ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 223
ตอนที่223 รักษา
กลับเป็นเว่ยกุ้ยเฟยที่แสนจะรวดเร็ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบ เข้ามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของหลินซินเยียน “ไอ๊หยา ยัง ไม่ไปรีบเรียกหมอหลวงมาอีก ไม่เห็นหรือว่าแม่นางหลินนั้น เจ็บจนพูดไม่ไหวแล้วน่ะ?”
“เมื่อเว่ยกุ้ยเฟยเตือนสติ ในยามนั้นใบหน้าของทุกคนก็ ทรมานบิดเบี้ยว เหงื่อไหลท่วมศีรษะเพราะเนื่องจากพบว่า เป็นใบหน้าของหลินซินเยียนดังคาด ทหารองครักษ์ทั้งสอง นายที่ควบคุมตัวหลินซินเยียนไว้กลับถูกทำให้ตกใจ บางที อาจเพราะเห็นฉากที่เหล่าชนชั้นสูงตื่นตระหนกจนลืมที่จะ ปล่อยมือออก จนกระทั่งหัวหน้ากองเดินเข้าไปตบใบหน้า ทหารองครักษ์นั่นแล้วตะโกนบอกว่า “รีบปล่อยซะ! ไม่อยากมี ชีวิตอยู่รี?
องครักษ์ทั้งสองนายเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบปล่อยมือออก ทันที คนทั้งสองตกใจจนใบหน้าซีดขาวยามนี้แม้กระทั่ง บุคคลเช่นฮ่องเต้ ฮองเฮา เว่ยกุ้ยเฟยล้วนตื่นตระหนก ที่ได้ ถูกพวกเขาปฏิบัติอย่างหยาบคายเช่นนี้ แล้วชีวิตน้อยๆของ พวกเขาจะสามารถรักษาไว้ได้หรือเปล่านะ?
โม่จื่อยี่เองก็ตกตะลึงอย่างมาก พลันขมวดคิ้วด้วยความ กลัดกลุ่มใจ คำรามเสียงต่ำพุ่งไปยังกลุ่มองครักษ์ทันที “แม้แต่เจ้านายกับหญิงรับใช้ก็ยังแยกแยะไม่ได้ เมื่อไรกันที่ ในวังของข้าเลี้ยงดูเจ้าพวกไร้ค่านี!”
เมื่อเหล่าองครักษ์ได้ยินก็คุกเข่าลงในทันที ในฐานะหัวหน้า กองจึงฝืนกราบทูล “ขอฝ่าบาททรงประทานอภัย! เป็นนางงามผู้นั้นที่บอกว่าเป็นนางกำนัล ในตอนนั้นกระหม่อมไม่ ตรวจสอบให้ดีจึงเกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงเช่นนี้ ต้อง โทษที่กระหม่อมไม่แยกแยะให้ดี ขอให้ฝ่าบาทลงโทษ กระหม่อมแต่เพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาล้วนฟังคำสั่งของ กระหม่อม ขอให้ฝ่าบาททรงละเว้นจะเป็นพระ มหากรุณาธิคุณยิ่งพ่ะยะค่ะ!”
หัวหน้ากององครักษ์ผู้นี้มีความชอบธรรมเป็นอย่างยิ่ง แต่ น่าเสียดายที่ความผิดพลาดได้เกิดขึ้นแล้ว คำอธิบาย ประโยคเดียวกลับใช่ว่าจะมีประโยชน์!
“ลากตัวออกไป หลังจากโบยทุกคนอย่างหนักยี่สิบไม้ค่อย ไล่ออกจากวัง!” โม่จื่อยี่ยังละเว้นไว้ชีวิตคนเหล่านั้น ทว่าเมื่อ เขาหันกลับมามองหลินซินเอ่อ ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความ มืดครึ้ม “ส่วนเจ้า..”
ดูเหมือนว่าหลินซินเอ่อจะไม่ได้สติ เมื่อได้เห็นเรื่องราวที่ เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน นางไม่อยากที่จะเชื่อ หลิน ซินเยียนไม่ใช่นางข้ากำนัลหรอกหรือ? นางไม่ใช่นางกำนัล และก็ไม่ใช่พระสนมชั้นเฟยของฮ่องเต้ เช่นนั้นแล้วนางเป็นผู้ ใดกันแน่? เหตุใดฮ่องเต้ พระสนมกุ้ยเฟยจึงล้วนใส่ใจนาง อย่างยิ่ง?
“ฝ่าบาท หม่อม หม่อมฉันเป็นนางงามของพระองค์นะเพคะ พระองค์ไม่อาจทำเพื่อนังแพศยานั่น..”
“ยังกล้าพูดจาเหลวไหลอีกรี!” โม่จื่อยี่พลันตัดบทนาง
โทสะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ พลันจ้องมองไปที่ฮองเฮา “เจ้าดูซะ วัง
หลังแบบใดกันที่เจ้าดูแล? ทำไมคนประเภทนี้จึงปรากฏขึ้นใน
วังหลังได้? ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นมารดาของประเทศแต่กลับมีดีแค่ชื่อ!”
ฮองเฮาถูกโม่จี่อย่าตำหนิติเตียน ภายในใจเกิดความรู้สึกว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม เห็นได้ชัดว่าตัวนางงามเขาเป็นผู้คัด เลือกขึ้นมาเองทั้งสิ้น ถึงแม้นางจะเป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ มิบังอาจนำคนที่เขาเลือกขับไล่ออกนอกวังได้หรอกนะ? ให้ ตายเถอะฝ่าบาท นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีตาทั้งไม่ทราบกฎ ระเบียบเช่นนี้ ทว่าในใจของฮองเฮากลับนำความเกลียดไป ลงที่หลินซินเอ๋อ
“หลี่มามา รีบนำตัวคนไม่รู้กาลเทศะนี่ลากออกไป สุดแท้แต่ จะลงโทษนางอย่างไรรอให้อ่องอู่เซวียนมาตัดสินพระทัยด้วย ตนเองเถิด จะดีร้ายอย่างไรก็เป็นชายารองในอนาคตของ อ่องอู่เซวียน” ฮองเฮาถอนหายใจยาวถ่ายทอดคำสั่งลงไป
ยามที่หลินซินเอ๋อได้ยินคำว่าอ๋องอู่เซวียน ดวงตาเบิกกว้าง ในฉับพลัน นางมองไปยังหลินซินเยียนด้วยความริษยาจนตัว สั่น เป็นไปได้อย่างไร นั่งแพศยานี่ไม่เพียงไม่ตาย ทั้งยังจับ อ่องอู่เซวียนไว้ได้ด้วย?”
อ่องอู่เซวียนคือผู้ใด คือบุรุษผู้น่าพึงใจมากที่สุดในหัวใจ ของเหล่าสตรีแคว้นหนานเยว่ กล่าวกันว่ารูปลักษณ์ของเขา หล่อเหลาในใต้หล้า ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขามีอำนาจที่อยู่ใต้ เพียงหนึ่งแต่อยู่เหนือนับพันคน เนื่องจากฮ่องเต้ยังไม่มีพระ โอรส ผู้คนมากมายจึงล้วนคาดเดากันว่าถ้าหากฮ่องเต้ทรง สวรรคตขึ้นมา ก็อาจจะได้สืบทอดราชบัลลังก์โดยอ่องอู่เซ วียน
ไม่ใช่ลือกันว่าอ๋องอู่เซวียนมักจะเล่นกับสตรีโดยไม่ผูกมัด มิใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าตราบจนทุกวันนี้ ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสหวางเฟย เขาก็ไม่เคยให้สตรีคนอื่นๆเข้า
มาในจวนอู่เซวียนอ่องไม่ใช่หรือ? เหตุใดยามนี้จึงแต่งชายา รอง อีกทั้งยังแต่งกับสุนัขจิ้งจอก/นังเพศยานี่อีกด้วย? “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้..” หลินซิ นเอ๋อส่ายหน้าถี่รัวไม่หยุด อย่างไรก็ไม่กล้าที่จะเชื่อข้อเท็จ
จริงนี้
ฮองเฮายิ่งมองนางยิ่งขัดลูกตา พลางกล่าวด้วยความเย็น ชา “ไม่รู้ว่าตอนแรกเริ่มเข้าวังมานั้นตรวจสอบกันอย่างไร คาดไม่ถึงว่าสตรีบ้าคลั่งเช่นนี้จึงได้ปะปนเข้ามาในวังด้วย”
หลินซินเอ๋อถูกเหล่าแม่นมทั้งสองนางลากออกไป ขณะ หมอหลวงก็รีบถือกล่องยาเข้ามา ผู้ที่มานั้นยังคาดไม่ถึงว่าจะ เป็นคนรู้จักของหลินซินเยียน หมอหลวงเฉินนั่นเอง
หมอหลวงเฉินเห็นว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคือหลินซินเยียนก็ ตกใจไม่น้อย การเคลื่อนไหวของมือนั้นยิ่งรวดเร็ว หมอหลวง เฉินรีบตรวจสอบบาดแผลให้หลินซินเยียน พลันขมวดคิ้ว ทันที “นี่เป็นอาการกระดูกเคลื่อน ยามที่ต้องต่อเชื่อมกระดูก นั้นจะมีอาการเจ็บปวดอย่างมาก แม่นางหลินสามารถอดทน ได้หรือไม่?”
หลินซินเยียนกัดเรียวริมฝีปาก ผงกศีรษะรับด้วยเหงื่อที่ชุ่ม
โชก
หมอหลวงเฉินรู้จักหลินซินเยียนดีว่าเป็นสตรีที่แข็งแกร่งผู้ หนึ่ง ดังนั้นหลังจากที่นางพยักหน้า หมอหลวงเฉินก็จับเข้าที่ หัวไหล่ของนาง เขาออกแรงอยู่ชั่วครู่ เพียงได้ยินเสียงดัง “กรอก” ดูเหมือนว่าข้อต่อจะเข้าที่แล้ว
ในชั่วพริบตานั้น ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงอย่างฉับพลัน นั้นเกือบจะทำให้นางหมดสติไป แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ยังทน ไว้ได้ เพียงแต่เหงื่อเย็นๆยิ่งพรั่งพรูออกมามากกว่าเดิม แค่ เพียงไม่นานก็ทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มทะลุทั่วร่าง
นางไม่รู้เลยว่าความแข็งแกร่งของนางที่อดทนต่อความเจ็บ ปวด กลับทำให้โม่จื่อยี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้นเกิดแววความชื่นชม ในดวงตา
หากเป็นบุรุษ การอดทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่นับว่า มากมายอะไร แต่ทว่ากับสตรีแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะฝืนทนจน เหงื่อเย็นไหลท่วมร่างแต่กลับไม่ส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว ความไม่ท้อถอยเช่นนี้นับว่าไม่แพ้ให้แก่บุรุษหน้าไหน
เหล่าพระสนมและนางข้าหลวงเมื่อได้เห็นฉากนี้กลับไม่ แม้แต่จะเคลื่อนไหว สตรีที่เข้มแข็งมักจะทำให้ผู้คนมากมาย ชื่นชมอยู่เสมอ เว่ยกุ้ยเฟยพยักศีรษะอย่างเงียบๆ แววตาที่ใช้ มองหลินซินเยียนเปลี่ยนแปลงไป
“เอาล่ะ ไปหาเกี้ยวมา ส่งแม่นางหลินกลับให้ดีๆ ” ฮองเฮา ยังกล่าวไม่ทันจบ ทันใดนั้นก็เห็นโม่จื่อเฟิงเดินอย่างเร่งร้อน มาจากที่ไกลๆ มุมปากกระตุกโดยไม่รู้ตัว ลืมทันทีว่าจะต้อง พูดอะไรต่อ
โม่จื่อเฟิงเดินมาท่ามกลางดงดอกเหมย พลันเห็นหลินซิน เยียนอ่อนแรงล้มลงอยู่ที่พื้น ใบหน้านางซีดขาว ทั่วทั้งร่างดู เหมือนจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ที่แห่งนี้คือป่าเหมย เพียงแค่ เหลือบมองเขาก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่านั่นเป็นเหงื่อชุ่มโชก ของนางอย่างแน่นอน แต่ต้องความผ่านเจ็บปวดทรมานมา อย่างไรจึงทำให้เสื้อผ้าคนๆหนึ่งเปียกปอนจนทะลุได้ขนาดนี้?
แต่ไหนแต่ไรโม่จื่อยี่ไม่เคยเห็นสีหน้ามืดครึ้มเช่นนี้ของโม่ จื่อเฟิงมาก่อน แม้แต่เขาในฐานะฮ่องเต้ผู้สุงส่ง ทว่าในชั่วพริบ ตานั้นริมฝีปากเขาสั่นระริก กลับไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปาก อย่างไร
แต่ดูเหมือนโม่จื่อเฟิงจะไม่ต้องการให้เขาเอ่ยปาก
เพียงเห็นโม่จื่อเฟิงเดินฝ่ากลุ่มคนจนกระทั่งเดินมาถึงเบื้อง หน้าของหลินซินเยียน อุ้มนางขึ้นมาต่อหน้าผู้ในขณะนั้น ยาม ที่คราบเหงื่อจากเสื้อผ้าหยดลงบนฝ่ามือของเขา ไอสังหาร แผ่กระจายออกมาจากทั่วทั้งร่างของเขาทำให้ทุกคนต่างรู้สึก หวาดผวา
ขณะที่เขาอุ้มนางออกไปโดยที่ไม่พูดอะไร ทุกคนในที่นั้น ต่างก้าวถอยหลังด้วยความสั่นกลัว เกรงว่าหากก้าวถอยช้า ไปแม้แต่ก้าวเดียวก็คงจะมอดไหม้ด้วยไอสังหารของเขาที่แผ่ กระจายออกมา
“จื่อเฟิง….” ราวกับโม่จื่อยี่มีก้อนจุกติดอยู่ในลำคอ จึงกล่าว ออกมาได้เพียงแค่สองคำ