ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 226
ตอนที่ 226 ความอ่อนโยนของเขา
อวิ้นเสียวอิงตอบตกลงในทันที เพียงแต่ในขณะที่นางก้ม ศีรษะลง ได้เผยรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากโดยที่จินมู่ไม่เห็น
จินมู่นำอวิ๋นเสียวยิงเข้าไปยังด้านในเรือน เขายืนอยู่ที่ ด้านข้างราวกับไม่ค่อยไว้ใจ อวิ่นเสียวอิงเห็นเขามีท่าทีระ แวดระวังเช่นนี้ในใจก็ยิ่งยิ้มหยัน ทว่าใบหน้ากลับยังแสดง ความอ่อนโยนไร้เดียงสา “ท่านหัวหน้าจินมู่ ท่านไม่ควรที่ จะไม่เชื่อตัวข้าเช่นนี้ ในสายตาของท่าน ข้าเป็นบุคคลที่ ท่านไม่สามารถไว้วางใจแบบนั้นหรือ?
แม้ว่าภายในใจจะคิดเช่นนี้จริง แต่จินมู่ก็ไม่อาจที่จะ กล่าวออกมาได้ตรงๆ “แม่นางเสียวอิงถือสาแล้ว ข้ามิได้ หมายความเช่นนั้น”
มิได้หมายความเช่นนั้นแต่ท่านก็ยังคงอยู่ที่นี่จับตามอง ข้า?” เสี่ยวอิงชม้ายตามอง กล่าววาจาด้วยน้ำเสียงล้อเล่น แต่คำพูดไม่ได้ล้อเล่นเหมือนคำที่แสดงออกมา
จินมู่ถูกนางว่ากล่าวจนกระอักกระอ่วน จะอยู่รั้งหรือจะ จากไปในยามนั้นก็ล้วนลำบากใจไม่น้อย
ในขณะนั้นบังเอิญหลินซินเยียนเปิดประตูออกมาพอดี หลินซินเยียนที่กำลังเดินหาวออกมาจากห้อง ทันทีที่เห็นอ วิ่นเสียวอิงในเรือนก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พลันอยากจะชัก เท้าถอยกลับ
เดิมที่คิดไว้ว่าจะทำเป็นเมิน ใครจะรู้ว่าอวิ๋นเสียวอิงกลับมุ่งเข้ามาหานาง “พี่หลิน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อคืน หลับไม่สบายหรือ ขอบตาเจ้าดำคล้ำเชียว”
ถูกทรมานอยู่ค่อนคืนจะหลับสบายได้อย่างไร? หลินซิน เยียนคิดเช่นนี้ในใจ แต่ใบหน้ากลับเจือไปด้วยรอยยิ้ม เห็น สายตาของอวิ๋นเสียวอิงมองเลยไปยังทางด้านหลังของนาง นางจึงก้าวออกมาจากห้องเกือบจะโดยสัญชาตญาณ หลัง จากนั้นก็พลิกมือปิดประตูห้องให้ตัดขาดจากสายตาของอ วินเสียวอิง
“เฮ้อ ขัดขวางข้าขนาดนี้เลยหรือเนี่ย” อวินเสียวอิง หัวเราะเยาะหยัน
หลินซินเยียนไม่สนใจปะทะคารมกับนาง ขณะที่เดินมุ่ง ไปยังห้องครัวพลางกล่าวว่า “แม่นางเสียวอิงมาเช้าขนาดนี้ มีเรื่องอันใดหรือ?”
“ย่อมไม่ใช่มาหาเจ้า เหตุใดต้องใส่ใจ?” อวิ๋นเสียวอิง กล่าวเช่นนี้ แต่ฝีเท้ากลับก้าวตามติดหลินซินเยียน นาง โน้มมากระซิบข้างใบหูของหลินซินเยียน “พี่หลิน เมื่อคืน ข้าอยู่นอกเรือนได้ยินเสียงท่านร้องช่างเวทนายิ่ง อย่างไร กัน ในเรื่องนั้นท่านอ่องไม่อ่อนโยนกับเจ้าหรือ?”
“หลินซินเยียนชะงัก นึกไม่ถึงว่าอวิ้นเสียวอิงจะกล่าว ออกมาเช่นนี้ นางหันกลับไปมองอวิ๋นเสียวอิงด้วยความ ประหลาดใจ พลางยักคิ้วถาม “อย่างไรกัน เจ้าอิจฉาหรือ?”
ในเรื่องนั้นแต่ไหนแต่ไรโม่จื่อเฟิงก็ไม่เคยอ่อนโยนอยู่ แล้ว สำหรับหลินซินเยียนแล้วมันก็เป็นปัญหาที่ยากจะแก้ ตั้งแต่ที่เริ่มบอกปัดในครั้งแรก ยอมรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งถึงตอนนี้นางดูเหมือนจะเคยชินกับความ หยาบคายที่มากเกินไปเสียแล้ว
แม้กระทั่งในครั้งแรกที่ไม่ได้ทำกับเขาแค่ครั้งเดียว รู้สึก เจ็บปวดทรมานเหลือล้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่ทว่า ตอนนี้ ร่างกายของนางไม่เพียงมีความรู้สึกร่วม แม้แต่ทาง จิตใจก็ดูเหมือนมีความรู้สึกอันรื่นรมย์ในช่วงเวลาที่เขา ปลดปล่อย
นางไม่เคยคิดว่าตนเป็นโรคทรมานตัวเองแต่สำหรับเรื่อง นี้แล้วนางก็รู้สึกว่าตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถ้าหากเป็น แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตของนางท้ายที่สุดแล้วความทรมาน ก็คือความสุขงั้นหรือ?”
อวิ่นเสียวอิงไม่ทราบว่าหลินซินเยียนที่สีหน้าเหมือนจะ เรียบเฉยนั้น กลับเกิดคลื่นความปั่นป่วนภายในใจอัน เนื่องจากคำพูดเพียงหนึ่งประโยคของนาง ประโยคนี้กลาย เป็นกุญแจดอกสำคัญในการกระตุ้นความเจ็บปวดของ หลินซินเยียน
“อิจฉางั้นหรือ?” อวินเสียวอิงเงยหน้าหัวเราะ เพียงแต่ รอยยิ้มนั้นมีความบิดเบี้ยวอยู่ที่แม้แต่กระทั่งตนเองก็ยังไม่ สังเกตเห็น ข้ามีอะไรที่จะต้องอิจฉา ข้าเคยได้ยินพี่สาว กล่าวไว้ว่า บุรุษที่ใส่ใจสตรี เชื่อฟังความเห็นของสตรี ก็คือ ความอ่อนโยน รับฟังงั้นหรือ? อ่อนโยนงั้นหรือ? ทั้งสองสิ่ง นี้ดูเหมือนว่าจื่อเฟิงไม่เคยมีให้กับเจ้า ใช่ไหมล่ะ? ดังนั้น แล้วข้ามีอะไรให้ต้องอิจฉากัน”
สำหรับบุคคลประเภทนี้ที่ไม่อาจจะเป็นมิตรสหายกับตนได้ตลอดชีวิต แม้กระทั่งกับนางจะแกล้งเสแสร้งยังขี้เกียจ เลย นางเดินไปยังห้องครัวด้วยใบหน้าอันเย็นชาและกล่าว ทิ้งท้ายด้วยเสียงอันเย็นเยียบ “พูดเหมือนกับว่าเจ้าเคยได้ สัมผัสความนุ่มนวลจากเขาเลยนะ บางที แม้แต่เขาจะ ปฏิบัติกับเจ้าอย่างทารุณสักครั้งก็ยังไม่เคยเลยมั้ง น่าสง สารเนอะ”
เรื่องการปะทะวาจา หลินซินเยียนไม่เคยพ่ายแพ้ง่ายๆ
ครั้งนี้ อวินเสียวอิงได้หยุดเท้าลงและไม่ได้เดินตามหลิน ซินเยียนต่อ เพียงแต่นางดูเหมือนจะไม่พอใจ กล่าวด้วย ความโกรธที่เยือกเย็น “ข้าไม่เคยได้สัมผัส แต่ข้ากลับเคย เห็นด้วยตาของข้าเองว่าจื่อเฟิงอ่อนโยนกับพี่สาวข้า ตั้งแต่ ที่พี่สาวของข้าจากไป จื่อเฟิงที่อ่อนโยนแบบนั้นก็ไม่มีให้ เห็นอีกเลย ใช่แล้ว เจ้าคิดอยากเห็นพี่สาวข้าหรือไม่ว่า หน้าตาเป็นเช่นไร? ถึงแม้ว่าข้าจะยอมรับว่าเจ้าก็พอสะสวย อยู่บ้าง ทว่าเมื่อเทียบกับพี่สาวข้าแล้ว เจ้ายังห่างชั้นอีก เยอะ อีกอย่างข้าลืมบอกเจ้าว่า ดวงตาของเจ้าช่างเหมือน กับพี่หญิงของข้าเสียจริง” หลินซินเยียนก้าวโดยไม่หยุดฝีเท้า เดินตรงไปยังห้อง
ครัวเล็กๆโดยไม่หันกลับมาเหลือบมองอวิ้นเสียวอิง กระทั่ง ปิดประตูห้องครัวเล็กลง ทำเหมือนกับว่านางไม่ได้ยิน ประโยคเมื่อสักครู่นี้อย่างสิ้นเชิง แต่หลังจากที่ประตูได้ปิดลง ฝ่ามือของหลินซินเยียนที่
จับประตูไว้อยู่นั้นกลับยอมคลายออก นางจำได้ว่าตอนแรกที่อยู่ในสำนักศาลาความลับแห่งสวรรค์ โม่จื่อเฟิงทำทุกวิถีทางกระทั่งจงใจเสี่ยงกายเข้ามา ปะปนในศาลาความลับแห่งสวรรค์ ในตอนท้ายก็ยัง เคลื่อนไหวกองกำลังมากมายเข้าล้อมรอบประมุขศาลา ความลับแห่งสวรรค์ เป้าหมายนั้นดูเหมือนจะเพื่อภาพใบ หนึ่ง ในตอนนั้นถึงแม้นางจะดูไม่ออกว่าบนภาพนั้นคืออะไร แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่ออวิ่นเสี่ยวหยุนกล่าวถึงสิ่งนี้ออก มา นางกลับรู้สึกว่าภาพใบนั้น บางทีน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กับพี่สาวของอวินเสียวอิง
โม่จื่อเฟิงเคยอ่อนโยนกับพี่สาวของอวิ๋นเสียวอิงด้วย หรือ?
เดิมทีก็ไม่ได้สนใจใยดีในคำพูดนั้น แต่ด้วยเหตุใดกัน กลับทำให้หัวใจนางสั่นไหวไม่หยุด ตั้งแต่เมื่อไรที่นางเริ่ม ใส่ใจอดีตของโม่จื่อเฟิง?
แขนของหลินซินเยียนยังเจ็บอยู่ไม่สามารถทำงานหนักๆ ได้ ทว่ายามที่ตื่นมาในตอนเช้า นางหันไปก็มองเห็นโม่ จื่อเฟิงนอนหลับอยู่ด้านข้างอย่างสงบ ช่วงเวลานั้นหัวใจ ของนางราวกับจะกระโดดออกมา ได้ จนทำให้เกิดแรง กระตุ้นบางอย่างที่อยากจะเตรียมสำรับมื้อเช้าให้กับเขา ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างระมัดระวัง เพียงแต่ นึกไม่ถึงว่าเมื่อออกมาจากห้องก็ดันเจอเข้ากับอวิ๋นเสียวอิง เสียนี่
นางถอนหายใจ ลงมือทำอาหารเช้าอย่างไร้อารมณ์ อีก ทั้งรู้สึกปวดแขนข้างซ้ายมากขึ้น บังเอิญเจอม้านั่งตัวเล็ก จึงนั่งลงอยู่ที่ข้างเตา
ความคิดต่างๆล่องลอยไปไกลยามที่สตินางกลับมา ก็ ตอนที่หมอหลวงเฉินเดินเข้ามานั่งยองๆด้านข้างด้วย ใบหน้าที่ประหลาดใจ
“นังหนู เจ้าทำอะไรอยู่?” หมอหลวงเฉินมองนางที่สติไม่ อยู่กับเนื้อกับตัว จึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
หลินซินเยียนฝืนยิ้ม พลันส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่หิวเล็กน้อย จึงคิดจะมาหาของว่างทาน”
หมอหลวงเฉินได้ฟังก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก “เป็นไปไม่ได้ หรอก ข้าเห็นท่านอ่องใส่ใจเจ้าจะตาย ไม่มีเหตุผลที่จะให้ เจ้ามาหาของทานเองหรอกน่า ใช่แล้ว ข้าเพิ่งเข้าไปเมื่อสัก ครู่ เห็นว่าประตูห้องของเจ้าเปิดไว้อยู่แล้วก็เหลือบไปเห็น ว่าบนโต๊ะยังจัดวางขนวไว้ตั้งหลายอย่างไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้า หิวก็รีบกลับห้องไปทานซะ อย่าได้มายึดห้องครัวที่นี่เลย เก็บไว้ให้ข้าต้มยาให้เจ้าเถอะ เจ้าฟื้นตัวไว ตาแก่อย่างข้าก็ จะได้หลุดพ้นเร็วๆ”