ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 190
ตอนที่190จุดประสงค์ของโม่จื่อเฟิง
ห้องทางทิศเหนือของชั้นสองรับแขกที่ดีที่สุดของ ร้านอาหารในห้องรับแขกนั้นมีฉากกันลมสีสวยด้าน นอกเป็นห้องชาห้องด้านในเป็นที่ทานข้าวอาศัยช่วง เวลาที่บ่าวจัดอาหารขึ้นโต๊ะโม่จื่อเฟิงก็นั่งอยู่ในห้องชา ด้านนอก
เขาชูมือขึ้นกลางอากาศทั้งงดงามและดูมีค่ามาก โดยเฉพาะรังสีที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมารอบ กายทำให้คนโดยรอบนั้นแสดงความเขินอายเล็กน้อย
ข้างกายเขานั้นเดิมมีที่นั่งอยู่แล้วที่หนึ่งอวิ๋นเสียว อิงเข้าประตูมากะว่าจะมานั่งข้างเขา เขากลับมองนาง ด้วยสายตาเยียบเย็นสายตานี้ทำให้อวิ๋นเสียวอิงหยุด ชะงักหมุนตัวไปนั่งตำแหน่งผู้ช่วยเขาอย่างไม่เต็มใจ “ฮูหยินเชิญนั่ง “โม่จื่อเฟิงพูดกับหลินซินเยียน
หลินซินเยียนเสียวสันหลังคาดไม่ถึงเลยว่าโม่ จื่อเฟิงจะเกรงใจนางขนาดนี้นางทำได้เพียงทำความ เคารพแล้วเดินไปข้างๆอวิ้นเสียวอิงเตรียมจะนั่งจากที่ นางดูที่นี่มีเพียงแค่นางและอวิ๋นเสียวอิงที่เป็นผู้หญิงนั่ง ข้างๆอวินเสียวอิงถึงจะเหมาะสม
เพียงแต่กันของนางยังไม่ทันสัมผัสเก้าอี้ก็ได้ยิน เสียงของโม่จื่อเฟิงดังขึ้นอีก”ฮูหยินเชิญมานั่งข้างบน”
กันของนางค้างอยู่ในอากาศพริบตานั้นนางอึดอัดจนอยากจะร้องไห้แต่ว่าเมื่อนางยกมือขึ้นป้องตาแล้ว มองเห็นเขาใช้ภาษามือชี้ไปยังที่นั่งนางยิ่งอยากจะ ร้องไห้
ที่นั่งตรงนั้นไม่ใช่ที่ที่อวิ๋นเสียวอิงอยากจะไปนั่ง ก่อนหน้านั้นแต่เขาไม่ให้นั่งหรอกหรือเวลานี้นางสงสัย ว่าถ้านางไปนั่งเช่นนั้นอวิ่นเสียวอิงจะต้องใช้สายตา มองนางอย่างประหัตประหารแน่
“ฮูหยิน”โม่จื่อเฟิงเห็นกันนางค้างอยู่กลางอากาศ และมีใบหน้างงงวยเขาก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว”พวก ท่านที่เป็นคนชนบทช่างน่าสนใจเหมือนกันหมดเลย นี่”
“เอ่อ…ฮ่าฮ่า”หลินซินเยียนหัวเราะอย่างเก้อ เขิน”พวกข้ามาจากหมู่บ้านเล็กๆไม่เข้าใจมารยาท ทำให้ท่านอ๋องหัวเราะเสียแล้ว”นางเกาหัวแล้วเดินไป นั่งข้างเขา
ถ้าหากว่าไม่ใช่เขาพูดประโยคนี้หลินซินเยียนคง คิดจริงๆว่าโม่จื่อเฟิงนี้มีความชอบเป็นพิเศษดูแลหญิงมี ครรภ์คนหนึ่งดีขนาดนี้ฟังเขาพูดแบบนี้คิดแล้วคง เพราะว่านางบอกเขาว่าจะบอกข้อมูลถึงได้เกรงใจนาง เช่นนี้
แต่ว่าในใจของนางนั้นกลับรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย เวลาที่นางเคยอยู่ข้างกายเขาเขาจับผิดและกีดขวาง ทุกทางทุกครั้งที่อยู่ร่วมกันนั้นเขาไม่เคยแสดงสีหน้า
ดีๆ ให้นางเหมือนเบื่อหน่ายและรังเกียจนางอย่างไรอย่างนั้นวันนี้นางจากมาแล้วเขากลับดีกับคนที่มีส่วน เกี่ยวข้องกันนางทุกคนขึ้นมาซะงั้น
ทุกคนนั่งลงแล้วฮูเหยียนหลิวหยุนและอู่ฉือยืนอยู่ หน้าประตูไม่ขยับเขยื่อนพวกเขามองตากันเป็นสายตา ที่ยิ้มอย่างขมขื่นโม่จื่อเฟิงไม่ได้เปิดปากพูดพวกเขาก็ ไม่กล้าแม้แต่จะนั่งลง
“ท่านฮูเหยียน ท่านอู่ฉือนั่งตามสบายไม่ต้อง เกรงใจ”เมื่อทั้งสองคนอึดอัดจนแทบจะเหงื่อแตกท่วม หงือ โม่จื่อเฟิงถึงได้เปิดปาก
ทั้งสองคนถอนหายใจยาวถึงได้ลากเก้าอี้ตำแหน่ง
ผู้ช่วยมานั่ง
ในร้านอาหารมีนักชงชานักชงชาคนนี้เป็นผู้หญิงที่ สวยสดงดงามคนหนึ่งถึงแม้ว่าสีม่วงธรรมดาแต่ว่าสอง มือนั้นดูดีมากนางคุกเข่าอยู่หลังโต๊ะชุดน้ำชาต้มชาให้ แขกอย่างเคารพนบนอบเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วน้ำ ชาก็ต้มเสร็จแล้วนักชงชามอบชาให้ตามลำดับที่นั่ง
โม่จื่อเฟิงชิมชาไปหนึ่งคำมือหนึ่งถือฝาถ้วยชาเขี่ย ไอร้อนของชาเบาเบาถามอย่างใจลอยว่า”ตำหนักอ่อง ฮูเหยียนมีผู้คนมากมายได้ยินมาว่าไม่นานมานี้ตำหนัก อ๋องฮูเหยียนเชิญชวนคนมีความสามารถของศาลา ความลับแห่งสวรรค์ไปเรื่องนี้จริงใช่หรือไม่”
เมื่อได้ยินคำว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์นัยน์ตา ของหลินซินเยียนก็สว่างวับขึ้นมาแต่ว่าคิ้วและตาของ นางห้อยลงไม่ได้ทำให้คนอื่นสังเกตเห็นความผิดปกติของตัวเองเดิมโม่จื่อเฟิงเรียกฮูเหยียนหลิวหยุนมาทาน ข้าวเพื่อที่จะถามคำถามนี้นะหรือ
นึกขึ้นได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ถูกอวิ๋นเทียนสี่ของศาลา ความลับแห่งสวรรค์จับไปใจของนางเต้นไปถึงคอและ ตาหูตั้งฟังบทสนทนาของคนทั้งสอง
ฮูเหยียนหลิวหยุนคิดไม่ถึงเวลาโม่จื่อเฟิงจะถาม คำถามนี้ “นี่ ….เป็นคำสั่งของจักรพรรดิต่อข้าเดือนที่ แล้วไม่ใช่ว่าให้ดูแลกรมทหารหรือดังนั้นจึงต้องหาคน เข้ามาช่วยก็เท่านั้นเอง”
สำหรับคำถามที่ไวต่อความรู้สึกนี้ฮูเหยียนหลิวหยุ นไม่ใช่คนโง่สมองของเขาคิดคำตอบนี้ออกมาดังนั้นจึง ตอบรวมๆไม่ได้ตอบคำถามของโม่จื่อเฟิงโดยตรง
“ดูแล้วหลิวหยุนซื้อจื่อจะไม่อยากบอกราย ละเอียดข้า”โม่จื่อเฟิงส่ายหัวพูดเสียงต่ำแต่ว่าหน้าของ เขาไม่ปรากฏความรู้สึกหดหู่เลยแม้แต่น้อยเพียงแต่มุม ปากของเขาหัวเราะอย่างเหี้ยมโหด”แต่เดิมคิดว่าจะนำ หลิวหลีมาให้ท่านฮูเหยียนดูแล้วเรื่องนี้ก็คงจะไม่ต้อง แล้วละ”
“หลิวหลี”ฮูเหยียนหลิวหยุนได้ยินคำไม่กี่คำนี้ก็ ตะลึงลุกขึ้นยืนการส่งเสียงต่ำของเขานั้นเขาเพิ่งจะ รู้ตัวว่าทำเรื่องเสียมารยาทจึงรีบนั่งลงด้วยความแค้น ใจพูดเบาๆอยู่ในลำคอ”ข้าแค่คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องก็ รู้จักหลิวหลี”
“นักแสดงที่มีชื่อเสียงในเมืองเฟิ่งซีข้าจะไม่รู้จักได้รีพูดแล้วก็บังเอิญไม่กี่วันก่อนข้าไปเที่ยวตรวจตราทาง ใต้บังเอิญได้ช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อถามถึงได้รู้ว่า นางคือหลิวหลีอ่อแม่นางหลิวหลีที่น่าสงสารนั้นตั้ง ครรภ์แล้วกลับถูกคนขู่เข็ญจนจนตรอก…”
เวลาที่โม่จื่อเฟิงพูดนั้นไม่รีบและก็ไม่ตึงเครียดน้ำ เสียงผ่อนคลายเหมือนคนกำลังเล่าเรื่องก็เท่านั้นแต่ว่า ฮูเหยียนหลิวหยุนที่ได้ฟังเรื่องเล่านั้นหน้าก็เปลี่ยนเป็น สีขาวไม่รู้สึกเลยว่าตอนนี้เหงื่อได้ไหลท่วมหัวแล้ว
อู่ฉือกดมือของฮูเหยียนหลิวหยุนที่กำลังลนลาน อยู่เบาๆแล้วส่ายหัวให้เขา
ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะตื่นเต้นหรือว่าหวาดกลัวฮู เหยียนหลิวหยุนนั้นพูดไม่ออกแล้วกระทั่งอู่ฉือที่ยืนอยู่ ข้างๆทำความเคารพโม่จื่อเฟิงแล้วพูดว่า”พูดอย่างไม่ ปิดบังเลยหลิวหลีคนนั้นนับว่าเป็นเพื่อนกับพวกเราไม่กี่ วันก่อนได้ยินว่าเกิดเรื่องกับนางไม่กี่วันนี้ยังตามหาอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะได้ท่านอ๋องช่วยไว้เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่า แม่นางหลิวหลีอยู่ที่ไหนเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะให้พวก เราพบนาง” LEGO LEGO
“นี่มัน ….”โม่จื่อเฟิงมองไปยังฮูเหยียนหลิวหยุน”ก็ ต้องดูว่าหลิวหยุนจะยินยอมเติมเต็มความอยากรู้อยาก เห็นของข้ารีไม่”
ชัดเจนเลยว่าเขาใช้หลิวหลีมาแลกกับข้อมูลจาก ปากของฮูเหยียนหลิวหยุน
ฮูเหยียนหลิวหยุนกำลังลังเลใจอู่ฉือตบบ่าของเขาพูดโน้มน้าวว่า “ถึงเวลานี้แล้วพี่หลิวหยุนบอกท่านอ่อง ไปเถอะข้าว่าไม่ว่าท่านอ๋องจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ก็ เป็นแค่เรื่องระยะเวลาสั้นหรือนานก็แค่นั้นตอนนี้ถาม ท่านอีกไม่นานก็ต้องรู้อยู่ดีอีกอย่างกลัวว่าหลิวหลีจะ รอไม่ไหวนะ”
ฮูเหยียนหลิวหยุนมองอู่ฉือและมองโม่จื่อเฟิงใน ที่สุดก็ถอนใจออกมาอย่างจนปัญญากัดฟันพูด ว่า”เอาละข้าจะบอกท่านบิดาของข้าติดต่อกับคนของ ศาลาความลับแห่งสวรรค์จริงแต่ว่าไม่ใช่ในแบบการ เชิญชวนลูกค้าเพราะว่าเห็นคนจำนวนหนึ่งของศาลา ความลับแห่งสวรรค์เคารพนบนอบต่อบิดาของข้าโดย เฉพาะผู้เฒ่าคนหนึ่งทุกครั้งที่เจอหน้าบิดาข้าก็จะนั่ง ด้วยกันความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดูแล้วจะเป็นการ ร่วมมือกัน”