ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 257
ตอนที่ 257 อู่จิ้นที่น่าสงสาร
โม่จื่อเฟิงกลับมองเธออย่างเย็นชา ซ้ำยังไม่มีกะ จิตกะใจยื่นมือไปพยุงเธอ ” ลุกขึ้นมา”
ตอนที่เขาใช้สายตาเย็นชาอย่างนี้จ้องมองเธอ เธอกลับความรู้สึกว่าความเจ็บปวดมันส่งไปไม่ถึงข้อ เท้า เพราะว่าส่วนที่อยู่ในใจสักแห่งมันก็เจ็บปวด เหมือนกัน
เดิมไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ถึงจะไม่ตั้งใจ เธอก็แคร์ท่าที่ของเขาที่มีต่อเธอมาก
เธอกัดริมฝีปาก นัยน์ตาเปียกชุ่มฝืนบังคับไม่ให้ ไหล เอามือยันกำแพงรั้นให้ลุกขึ้นยืน
โม่จื่อเฟิงได้สติก็เดินหน้าต่อ ไม่สนใจความผิด หวังหรือความเจ็บปวดที่ฉายแวบอยู่บนใบหน้าของ หลินซีนเยียน เธอฝืนทนความเจ็บตรงข้อเท้า ก้าว เดินตามเขาไปยังยากลำบาก เขาเดินเร็วมาก แต่เธอ ก็รั้นก้าวเดินไม่ห่างแม้แต่ครึ่งก้าว
ในที่สุด โม่จื่อเฟิงก็มาถึงหน้าประตูหิน เขายื่น มือไปเคาะบนประตูหินเป็นจังหวะสักพักหนึ่ง ไม่นาน ประตูหินก็เปิดออก คนที่ยืนอยู่ปากประตูเป็นชายชุด ดำคนหนึ่ง
แม้จะเห็นเพียงดวงสองคู่ แต่หลินซีนเยียนก็จำ นางได้ ชายชุดดำคนนี้เป็นสตรีชุดดำเพียงหนึ่งเดียว คนนั้นที่ช่วยเธอสวมเสื้อผ้า
“หนีหว่าน คนล่ะ?” โม่จื่อเฟิงเอ่ยถามด้วยน้ำ เสียงเย็นชา
ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าหนีหว่านหลีกทางให้ เอ่ย ตอบอย่างนอบน้อม ” ในห้องกักขังเพคะ..นางพูด เพียงครึ่งหนึ่ง สายตามองไปยังหลินซีนเยียนที่อยู่ ด้านหลังโม่จื่อเฟิง ราวกับลังเลไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ เอ่อ…ด้านในมันไม่เป็นระเบียบอย่างมาก”
หลินซีนเยียนเพิ่งรู้ว่า ชายชุดดำคนนี้ชื่อว่าหนี หว่าน หนีหว่าน ชื่อนี้น่าฟังมาก แต่น่าเสียดายที่นาง คลุมใบหน้าจึงมองไม่เห็นรูปโฉมของนาง
โม่จื่อเฟิงเดินผ่านหน้าหนีหว่านไป มองหลินซีน เยียนที่มัวยืนอยู่ปากประตู สีหน้าก็เข้มครึ้มลง แค่น เสียงหัวเราะ ” เลิกจ้องหนีหว่านได้แล้ว นางไม่ อัปลักษณ์ไปกว่าเจ้าหรอก”
หลินซีนเยียนรีบละสายตาออกแล้วจ้องไปยังคน ที่แสดงพฤติกรรมไร้มารยาทตลอด จากนั้นเธอก็ เดินตามโม่จื่อเฟิงไป
หนีหว่านยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสอง กวาด สายตามองเท้าที่เดินกะเผลกของหลินซีนเยียน แล้ว
มองไปยังทิศทางด้านหน้าของทั้งสอง ทนไม่ได้ที่จะ เอ่ยขึ้น นายท่าน ภายในห้องนั้นมันไม่ระเบียบนัก หากฮูหยินเข้าไป…”
โม่จื่อเฟิงหันมามองด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่ได้เอ่ย อะไร เพียงมองแวบหนึ่งอย่างเยือกเย็น หนีหว่าน ตกใจจนคุกเข่าลงพื้น
” หนีหว่านล้ำเส้นแล้ว”
ในห้องลับนั้นมีอะไรกันแน่ ถึงทำไมหนีหว่าน กระวนกระวายเช่นนี้? หลินซีนเยียนรู้สึกขัดข้องใจ สถานที่แห่งนี้เป็นของโม่จื่อเฟิง คนที่นี่ก็เป็นคนที่เขา ฝึกฝนมาด้วยตนเอง ความสามารถของคนเหล่านี้ คล้ายกับคนระดับอย่างจินมู่ที่แข็งแกร่งมาก มีอะไร สามารถทำให้พวกเขากระวนกระวายกัน?
บางทีอาจไม่ใช่ความกระวนกระวาย เพียงแต่ไม่ อยากให้เธอไปเห็นอะไรสักอย่าง
หลินซีนเยียนไม่รู้ หนีหว่านมองแผ่นหลังของ เธอและโม่จื่อเฟิงจากที่ไกลๆ อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
โม่จื่อเฟิงเดินไปถึงปากประตูห้องกักขังก่อน ซึ่ง ประตูนั้นทำจากแท่งเหล็กที่สานกัน มีรูสามารถมอง เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ภายในได้ เขาหันหน้ากลับมา มองใบหน้าที่งุนงงของหลินซีนเยียน สีหน้าก็มีดครึ้ม ลงจึงคว้าแขนของเธอแล้วกระชากเข้ามาอย่างรุนแรง
หลินซีนเยี่ยนรู้สึกวิงเวียนศีรษะไปพักหนึ่ง เมื่อ เห็นภายในห้องกักขังนั้นแล้วก็ตกตะลึงจนลืมว่ารู้สึก วิงเวียนศีรษะอยู่
ภายในห้องกักขังมีบุรุษในสภาพย่ำแย่ บนร่างที่ เปลือยเปล่ามีหมูกดทับอยู่ตัวหนึ่ง อารมณ์ของเขาดู คลุ้มคลั่ง แต่ละมุมในห้องกระจัดกระจายไปด้วย เสื้อผ้าแล้วยังมีหน้ากากเหล็กครึ่งหน้าหนึ่งอัน
ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นอัปลักษณ์อย่างมาก ใบหน้าครึ่งบนคล้ายกับได้รับการกระแทกมาอย่าง แรง จนเกือบกลมกลืนราวกับก้อนเนื้อสีแดงที่น่าน่า สะพรึงกลัว ใบหน้าครึ่งล่างกลับเป็นผิวที่เนียนนุ่ม สมบูรณ์แบบมาก ความแตกต่างแบบนี้ก่อให้เกิด ผลกระทบอย่างรุนแรงมาก ทำให้คนรู้สึกว่า อัปลักษณ์ก็ว่าอัปลักษณ์มาก รู้สึกว่าหล่อเหลาก็หล่อ เหลามาก
ในห้องกักขังทำให้หลินซีนเยียนไม่ได้สามารถ มองข้ามได้ ยังมีหมูอีก 5-6 ตัวที่นอนตายอยู่บนพื้น บนร่างกายของหมูเหล่านั้นยังมีเลือดสดไหลออกมา ราวกับเพิ่งจะตายไปไม่นาน ความผิดปกติในบริเวณ นี้เป็นอย่างที่หนีหว่านพูดเอาไว้ ไม่เป็นระเบียบอย่าง มาก!
หลินซีนเยียนที่เป็นผู้หญิงสมัยปัจจุบัน เคยเห็น ข่าวสังคมแปลกๆมานับไม่ถ้วน แต่พอมาเห็นฉากจริง ที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าแบบนี้แล้ว เธอรู้สึกคลื่นไส้จน ทนไม่ได้ที่จะอ้วกออกมา
สีหน้าของโม่จื่อเฟิงไม่เปลี่ยนเลยตั้งแต่แรก จนถึงตอนนี้ เยือกเย็นจนทำให้คนรู้สึกหนาวสั่น ตลอด เมื่อเห็นเธออ้วกออกมา เขาจึงหัวเราะเยาะ ” เจ้าดู อู่จิ้นก็เป็นเช่นนี้แหละ ไม่ว่าจะบุรุษ สตรี ชรา เด็ก แม้กระทั่งสัตว์ เขาล้วนไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ เจ้างดงามถึงเพียงนี้ แต่เขากลับปล่อยเจ้าไป เจ้าคิด ว่า มันเป็นไปได้หรือ?”
คำพูดของเขา กล่าวกับหลินซีนเยียนอย่างโหด ร้ายโดยไม่ต้องสงสัย เขาให้เธอมาเห็นภาพนี้ก็เพื่อ จะบอกเธอว่า อู่จิ้นเป็นคนที่ผิดปกติมากแค่ไหนงั้นเห รอ?
ไม่ว่าในใจของเธอจะรังเกียจแค่ไหนแต่ก็ยังไง ขบฟันแล้วมองไปทางอู่จิ้นอีกครั้ง นัยน์ตาของอู่จิ้น เป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนเดิม เธอจึงกล่าวโต้ แย้งขึ้น สภาพของเขาในตอนนี้กับตอนบ่ายเห็นได้ ชัดว่าไม่เหมือนเดิม เจ้าใช้ยากับเขาแล้วยังจะเอา อะไรอีก?”
“ป้อนยาหรือ?”โม่จื่อเฟิงส่ายหน้า กล่าว ” เดิมวิชาที่อู่จิ้นฝึกเป็นวรยุทธ์ที่แปลกประหลาด เมื่อเขา ยิ่งสัมผัสกับคนบริสุทธิ์มากแค่ไหนก็ยิ่งทำให้วิชา แกร่งกล้ามากขึ้น ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า ไม่ว่าใคร เขาก็ไม่ปล่อยลูกน้องของเขา ไม่แบ่งว่าจะบุรุษหรือ สตรีล้วนไม่มีใครหลบฝ่ามือมารได้เลยสักคน ตอนนี้ เขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะได้รับความกระทบกระเทือน อย่างหนักจนธาตุไฟเข้าจึงได้เป็นมารแล้วก็เท่านั้น”
แต่ว่า อู่จิ้นไม่ได้แตะต้องเธอจริงๆนี่หนา!
ในใจของหลินซีนเยียนยิ่งรู้สึกสงสัย ถ้าอู๋จิ้น เป็นคนที่ไม่ปล่อยใครไปเลยจริงๆ งั้นแล้วทำไมเขา ไม่ทำอะไรเธอเลยล่ะ? อีกทั้งตอนที่มองเธอ ในแวว ตาเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยา?
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
มันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่!
หลินซีนเยียนขบฟัน ครุ่นคิดอย่างละเอียด โดย ไม่สนใจดวงตาอันเยือกเย็นของโม่จื่อเฟิง
เขาคิดว่า ที่นางเงียบก็คือยอมรับแล้ว ที่แท้นางก็
ถูก..
สุมไฟที่ก่อขึ้นในใจได้แผดเผาสติของเขาแล้ว ในที่สุดเขาก็แหกปากร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง มือ หนึ่งบีบคอของหลินซีนเยียน ” น ทำไม! ทำไมเจ้ายอมให้เขาแตะต้องเจ้า! ไม่ว่าเจ้าจะขัดขืนเขาไม่ได้ แล้ว เจ้าไม่เลือกที่จะตายงั้นหรือ? ทำไมเจ้าต้องรักตัว กลัวตายด้วย? ทำไมเจ้าไม่กัดลิ้นฆ่าตัวตาย! ก็ เหมือนสตรียึดมั่นในหลักการเหล่านั้นที่เพื่อปกป้อง ความบริสุทธิ์ของตนเองจึงยอมตาย! หากเจ้าตาย ข้าก็จะไม่เจ็บปวดเช่นนี้!”
ตอนที่โม่จื่อเฟิงเอ่ยทั้งร่างของเขาก็แผ่ความน่า สะพรึงกลัวออกมาจนทำให้บรรยากาศกดดันขึ้น ไม่ เพียงแต่บันดาลโทสะ ซ้ำยังมีความทุกข์ใจและความ สิ้นหวังมากขึ้นด้วย
เขาทุกข์ใจ สิ้นหวัง เพราะว่าเธอไม่ได้เลือกเอา ชีวิตไปต่อต้านงั้นเหรอ?
หลินซีนเยียนโดนบีบคออยู่ เนื่องจากขาด อากาศสีหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นอย่างประหลาด หากเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องตายแน่ๆ แต่ในเวลา แบบนี้ ความสิ้นหวังในดวงตาของโม่จื่อเฟิงทำให้เธอ รู้สึกตัวขึ้นมาทันที
ในขณะนี้ คล้ายกับเธอเข้าใจอะไรบางอย่าง
” โม่จื่อเฟิง…อู่จิ้น เคยทำอะไรเจ้างั้นหรือ?” หลิน ซีนเยียนหายใจไม่ออกบังคับฝืนพูดออกมา จากนั้น เธอก็มองเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของโม่จื่อเฟิง