ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 250
ตอนที่ 250 บุรุษในชุดคลุมสีดำ (1)
จินมู่ลุกยืนขึ้นในมือที่ถือมีดพกเตรียมไว้นานแล้ว เขาถามเสียงเข้ม “ท่านอ่อง พวกเราไล่ตามไปหรือ ไม่? ”
“พวกเจ้าไม่มีทางไล่ตามได้ทัน” โม่จื่อเฟิงพูดแล้ว สายตาที่มองไปยังสีหน้าซีดเซียวของชิงจู่”เจ้าไปดูชิง จู่ว่านางมีร่องรอยบาดแผลอะไรหรือไม่”
จินมู่รับคำแล้วรีบคุกเข่าลงดูตามร่างกายของชิงจู๋ ก็พบว่านิ้วชี้ของชิงจู่มีเพียงรอยแผลเล็กๆน้อยๆ เขา ยกนิ้วมือของชิงจู่ให้โม่จื่อเฟิงดู”ผิวตรงนี้มีรอยช้ำ พิษ คงเข้าสู่ร่างกายของชิงจู๋จากทางนี้เพียงแต่…. บาดแผลนี้ไม่เหมือนบาดแผลที่เกิดจากของมีคมแต่ เหมือน….”
” งูตัวนูนกัด”โม่จื่อเฟิงพูดต่อจากจินมู่
จินมู่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงพอได้ยินชื่องูตัวน หูน “งูตัวหนูไม่ใช่สัตว์ในตำนานที่เล่าขานกันมารี? มิน่าเชื่อว่างูตัวนหนูจะมีอยู่จริงๆ เมื่อครั้นข้าตอนเด็กๆ ก็พอเคยได้ยินว่ามีงูชนิดหนึ่งชื่อต้วนหูน ดูดกิน วิญญาณคนเป็นอาหาร เมื่อถูกงูตัวนหูนกัดเข้าจะ กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ”
โม่จื่อเฟิงส่ายหัวเบาๆพูดขึ้นด้วยเสียงเข้ม”งูตัวนหู นมีอยู่จริง แต่ว่าไม่ได้กินวิญญาณคนเป็นอาหารตาม ตำนาน เพียงแค่จะปล่อยพิษร้ายเท่านั้นเอง ลักษณะพิเศษของงูพิษชนิดนี้คือพิษจะกระจายอย่างรวดเร็ว หากโดนกัดเข้า ไม่นานก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแรงและ ไม่มียาถอนพิษ”
เมื่อเขาพูดจบ จินมู่เข้าใจทันที คนรอบวางยาพิษ ใช้งูตัวนูนกัดชิงจู่ เพื่อที่จะปราบนางให้อยู่หมัด เพราะว่าศิลปะการป้องกันตัวของชิงจู๋ก็ไม่ได้แย่แม้จะ ทำได้แค่ยืดเวลาแต่ก็เกรงว่าเรื่องจะแดงขึ้นมาเสีย ยา พิษทั่วไป พิษจะกระจายไปเรื่อยๆ มีเพียงแค่งูต้วนหู นที่พิษจะกระจายไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่…..
“แล้วใครกันที่มีงูตัวหนูนะ? แม้แต่พวกเรามี่อวี่เก่ อยังไม่มีข้อมูลใดๆ”จินมู่ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ คนที่กล้า ทำเรื่องแบบนี้ในจวนอู่เซวียนอ๋อง ไม่เคยพบเคยเห็น มาก่อนเลยจริงๆ แต่ท่านอ๋องก็ไม่ได้ให้พวกเขาไล่ตาม ไปแม้จะไล่ตามก็ไล่ตามไม่ทัน หรือว่าท่านอ๋องเดาออก แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร?
จินมู่มีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถาม แต่ว่าเมื่อ มองเห็นสีหน้าถอดสีที่หวาดหวั่นของโม่จื่อเฟิง เขา กลับไม่กล้าที่จะอ้าปากถาม
โม่จื่อเฟิงที่กำลังอุ้มวี่จิ่งอย่างเงียบๆ ความคิดของ เขาได้หลุดลอยไปไกลถึงเมื่อหลายปีก่อนที่ เดิมทีเขา ก็ไม่ได้อยากจะจดจำสักเท่าไรความทรงจำเหล่านั้นได้ ผุดแทรกขึ้นมาในหัวของเขา
จริงๆแล้ว ผู้คนมากมาย เรื่องราวมากมาย ยังคงจดจำได้ตลอดมา ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจที่จะลืมมันแล้วจะ ลืมได้
จินมู่ดูแลวี่จิ่งให้ดี อย่าให้คาดสายตา”โม่จื่อเฟิง ส่งวี่จิ่งให้กับจินมู่แล้งเดินจากไป
“ท่านอ๋อง ท่านจะไปไหน? “จินมู่อุ้มวี่จิ่ง สงสัยอยู่ ในใจ โม่จื่อเฟิงฮึมในลำคอ พละกำลังค่อยๆเพิ่มขึ้น ช่วง
เวลานั้น แม้แต่เสื้อคลุมยังพลิ้วไหวไปตามแรงกำลังนั้น
“ไปช่วยนางกลับมา”
เมื่อพูดจบ โม่จื่อเฟิงก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาจินมู่
วิชาตัวเบาแบบนี้ความเร็วแบบนี้ใกล้ที่จะเลย ขอบเขตของการเรียนวิทยายุทธแล้ว จินมู่จ้องมองโม่ จื่อเฟิงอยากตกตะลึงที่ทิ้งไว้เพียงแค่ความว่างเปล่า เขาอยากที่จะพูดว่าต้องการคนไปด้วยสักคนหรือไม่
แต่เมื่อมองวิทยายุทธการต่อสู้ของผู้เป็นนายนั้น ก็ ฉุกคิดถึงคำพูดของผู้เป็นนาย เขานึกขึ้นได้ว่าศัตรู เบื้องหน้าของจวนอู่เซวียนอ่องในครั้งนี้แตกต่างจาก ครั้งก่อนๆ ถ้าหากว่าวิทยายุทธของคนเหล่านั้นกับ ท่านอ่องเทียบเท่ากัน การที่เขาไปแบบนี้ก็เท่ากับไป ตาย
แน่นอนว่าผู้เป็นนายเหมือนจะมีความลับบางอย่าง ซ่อนไว้ไม่อยากให้ใครรู้
จินมู่เป็นข้ารับใช้ที่ดีคนหนึ่ง ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการดูแลวี่จิ่ง ถึงแม้ว่าวิทยายุทธของเขาจะ ไม่ได้เก่งกาจมากนัก แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเขาลงไป สั่งการทหารองครักษ์ของจวนอ๋อง ปิดล้อมจวนอ๋องไว้ อย่างแน่นหนา และอพยพเหล่าทหารที่มาแสดงความ ยินดีออกไป
ได้ยินมาว่าในจวนอ๋องเกิดเรื่อง เหล่าข้าราช บริพารที่มาแสดงความยินดีก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อทุกคน ต่างรีบแยกย้าย เกรงว่าอันตรายครั้งนี้จะสาวมาถึงตน จวนอ๋องมีการซุ่มโจมตีกัน เรื่องนี้เข้าไปถึงในวังแล้ว
โม่จื่อยี่ที่กำลังดื่มชาไปมองเว่ยกุ้ยเฟยจัดแต่ง ดอกไม้ไป กระถางดอกโบตั๋นนั้นที่ขุนนางเมืองข้างๆ ส่งมาให้ ได้ยินมาว่าเมื่ออาทิตย์ตกดินสีของดอกไม้นี้ จะเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง เพราะเหตุนี้จึงสมญานาม ว่าดอกโบตั๋น เว่ยกุ้ยเฟยชอบมันมาก ทุกๆครั้งจะจัด แต่งด้วยตัวเองทุกใบจะจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อองครักษ์รายงานข้อมูลของจวนอู่เซวียนอ๋อง โม่จื่อยี่ยังไม่เข้าใจกระจ่างแจ้ง”เจ้าหมายความว่า เจ้า สาวหายตัวไป? จวนอู่เซวียนอ๋องถูกลอบทำร้าย? ”
ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่รู้ แต่ด้วยความสามารถ ของโม่จื่อเฟิงแล้ว เขารู้แน่ชัด ด้วยกำลังของโม่จื่อเฟิง อยากที่ลงไม้ลงมือกับจวนอู่เซวียนอ่องแน่นอนว่ามัน ต้องเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เรื่องนี้ หากว่ามีคนทำได้ ต้องเป็นคนของที่นั่นแน่ๆ
โม่จื่อยี่มีแผนแล้วในใจ ไม่ได้สังเกตข้างๆว่าเว่ยกุ้ยเฟยนัยน์ตามีประกายออกมา แต่ว่าในเสี่ยววินาที นางปรับเปลี่ยนเป็นความสงสัย”ฝ่าบาท น้องซีนเยียน ถูกจับตัวไปรี? เมื่อเช้าข้าเพิ่งไปช่วยนางทำผม เธอ เป็นหญิงสาวที่ดี นางผู้นี้ชื่อเสียงเกียรติยศยังสำคัญ กว่าชีวิต นางถูกลักพาตัวไปเช่นนี้จะทำอย่างไรดี เล่า? ”
โม่จื่อยี่ถอนหายใจอย่างลำบากใจ “พูดเช่นนี้ แต่ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ก็ทำได้แค่ไปทีละก้าว ข้าคิดว่า จื่อเฟิงจะต้องรีบไปช่วยนางเป็นแน่”
โม่จื่อยี่ปากพูดไปแบบนั้น แต่ในใจกลับ กระวนกระวาย เขาเดินไปเดินมาอยู่ในห้องครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ทนไม่ได้จึงพาคนออกจากวังของเว่ยกุ้ยเฟย
เขาเดินออกมา เว่ยกุ้ยเฟยจึงวางกรรไกรในมือลง แล้วขมวดคิ้วทั้งสองข้าง ส่ายหัวอย่างหมด หนทาง “สุดท้ายแล้วก็ซ่อนตัวไม่มิด เด็กสาวที่มีเบื้อง หลังไม่แข็งแกร่งพอ การใช้ชีวิตอยู่ช่างไม่ง่ายเลย”
จากเมืองเฟิ่งชีไปตะวันออกสามสิบกิโลก็คือเทือก เขาที่ติดกัน ในนั้นที่สูงที่สุดในที่ประเทศหนานเยว่ ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะว่าตำนานเล่าขาน กันว่ากลางหุบเขาเคยมีหงส์อยู่ ดังนั้นจึงชื่อว่าหุบเขา หงส์ บนภูเขานั้นวิวทิวทัศน์สวยงามมีวิหารของวัดเต่า อยู่มากมายเมื่อฤดูกาลแปรเปลี่ยน ก็คือตอนที่มีผู้คน มากมายมาที่วัด เพราะว่าเมื่อฤดูกาลแปรเปลี่ยน วิว ทิวทัศน์ที่กลางหุบเขานั้นช่างสวยสดงดงามเป็นที่สุด
วัดเตาตั้งอยู่ทางทิศเหนือหันไปทางทิศใต้ เบื้อง หน้าคือเมืองเพิ่งชี เบื้องหลังคือหน้าผาอันสูงชัน ดังนั้น วิหารของวัดเตยสร้างขึ้นแบบพิเศษสามด้านล้อมรอบ ด้วยกำแพงมีเพียงใกล้เนินเขาด้านเดียวที่ใช้เป็นจุด ชมวิวมีนักบวชชราผู้หนึ่งกำลังนั่งลงบนจุดชมวิว และมี เด็กอีกคนหนึ่งในมือถือดอกไม้ป่าที่เก็บมาจากเขา คุกเข่าทำความเคารพนักบวช
นักบวชชรามองไปที่เด็กน้อย ท่าทางวางมาดสั่ง “เอาดอกไม้ป่าใส่ไว้ในตะกร้าเถอะ”