ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 228
ตอนที่ 228 พานพบศัตรู
ภายในเมืองที่คึกคัก เต็มไปด้วยเสียงลอยล่องที่ได้ยิน อย่างชัดเจนแต่กลับแยกไม่ออกว่าเสียงไหนเป็นเสียงของ ใคร
เมื่อหลินซินเยียนและชิงจู่ลงจากรถม้ามายืนอยู่ที่ทาง เข้าร้านตัดเสื้อแห่งหนึ่ง ก็เห็นฉากที่สตรีปากจัดกำลังฉุด กระชากกัน
เห็นสตรีวัยกลางคนกำลังดึงผมของฝ่ายตรงข้ามกันและ กัน และเนื่องจากพละกำลังสูสี ดังนั้นยามนี้จึงเห็นได้ชัดว่า ต่างลำบากพอกัน การแต่งกายของฮูหยินทั้งสองล้วน หรูหรา เพียงแค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่ฮูหยินตระกูลสามัญ อีกทั้ง ด้านหลังของพวกนางล้วนมีหญิงรับใช้ติดตาม เพียงแต่ เหล่าหญิงรับใช้ในเวลานี้ไฉนเลยจะกล้าออกมาช่วยเหลือ ดังนั้นเหล่าหญิงรับใช้จึงกลายเป็นกลุ่มกระจุกอยู่หน้าทาง เข้าร้านตัดเสื้อ
“ไอ้หยา ท่านทั้งสองอย่าได้ตีกันเลย เสื้อผ้าชุดนี้ข้าไม่ ขายแล้ว ใครจะมาซื้อข้าก็ไม่จะไม่ขายดีหรือไม่? ฮูหยินทั้ง สองท่านอย่าได้ตีกันเลย หยุดตีกันได้แล้ว!” เจ้าของร้านที่ ยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าคิดอยากจะเข้ามาห้ามปรามไม่ให้ ทะเลาะ แต่ล้วนเป็นสตรี บุรุษเช่นเขาไม่กล้าที่จะขึ้นมา ด้านหน้าตามใจชอบ
ในสังคมนี้มีการป้องกันระหว่างชายและหญิง ยิ่งเป็น ตระกูลใหญ่ยิ่งให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของฝ่ายหญิง ถ้าหากเขาเข้ามาและแตะต้องโดนตัวฮูหยินท่านใดเข้าแล้วล่ะ ก็ นั่นยังรุนแรงกว่าเรื่องที่ทะเลาะกันอยู่ตอนนี้เสียอีก
เจ้าของร้านก็ไม่กล้าที่จะเข้ามา เหล่าลูกน้องก็ยิ่งไม่กล้า ที่จะขยับตัว กลับมีหญิงรับใช้ภายในร้านที่คิดจะเข้ามา ช่วย แค่เพิ่งจะเดินเข้าไปก็ถูกเหล่าหญิงรับใช้ของฮูหยิน ทั้งสองนั้นทุบตีกลับมา หญิงรับใช้เหล่านั้นยังตะโกนอีกว่า “ใครกล้ายุ่งเรื่องของฮูหยินพวกข้า?”
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ เหล่าประชาชนจึงได้แค่มองดูกลุ่ม คนตะลุมบอนกัน
หลินซินเยียนรู้สึกว่าวันนี้ไม่ชอบมาพากล แม้แต่จะซื้อ เสื้อผ้ายังต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ นางจึงถอนหายใจ หันกลับ ไปถามชิงจู่ “ในเมืองนี้ยังมีร้านเสื้อชื่อดังร้านอื่นอีกไหม?”
“มีก็มีอยู่เพคะ แต่ทว่าที่ทำชุดแต่งงานออกมาได้งามมาก
ที่สุดก็เป็นร้านนี้” ชิงจู่ขมวดคิ้วมุ่น “ฮูหยินรู้สึกว่าคนเหล่านี้
กำลังขวางทางท่านอยู่ใช่หรือไม่เพคะ?”
นี่มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ? ใครอยากจะเจอเรื่องพวกนี้ กันเล่า? หลินซินเยียนส่ายศีรษะอย่างจนใจ
ใครจะรู้ว่าชิงจู่กลับไม่นับเรื่องนี้ว่าเป็นปัญหา “ง่ายมาก เพคะ ฮูหยินโปรดรอสักครู่”
เมื่อชิงจู่กล่าวจบ นางเดินออกไปยืนด้านหน้า เห็นนาง เตะหญิงรับใช้คนหนึ่งจนตัวลอย หญิงรับใช้รายนั้น กระแทกเข้ากับบานประตูจนพ่นเลือดสดๆออกมา
“ว้าย ฆาตกร!” มีเสียงกรีดร้องที่หวาดกลัวจากในกลุ่มฝูงชนที่อยู่รอบๆ
หญิงรับใช้รายนั้นนอนหมอบอยู่บนกองเลือดที่พื้น ไม่ส่ง เสียงออกมาแม้แต่คำเดียว ชิงจู่เพียงแค่เหลือบมองหญิง รับใช้นั้นจากมุมบนและตะโกนไปยังกลุ่มคนให้หยุดการ ตบตี “หลีกไป อย่าได้มาขวางทางฮูหยินของข้า!”
“สำหรับวิธีการปรากฏตัวของซิงจู่ที่ทั้งเผด็จการและเป็น จุดสนใจ หลินซินเยียนถึงกับอับจนด้วยคำพูด นี่มัน เถรตรงและก็รุนแรงเกินไปหรือเปล่านะ? แต่เมื่อใคร่ครวญ อย่างละเอียด ก็รู้สึกผู้ที่มาจากจวนอู่เซวียนอ๋อง ก็ล้วน เผด็จการจนเคยตัว นายเป็นอย่างไร บ่าวก็เป็นเยี่ยงนั้น
ด้วยความเผด็จการของชิงจู่จึงทำให้ผู้คนทั้งสองข้าง ทางหยุดทะเลาะกันชั่วคราว ฮูหยินทั้งสองถอยกลับไป ด้านข้างภายใต้การประคองของหญิงรับใช้ฝั่งใครฝั่งมัน คนทั้งสองดูเหมือนว่าได้ใช้เรี่ยวแรงเกินกำลัง จึงหายใจ หอบไม่หยุดอยู่ที่ด้านข้าง ไม่มีแรงที่จะตะโกนทะเลาะ เรียกชิงจู่
“ฮูหยินของเจ้าคือใคร? กล้าบังอาจขนาดนี้! ฮูหยินของ พวกเราไม่ใช่คนที่จะยุแหย่ได้ง่ายๆหรอกนะ!” หญิงรับใช้ สองคนที่ยังพอมีแรงเหลือออกมายืนพูด
ชิงจู่สีหน้าเรียบเฉย แม้กระทั่งเรียวคิ้วยังไม่ขมวด เพียง กวาดสายตาเย็นเยียบไปที่หญิงรับใช้คนนั้น “ฮูหยิน ตระกูลข้าแห่งจวนอู่เชวียนอ่อง”
จวนอู่เซวียนอ่อง คำเหล่านี้เปรียบเสมือนฟ้าผ่าลงกลาง ใจผู้คน ในเมืองเฟิ่งชีแห่งนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลที่ทรงอำนาจอย่างจวนอู่เซวียนอ่องล้วนไม่มีใครกล้าวางมาด เพราะนอกจากฐานันดรศักดิ์ในวังหลวงแล้ว เจ้านายใน จวนอู่เซวียนอ่องก็ดูเหมือนจะไม่เคยมีใครในสายตา
ฉะนั้น คำที่ชิงจู่กล่าวออกมา ผู้คนทั้งสองฝั่งล้วนมีความ ล่าช้าในการตอบสนอง ดูเหมือนจะลืมขยับตัวเนื่องจาก กำลังตกตะลึง
ชิงจู่จึงหันไปยอบกายทำการคารวะกับหลินซินเยียน หลังจากนั้นก็นำทางหลินซินเยียนเข้ามาในร้านตัดเสื้อ เจ้าของร้านได้ยินมาว่าจากจวนอู่เซวียนอ๋อง ก็เปลี่ยนเป็น ท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ใบหน้านั้นราวกับอดใจรอไม่ ได้ที่จะยิ้มอย่างเจิดจ้ามากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เพียงแต่ในขณะที่เจ้าของร้านกำลังคิดจะเข้ามา พลัน เห็นหนึ่งในฮูหยินคู่นั้นสลัดตัวจากการประคองของหญิงรับ ใช้แล้วพุ่งเข้ามาหาหลินซินเยียน
หลินซินเยียนตอบสนองไม่ทันการณ์ แต่ชิงจู่นั้นมีวิทยา ยุทธ์ แค่แวบแรกที่เห็นสตรีพุ่งเข้ามานางก็ขมวดคิ้วพลัน กระโดดเตะเข้าไป แต่เนื่องจากไม่รู้ถึงสถานะตัวตนของ สตรีผู้นั้น ดังนั้นนางจึงออมแรงเตะ เพียงแค่ทำให้สตรีนั่น ล้มลงไปกับพื้นก็เท่านั้น
“ซินเยียน เจ้าคือซินเยียน!” ฮูหยินผู้ตื่นตระหนกไม่สนใจ ความเจ็บบนร่างกายของตน รีบคลานเข้าไปยังเบื้องหน้า ของหลินซินเยียน
เมื่อหลินซินเยียนได้ยินเสียงนั้น หัวใจเต้นราวกับบ้าคลั่ง เมื่อพิจารณาดูให้ดีผ่านร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าของสตรีผู้นั้น อย่างที่คาด…ใบหน้าอันคุ้นเคยที่ไม่อาจเคยคุ้น
ครั้งหนึ่ง หลินซินเยียนรู้สึกว่าตนเองถึงแม้จะกลายเป็น ปีศาจ แต่ก็ไม่อาจลืมผู้หญิงคนนี้ได้ มันเป็นเพราะผู้หญิง คนนี้บังคับให้นางแต่งให้กับตาแก่อายุครึ่งร้อย บีบให้นาง ต้องปีนขึ้นเตียงของโม่จื่อเฟิง ตั้งแต่นั้นมาก็ได้เปลี่ยนโชค ชะตาทั้งชีวิต
เห็นหลินซินเยียนไม่มีท่าทีตอบสนองแม้แต่น้อย แม่ทัพฮู หยินแม่ทัพฮูหยินจึงรีบจัดการเส้นผมที่กระจัดกระจายของ ตน “ซินเยียน เจ้าจำไม่ได้หรือ? ข้าเป็นแม่ของเจ้าไง!”
ะ แม่…นางพูดออกมาแบบนั้น
หลินซินเยียนยิ้มเย็น คนประเภทนี้ช่างน่ารังเกียจจน อยากจะอาเจียนออกมา นางก้มต่ำจ้องไปยังแม่ทัพฮูหยินที่ มีหน้ามาเรียกว่าเป็นแม่แท้ๆของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “ฮู หยินท่านนี้คงจำคนผิดแล้วกระมัง?”
“เป็นไปไม่ได้! ข้าจะจำผิดได้อย่างไรกัน” แม่ทัพฮูหยิน ไม่สนใจท่าทีที่เย็นชากระด้างของหลินซินเยียน ยังคง กล่าวอย่างหน้าหนา “ซินเยียน! เจ้ายังโกรธแม่อยู่ใช่หรือ ไม่? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันมาหลายปี ไยต้องโกรธ กันข้ามคืนข้ามวัน เจ้าดูสิ ข้าและพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าจะต้อง แต่งให้อ๋องอู่เซวียนเป็นชายารองพระชายา ไม่ใช่ว่ารีบมา ที่ร้านตัดเสื้อเพื่อเลือกชุดแต่งงานที่งามที่สุดให้แก่เจ้าหรือ ไงกัน? ใครจะคิดว่าต้องมาเจอกับพวกไม่มีตาม้าตาเรือ แล้วยังมาแย่งชิงกับข้าอีกด้วย!”
คำที่แม่ทัพฮูหยินกล่าวมา นับว่าทำให้หลินซินเยียนเข้าใจถึงสถานการณ์ได้อย่างคร่าวๆ
ดูเหมือนว่าเรื่องของหลินซินเอ่อที่เกิดขึ้นในวัง หลิน เทียนเฉิงและแม่ทัพฮูหยินผู้นี้รับรู้แล้ว และก็ยังรู้อีกด้วยว่า นางยังมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแค่มีชีวิตรอด อีกทั้งยังใกล้จะแต่ง ให้กับอ๋องอู่เซวียน ดังนั้นแล้วเขาจึงทำหนังหน้าอันหนา ด้านมาประจบนาง!”
ใช่คิดอยากจะปีนป่ายต้นไม้ใหญ่เช่นอ๋องอู่เซวียน? ยัง คิดอยากจะให้นางเอ่ยปากกับโม่จื่อเฟิงขออภัยโทษให้แก่ หลินซินเอ่อนั้นหรือ? แต่ทว่า สองเรื่องนี้ นางล้วนมิอาจให้ พวกเขาสมปรารถนาหรอกนะ
หลินซินเนียนยังคงนิ่งเงียบ กลับเป็นแม่ทัพฮูหยินที่กำกับ เองแสดงเอง ราวกับมีเรี่ยวแรงขึ้นมา สองมือเท้าสะเอวชี้นิ้ว พลางโวยวายฮูหยินอีกฝั่ง “เห็นไหม นี่คือลูกสาวของข้า เร็ววันนี้ก็จะกลายเป็นชายารองแห่งจวนอู่เซวียนอ่องแล้ว ข้ามาซื้อชุดแต่งงานให้กับนาง เจ้าก็ยังกล้าเข้ามาแย่งชิง กับข้า! อย่างไรกันเล่า แม้กระทั่งสิ่งที่เป็นของจวนอู่เซวีย นอ๋องก็ยังกล้าแย่งไปหรือ? ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”
ฮูหยินผู้นั้นถูกแม่ทัพฮูหยินก่นด่าโดยที่ไม่ทราบความไม่ ลงรอยระหว่างหลินซินเยียนและแม่ทัพฮูหยิน ยังเข้าใจว่า เป็นจริงทุกอย่างดังที่แม่ทัพฮูหยินกล่าว ใจก็เกิด กระวนกระวาย จวนอู่เซวียนอ๋องไม่ใช่อะไรที่นางจะไปยั่วยุ ได้จริงๆ