ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 266
ตอนที่ 266 อวินเสี่ยวยิงแก้ต่างให้ตนเอง
ในเรื่องการปรากฏตนของเซียวฉางเยว่และอวิ่น เสี่ยวยิงนั้น ทำให้โม่จื่อเฟิงขมวดหัวคิ้วมุ่น อีกทั้ง ใบหน้าหลินซีนเยียนก็ฉายแววกระวนกระวายอยู่ แวบหนึ่งก่อนมลายลง
“พวกเจ้ามาได้อย่างไรกัน” โม่จื่อเฟิงถามเสียง
เย็น
เซียวฉางเยว่เดินนำอวิ๋นเสี่ยวยิงเข้าไปยังห้อง โถง ย่อกายถวายความเคารพต่อโม่จื่อเฟิงก่อนเป็น อันดับแรก แล้วจึงเอื้อนถ้อยวจี “ก็มิใช่เรื่องสลัก สำคัญอันใด เพียงแต่วันพรุ่งคือวันสมภพของบิดา หม่อมฉัน หม่อมฉันอยากกลับจวนเซียวสักหน่อย ดัง นั้นจึงมาทูลรายงานท่านอ๋อง จวบเหมาะกับที่น้อง เสี่ยวยิงก็พำนักในสวนมาหลายวันแล้ว ไม่ปลอด โปร่งยิ่งนัก จึงใคร่อยากจะกลับจวนเซียวสักรอบ ฉะนั้นจึงมาขออนุญาตลากับท่านอ๋องสักวัน”
“ขออนุญาตลา” โม่จื่อเฟิงหมุนศีรษะมองไปยังอ วิ่นเสี่ยวยิง ก็สบเห็นใบหน้าของอวิ๋นเสี่ยวยิงยังคง ซ่อนแววขมขื่น หลายวันมานี้ อวิ่นเสี่ยวยิงถูกหน่วง เหนี่ยวอยู่ภายในสวน มิได้หมายความว่าเขาให้คน กักบริเวณนางเอาไว้หรอกหรือ บัดนี้เซียวฉางเยว่จะนำตัวนางออกจากสวน ซ้ำยังจะพานางไปจวนเซียว
อีก
อวิ่นเสี่ยวยิงเห็นว่าโม่จื่อเฟิงมองตนเอง จึงพลัน เดินออกมาอย่างมีไหวพริบ และไม่สนว่าหลินซีน เยียนอยู่ข้างกาย นางประทับนั่งลงข้างกายของโม่ จื่อเฟิงอีกข้าง เอื้อนวาจาออดอ้อน “จื่อเฟิง หลายวัน นี้ข้าอยู่ในสวนจริงจนแทบจะบ้าคลั่งอยู่แล้ว จื่อเฟิง ท่านยังเคืองโกรธข้าอยู่อีกหรือ สาบานต่อฟ้า ข้าไม่ เคยทำการอันใดเลย เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ท่าน เคืองขุ่นข้าถึงเพียงนั้นหรือ”
ทั้งที่ทำให้โม่จื่อเฟิงรู้สึกถึงทักษะปากว่าตาขยิบ ทว่าอวิ๋นเสี่ยวยิงยังคงกล่าวอย่างหน้าไม่อายว่านาง ไม่เคยกระทำการอันใดเลย ก็จริง ควบคุมสิ่งของ ประเภทนี้ คือเรื่องคลุมเครือ ทว่าความรู้สึกบางอย่าง ของมนุษย์ เรื่องราวผ่านมาโดยปราศจากการพิสูจน์ อีกอย่าง อวินเสี่ยวยิงร่วมมือกับเซียวฉางเยว่ ล้วน สรุปทึกทักเอาเองว่าร่วมมือกับคนในครอบครัว เดียวกันแล้ว ก็จะไร้ซึ่งความหวาดเกรงหรือ
โม่จื่อเฟิงยิ้มเย็นในอก สลัดลำแขนออกจากมือ ของอวิ๋นเสี่ยวยิงโดยไม่รู้ตัว “อวิ๋นเสี่ยวยิง เจ้าคิดว่า ข้าโง่เง่าเช่นสุกรอย่างนั้นรี”
“จื่อ จื่อเฟิง ไฉนท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านกำลังเอ่ยอันใดอยู่” อวิ่นเสี่ยวยิงกะพริบตาปริบๆ สีหน้าไร้เดียงสาปราศจากพิษภัย แม้นว่าไม่รู้อุปนิสัย แท้จริงของนาง ใครต่อใครย่อมหลงเชื่อว่าเด็กสาว เช่นนี้จะสามารถลงมือทำเรื่องเสื่อมทรามขนาดนั้น ได้
ฉะนั้น รูปลักษณ์ภายนอกช่างเป็นของดีแท้ๆ สามารถซ่อนเร้นจิตใจต่ำทรามของคนๆ หนึ่งไว้มิด อย่างง่ายดาย
โม่จื่อเฟิงสบถเสียงเบาอย่างอดมิได้ กระตุกยิ้ม มุมปาก พลางเอ่ยอย่างแช่มช้า “อวิ๋นเสี่ยวยิง จำคำที่ ข้าพูดเอาไว้ ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียว ครั้งหน้า หาก ยังกล้าเล่นเล่ห์เพทุบายกับข้า ก็คงมิอาจเป็นเรื่องที่ จะมองข้ามอย่างง่ายเช่นนี้อีกครั้งนี้ ถือว่าเห็นแก่ หน้าของพี่สาวเจ้า ข้าจะไม่ติดใจเอาความ แต่ว่า แค่ ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
มือของอวินเสี่ยวยิงชะงักค้างกลางอากาศ จ้อง หน้าโม่จื่อเฟิงอย่างเหลือเชื่อ หากกล่าวว่าไม่สะท้าน ใจ คงเป็นไปไม่ได้ นางคาดคิดว่าโม่จื่อเฟิงจะยอมรา มือจากการหน่วงเหนี่ยวนางเสียที่ใด อีกประการยัง เข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง ซ้ำทุกอย่างนี้ ล้วนต้องโทษ หลินซีนเยียน
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบหลินซีนเยียนล้วนมิได้เอ่ยแม้สักประโยคทำเพียงนั่งอย่างสงบเท่านั้น ทว่า สายตา ริษยาปนเคียดแค้นของอวิ๋นเสี่ยวยิงนั้นยังทำให้นาง ยากจะหาวิธีมองข้ามได้ นางทำลำคอให้ปลอดโล่ง ยกถ้วยโจ๊กขึ้นดื่มอย่างแช่มช้า ทำทีเป็นคนที่ไม่อยู่ ในสายตา
“จื่อเฟิง ข้า…” อวิ๋นเสี่ยวยิงออกท่าทีน่าเวทนาอีก ครั้ง “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดท่านจึงกล่าว เช่นนี้ ข้าไม่ได้ทำอันใดจริงๆ ข้าเองก็มิรู้ว่าสรุปแล้ว เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ สองวันนั้นท่านพลันทำดีกับ ข้า ข้าเองก็กังขานัก ต่อมาข้าขบคิดอย่างถี่ถ้วน ก็ รู้สึกว่าเรื่องราวแฝงความพิศวงไว้อยู่ ท่าทีของท่าน แปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ดังนั้นต่อมาข้าได้ตรวจค้น ห้องข้าโดยละเอียด พบว่าในน้ำชาของห้องข้ามี ปัญหา เพราะว่าเป็นเพียงแค่ข้าคาดเดา ข้าก็ไม่กล้า พูดพล่อย ตอนนี้เดาว่า พวกเราล้วนติดกับของผู้อื่น เข้าให้แล้ว”
รูปลักษณ์ของอวิ่นเสี่ยวยิงประหนึ่งเทพยดาที่มี เสน่ห์ยวนใจในหล้า ยามเอื้อนวจียิ่งอรชรอ่อนช้อย บุคลิกเยี่ยงนี้ ผู้ใดก็ล้วนนึกไม่ถึงว่านางกำลังกล่าว เท็จ อีกประการ ถ้อยวจีของนางช่างพร้อมมูลนัก ทำให้คำติเตียนทั้งปวงผันแปรเปลี่ยนความหมดจด นางพลิกให้ตนเป็นผู้ถูกกระทำเป็นที่เรียบร้อย
แต่ทว่าเพียงทรรศนะจากรูปลักษณ์กับคำกล่าวอ้างแล้ว ผู้ใดสามารถแยกแยะโฉมหน้าที่แท้จริงของ นางโดยง่ายกันเล่า
หลินซีนเยียนสรุปเอาเองว่าแม้นมิเคยเห็นฤทธิ์ เดชของนาง หากว่าเป็นคนแปลกหน้า จะต้องถูก มารยาของนางทำให้มึนงงเป็นแน่ นางอดนึกถึงข่าว ที่เคยดูในโลกก่อนไม่ได้ เนื้อความเป็นคดีจริงของ ประเทศสหรัฐ ในคดีนี้ พยานบุคคลทั้งหมดล้วนพูด เท็จ พยานแวดล้อมก็ไร้จุดบกพร่อง ท้ายสุดก็คุมขัง คนบริสุทธิ์เข้าตะรางได้สำเร็จ
นางเคยคิดไปเองว่า ใครช่างบ้องตื้นได้เพียงนั้น เชื่อแม้กระทั่งคำลวงโลกนั่นได้ กระทั่งนางได้มาพบ เจอกับอวินเสี่ยวยิง หญิงสาวอสรพิษที่แสดงออก แบบเสแสร้งอย่างไร้ที่ติ นางเพิ่งรู้ คนลวงย่อมไม่นำ เอา “คนลวง” สองคำนี้เขียนสลักบนหน้าหรอก
ทว่านางกลับรู้สึกปิติยินดีนัก ยินดี โม่จื่อเฟิงเป็น บุคคลที่หลักแหลมไร้เทียมทาน เขาเยือกเย็น ไร้ อารมณ์ วิเคราะห์โดยยุติธรรมทุกประการ มิอาจถูก มโนคติเบื้องหน้าทำให้หลงกลได้
” โม่จื่อเฟิงรับคำแบบไม่แสดงความคิดเห็น “อ้อ…นัยน์ตาทั้งคู่ลุ่มลึกดุจบ่อเหมันต์ ผู้ใดก็ไม่อาจเห็นว่า กันบ่อนั้นเป็นสีอันใดกันแน่ “ที่แท้ก็มีคนวางยาพิษใน
สวนของข้ารี นี่เป็นการยั่วยุอ๋องอู่เสวียนโดยแท้ เจ้าวางใจ ข้าจะต้องลากตัวคนที่วางพิษนั่นออกมาให้ ได้”
เขาเลี่ยงไม่พูดเรื่องที่กักกันบริเวณของอวิ๋น เสี่ยวยิง และอวิ่นเสี่ยวยิงก็ฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยถึง หัวข้อที่บาดจิตใจของคนทั้งสองนี้ขึ้นมา ปรับคำพูด “ข้าเชื่อว่าจื่อเฟิงจะต้องยืนความยุติธรรมแก่ข้าได้ ข้าคิดตลอดมาว่าอยากไปพบท่านและอธิบาย แต่ ทว่าองครักษ์ของสวนไม่ยอมให้ข้าออกมา ข้าอยาก พบท่านก็ไร้ซึ่งหนทาง นี่หากไม่ใช่ว่าชายาพระเจ้าพี่ นางมาเยี่ยมข้า จึงสบโอกาสมาพบท่านได้”
โม่จื่อเฟิงระเบิดหัวเราะแบบไร้ข้อคิดเห็น มิได้ แสดงออกถึงความชิดเชื้อ และก็ไร้การแสดงออก อย่างเหินห่าง
เซียวฉางเยว่เห็นว่าอวิ๋นเสี่ยวอิงชี้ช่องให้ตน จึง รีบเดินตามลู่ทางขึ้นไปทันที “ได้เห็นว่าท่านอ๋องและ น้องเสี่ยวยิงถมความบาดหมางกันได้แล้ว ข้าเองก็ ภิรมย์ยิ่งนัก ใช่แล้ว ท่านอ่อง ท่านพ่อข้าบอกว่าวัน พรุ่งหากท่านอ่องมีเวลาว่างล่ะก็ ก็อัญเชิญประทับที่ จวนเซียวสักหน่อย พ่อข้ายังบอกอีกว่า หลายวันก่อน ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งถูกส่งมาจากชายแดน เนื้อความจดหมายราวกับเขียนถึงสถานที่สักแห่ง ณ อวินโม่ พ่อข้าว่าท่านมากด้วยประสบการณ์ ฉะนั้นจึง มีปัญหาหลายข้อต้องการการชี้แนะจากท่าน”
“อวิ๋นโม…” โม่จ่อเฟิงพึมพำสองคำนี้ แววตาแปร เปลี่ยนเป็นลุ่มลึกกว่าเก่า เขาชะงักอยู่ครู่ ก่อนพยัก หน้าพลางกล่าว “ข้าอาจจะมิได้พบพ่อตามานานเนิ่น แล้ว ถือโอกาสนี้ไปพบปะท่านสักหน่อย ก็ดี”
นี่ก็ถือเป็นการตอบตกลง
เซียวฉางเยว่เห็นว่าเขาตกลง ก็มิได้มีท่าทีว่าจะ อยากอยู่ต่อ อีกประการหนึ่ง แม้นนางอยากอยู่ต่อ ก็ ต้องดูสีหน้าของโม่จื่อเฟิงด้วยว่ามิได้ ฉะนั้นจึงจาก ไปอย่างมีปฏิภาณจะดีกว่า
อวินเสี่ยวยิงยังอาลัยอยู่ไม่น้อย เซียวฉางเยว่ กลับลูบมือนางแผ่วเบา จากนั้นจึงดึงนางจากไป
เพียงแต่ เพิ่งออกจากปากประตูสวน อวิ๋นเสี่ยว ยิ่งก็สลัดมือเซียวฉางเยว่ออกอย่างไม่พอใจ “เซียว ฉางเยว่ ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกเราไม่ใช่ สุนัขจากบ้านสิ้นอำนาจ จากมาอย่างหดหูต่อหน้านั่ง โสเภณีนั่นหมายความว่าอย่างไร ท่านขี้ขลาดหวาด กลัว แต่ข้าไม่กลัว ต่อให้อยู่ที่นั่นจื่อเฟิงจะไม่พอใจ ข้าก็จะทำให้นั่งโสเภณีนั่นได้ลิ้มลอง ข้ามีชีวิตอย่าง ไม่เป็นสุขก็ไม่ให้มันเป็นสุขด้วย!”