู้คนด้าน ล่าง เพียงในแต่ละเดือนท่านชายโจวจะนำสมุนไพรบาง ส่วนเข้าไปในเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงก็เท่านั้น เมื่อ นึกดูก็คงเป็นเพราะสาเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาทราบว่ามี ครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่บนภูเขา
“อย่างนี้นี่เอง ต้องขอบคุณพี่ชายมือปราบทั้งสองแล้ว ถ้า ไม่อย่างนั้นพวกท่านก็นำลูกอมมงคลมอบให้แก่ข้าเถิด บ้านข้ายังห่างออกไปจากที่นี่อยู่มาก จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ ชายมือปราบทั้งสองไปส่งด้วยตนเอง” หลินซินเยียนกล่าว พลางยิ้มแย้ม
หลิวเอ้อร์และเฉินอิงเมื่อได้ยิน สีหน้าพลันยุ่งยากขึ้นมา กะทันหัน “พี่สะใภ้ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากจะมอบให้กับ ท่านโดยตรงหรอกนะ ทว่าใต้เท่าของพวกเรานั้นไม่เชื่อว่า พวกเราจะขึ้นภูเขาเพื่อแจกจ่ายลูกอมมงคลจริง ดังนั้นจึง ให้พวกเรานำพวกท่านกลับไปรับลูกอมมงคลที่ศาลาว่าการ คงต้องโทษที่พวกเราล่วงเกินคนใหญ่คนโต ท่านใต้เท้าจึง ไม่เชื่อถือพวกเรา ต้องรบกวนพี่สะใภ้ติดตามพวกเรากลับ ไปที่เมืองด้วยแล้วกันเถิด”
ต้องลงจากภูเขาเพื่อไปรับลูกอมมงคล ถ้าหากเป็นเช่น นั้นหลินซินเยียนก็อดที่จะลังเลมิได้ ถึงแม้นางจะได้ เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์แล้ว แต่ก่อนที่เด็กยังไม่คลอดออก มา นางก็ไม่อยากที่จะปรากฏตัวต่อสายตาผู้คน
สรือโถวที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินว่ามีลูกอมมงคลดวงตาก็ สว่างสดใสทันที ยังทำเสียงซู้ดน้ำลายแสดงเกินจริง แต่ในช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่จีนเขาเพิ่งจะได้กินลูกอมไปหลาย เม็ด แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็กวันยังค่ำ เมื่อได้ยินว่ามีลูกอมให้ กินก็มองหลินซินเยียนตาปริบๆ “พี่สาวฮะ ตอนนี้ยังไม่ มีดค่ำ พวกเราไปรับลูกอมกลับมาก็ยังทันนะขอรับ พี่สาว นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้กินลูกอมเลย”
“ถูกต้องแล้ว พี่สะใภ้ ไปกับพวกเราคงใช้เวลาไม่นานนัก อีกทั้งพี่สะใภ้ก็จะได้ช่วยธุระพวกเราสองสหายด้วย ไม่เช่น นั้นแล้วพวกเราก็คงไม่สามารถไปรายผลการปฏิบัติงานได้ หลังจากที่ไปรับลูกอมมงคล พวกเราทั้งสองยังจะควักเงิน ส่วนตัวซื้อผลไม้เชื่อมให้กับพี่สะใภ้อีกด้วย เฉินอิงเห็นว่า หลินซินเยียนไปเต็มใจที่จะไปเท่าไรนัก จึงรีบกล่าว ชักชวน
หลินซินเยียนถอนหายใจ สัมผัสใบหน้าที่หยาบกระด้าง เล็กน้อยของตน จึงตกลงพยักหน้าตอบรับในที่สุด
“เยี่ยมจริงๆ มีลูกอมกินแล้ว” สรือโถวเบิกบานใจอย่าง มาก ขณะที่ยังสะพายตะกร้าอยู่ก็ยังกระโดดตัวลอยทำให้ หลินซินเยียนถึงกับยิ้มเจื่อน
ครึ่งปีที่ผ่านมานี้นางเริ่มเคยชินกับชีวิตที่ราบเรียบและ เงียบสงบเช่นนี้ แต่สรือโถวนั้นช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ เพียงแค่ปรารถนาเล็กๆน้อยๆอยากจะกินลูกอมก็เท่านั้น นางจึงอดกลั้นที่จะปฏิเสธเขาไม่ได้
เนื่องจากหลินซินเยียนนั้นตั้งครรภ์อยู่ ดังนั้นหลิวเอ้อร์ และเฉินอิงจึงดูแลนางตลอดการเดินทาง การเดินทางนั้น เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก ฉะนั้นเมื่อทุกคนค่อยๆลงจากเขาถึงได้กินเวลาไปหลายชั่วยาม เมื่อมาถึงถนนทางลงเขาทุก คนจึงค่อยยังชั่วขึ้นบ้าง เมื่อพบรถเกวียนคันหนึ่งและ เนื่องจากหลิวเอ้อร์และเฉินอิงสวมชุดมือปราบ ดังนั้น ประชาชนในพื้นที่จึงค่อนข้างต้อนรับ ทักทายพวกเราให้ โดยสารติดไปกับรถเกวียน
หมู่บ้านนี้ไม่ใหญ่ อีกทั้งยังเจริญไม่มาก แต่คนเดินที่ถนน ก็ยังขวักไขว่อยู่บ้าง เนื่องจากคนในหมู่บ้านนั้นมีจำนวนไม่ มาก ผู้คนส่วนใหญ่จึงรู้จักมักคุ้นกันดี ตลอดทางหลิวเอ้อร์ และเฉินอิงก็ได้ทักทายกับผู้คนอยู่ไม่น้อย
เมื่อถึงศาลาว่าการ หลิวเอ้อร์และเฉินอิงจึงไปหาใต้เท้า เพื่อรายงาน เพียงไม่นานทั้งสองคนก็ถือถุงลูกอมมงคลใบ หนึ่งออกมา บนถุงลูกอมมงคลนั้นยังวางถุงผลไม้เชื่อมไว้ ด้วยหนึ่งห่อ
“เฮ้ พี่สะใภ้ ทำบากท่านแล้ว” หลิวเอ้อร์นำถุงลูกอมมงคล และผลไม้เชื่อมส่งให้กับมือของนาง
หลินซินเยียนที่รับผลไม้เชื่อมมาก็รีบส่งให้กับสรือโถวที่ น้ำลายไหลยืดยาว พลางกล่าวขอบคุณกับคนทั้งคู่ “ลำบากพี่ชายทั้งสองแล้ว ขอบคุณเจ้าค่ะ”
เมื่อออกจากศาลาว่าการ หลินซินเยียนก็มาถึงร้านขาย ชุดเสื้อผ้าร้านหนึ่ง คิดอยากจะซื้อรองเท้าที่ใส่ได้พอดีให้ กับท่านโจวและสรือโถว ในภูเขาหนทางลุ่มๆ ดอนๆมากเกิน ไป รองเท้าคู่หนึ่งใส่ได้ไม่ถึงเดือนก็สึกจนเป็นรูหมดแล้ว
เดิมทีนั้นน้อยมากสรือโถวที่จะลงจากภูเขา ดังนั้นสำหรับ ทุกสิ่งในหมู่บ้านสำหรับเขาแล้วล้วนน่าสนอกสนใจอย่างยิ่ง ถือโอกาสขณะที่หลินซินเยียนเลือกรองเท้าอยู่ในร้าน ขายผ้า เขาเดินวนไปมาระหว่างร้านแผงลอยที่อยู่หน้าทาง เข้า ร้านแผงลอยนั้นกำลังขายลูกอมที่เหล่าเด็กน้อยชื่น ชอบมากที่สุด สรือโถวไม่มีเงินจึงไม่อาจจะซื้อได้ แต่เขาก็ ยังคงยืนมองอยู่ที่ด้านข้างอย่างมีความสุข
” หลบไป! หลบไป!” เสียงๆหนึ่งตะโกนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทันใดนั้นกลุ่มรถม้าก็มุ่งมายังทิศทางนี้ ที่เดินอยู่เบื้องหน้า รถม้าเป็นองครักษ์สองนายและในมือขององครักษ์นั้น กำลังถือแส้ม้า ขณะที่เหวี่ยงแส้เพื่อบังคับให้ฝูงชนหลีกให้ ทาง
ผู้คนส่วนใหญ่สามารถตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วและล่าถอย ออกไป แต่ทว่าสรือโถวสนใจมองแต่คนขายขนมหวานจน แส้ม้ากระทบร่างเขาจึงค่อยรู้สึกตัว แส้ม้านั้นได้หวดลงบน หลังของเขา เขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และเสื้อบนแผ่นหลังของเขาถูกแส้ม้ากระชากออกไป
ขณะที่หลินซินเยียนเดินออกมาจากร้านขายเสื้อผ้าก็ทัน ได้เห็นฉากอันน่าหวาดกลัว นางตะโกนเรียกสรือโถวด้วย ความตกใจ เข้าบังสรือโถวให้อยู่ใต้ร่างของตน
“หลีกไป! หูหนวกหรือไงกัน?” องครักษ์ที่อยู่บนหลังม้า เงื้อแส้พลางส่งเสียงตะโกนอีกครั้ง “ยังมองอะไรกัน รีบ หลบไปเดี๋ยวนี้!”
หลินซีนเยียนกัดฟันจ้องมองไปยังองครักษ์ผู้นั้น และมอง เลยไปยังรถม้าที่อยู่ด้านหลังของเขาโดยมิได้ตั้งใจ ดู เหมือนว่าคนภายในรถม้าจะได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอกจึงแง้มหน้าต่างดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อหน้าต่างแง้มออกมายามที่หลินซินเยียนเห็นคนในรถ ม้านั่น ยังอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบอย่างเงียบๆ! นางนึกไม่ถึงว่าในเมืองที่ห่างไกลเช่นนี้ จะยังสามารถได้
พบเจอคนคุ้นเคย
ทว่าคนคุ้นเคยในรถม้ากลับจำนางไม่ได้ เพียงแค่เห็นว่า ผู้ที่ขวางทางเป็นเด็กและสตรีมีครรภ์ จึงขมวดเรียวคิ้ว “ช่างเถอะ แค่คนท้องกับเด็กเท่านั้น ให้พวกเขาหลบออก ไปก็พอแล้ว เร็วหน่อย พวกเรายังต้องรีบกลับไปรับพระ ราชโองการ
“ขอรับท่านแม่ทัพ!” องครักษ์ลดแส้ลงพลางตะโกนไปที่ หลินซินเยียน “ท่านแม่ทัพทรงมีเมตตาไม่เอาความกับพวก เจ้า รีบหลบไปซะ!”
เมตตา…
สองคำนี้ทำให้หลินซินเยียนรู้สึกขำอย่างแปลก ประหลาด บิดาที่ฆ่าบุตรีของตนด้วยความป่าเถื่อนเพื่อชื่อ เสียงเกียรติยศ นั่นคือเมตตางั้นหรือ? นางขบเขี้ยวเข็ดฟัน โดยไม่กล่าวอะไรลากสรือโถวให้หลบออกไปยังด้านข้าง
นางมองรถม้าที่ค่อยๆห่างออกไปด้วยความเย็นชา ความ เกลียดชังท่วมท้นนัยย์ตาคู่นั้น นางจะลืมคนผู้นี้ได้ อย่างไร? บิดาในนามของนาง หลินโสงฉี พ่อที่ไม่สนใจ ความเป็นตายของบุตรีก็เพื่อชื่อเสียงเหล่านั้น