ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 269
ตอนที่ 269 การอุทิศตนของช่างฝีมือ
หลินซีนเยียนหัวเราะพลางพยักหน้า ซ้ำยังเอ่ย ปากถามผู้ดูแลว่าต้องการของบางอย่าง จากนั้นให้ เสาะหาคนจำนวนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือ ภายในห้อง เริ่มอลหม่านขึ้นมา
ช่างตีเหล็กเฉินลากตัวโจวหลี่มายังด้านข้าง เอ่ย ถามด้วยเสียงอันเบา ท่านโจว พระราชารองผู้นี้ทำ ได้จริงรี ข้ายังไม่เคยเห็นผู้หญิงเข้าใจงานพวกนี้เลย ผู้หญิงหนอ ร้อยปักมาลัยยังพอว่า ริจะทำเรื่องนี้”
“เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจเจ้า แต่ว่าอีกหน่อยเถิด ท่าน คงไม่เชื่อไม่ได้แล้ว” โจวหลี่มั่นใจเต็มเปี่ยม การ แสดงออกทางสีหน้ามีแววกระหยิ่มยิ้มย่องเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักความเก่งกาจของพระ สนมมากกว่าช่างเหล็กเฉิน ช่างเป็นเรื่องที่เลิศเลอแท้
ช่างตีเหล็กเฉินทั้งเชื่อปนแคลงใจ ในอกถึงแม้ จะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าท่านโจวนั้นเขาเข้าใจดี เขาบอกว่าพระราชารองผู้นี้ทำได้ ไม่แน่ว่าอาจจะนำ เรื่องประหลาดใจมาสู่สายตาผู้คนก็เป็นได้
ไม่กี่คนล้วนมองดูด้วยความสงบภายในห้อง ก็ เห็นพระสนมสั่งการให้คนจำนวนหนึ่งก่อสร้างชั้น สูงๆ หนึ่งอันขึ้นภายในห้อง จากนั้นก็วางล้อเหล็กขนานกับชั้นวางสูงและระนาบพื้น ตรงกลางใช้โซ่ เหล็กเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ดูท่าแล้วก็ไม่ได้ซับซ้อน แต่ทว่ากลับไม่มีใครสักเข้าใจสิ่งที่นางกำลังลงมือทำ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย” หลินซีนเยียน เช็ดหยาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากมน ซ้ำยังชี้ไปยังด้าน ล่างของชั้นเหล็ก ประดิษฐ์ด้ามจับให้กับช่างเหล็กเฉิ นอีกด้วย “ท่านมาลองสักหน่อยเถิด ดูสิว่าตอนนี้ ท่านสามารถยังค้อนเหล็กอันนี้เพียงลำพังได้หรือไม่”
ช่างเหล็กเฉินชี้เข้าที่ปลายจมูกของตน ราวกับ ไม่แน่ใจ คนเต็มห้องขนาดนี้ ซ้ำฐานันดรของเขาก็ ต้อยต่ำที่สุด ทว่าพระราชารองผู้นี้กลับมิได้มีท่าที ดูแคลนเขาแม้สักน้อย ซ้ำยังใช้คำเรียกขานเขา อย่างให้เกียรติ มารยาทเช่นนี้ ได้ทำให้ความ ตระหนักของช่างเหล็กเฉินที่มีต่อนางประจักษ์ กระจ่าง
“ใช่ ท่านนั่นแหละ” หลินซีนเยียนกล่าวยิ้ม รอย ยิ้มเปล่งประกาย จริงใจและเพริศแพร้ว
ช่างเหล็กเฉินจึงค่อยบีบนวดมือ เดินมาหยุดยั้ง ส่วนล่างของรางเหล็ก กดลงไปยังแท่งไม้ส่วนล่าง เห็นเพียงไม้ท่อนนั้นดีดขึ้นมา ขับเคลื่อนให้ล้อพวก นั้นขยับ ล้อหนึ่งอันเคลื่อนที่ก็ส่งผลให้โซ่เหล็ก เขยื้อนตามมา จากนั้นก็เชื่อมต่อโซ่เหล็กต่อไปเป็นทอดๆ
เสียงขลุกขลักภายในห้องดังขึ้น กลุ่มคนมองยัง การขับเคลื่อนของวงล้อมเบื้องหน้าด้วยความรู้สึก แปลกตาตื่นใจ ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็ เห็นค้อนเหล็กยักษ์อันนั้นลอยขึ้นก่อนจะตกลงมาอีก ครั้ง ทุบลงบนแผ่นทองบางที่อยู่บนบันไดหินอย่าง แน่วแน่มั่นคง
ตั้ง
เสียงกระจ่างชัดดังกังวาน ทำให้กลุ่มคนเรียก สติคืนมา
“สำเร็จแล้ว?” ช่างตีเหล็กเฉินเบิกตาโพลง ถาม เสียงโทนต่ำอย่างอดไม่ไหว
ท่านโจวทำเพียงยิ้มไม่ยอมหุบ ยามที่ยิ้มนั้นยัง ลูบบริเวณหัวไหล่ของเขา ช่างเหล็กเฉินหันศีรษะ มองเขา ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นส่งให้เขา “พระราชารอง เก่งกาจแท้ๆ”
“ข้อนั้น ก็ไม่ต้องดูว่าเป็นพระราชารองของผู้ใด” โจวหลี่มีความรู้สึกที่เหนือกว่า ซ้ำกล่าวถามหลินซีน เยียน “ใช่แล้ว พระพระราชารอง ท่านใช้วิธีการอัน ใด จะชี้แนะให้ได้หรือไม่”
หลินซีนเยียนยิ้มน้อย “ความจริงก็ไม่นับว่าเป็นของที่วิเศษวิโสอันใด ก็คือพันคนคิดค้นข้าเพียงหยิบ ยืมมาใช้งานก็เท่านั้น นี่เป็นรอกกับคันโยก สองสิ่งนี้ รวมเข้าด้วยกันก็สามารถใช้แรงอันน้อยนิดมาแทนที่ เรื่องที่ต้องใช้แรงงานมากๆ ได้ หากพวกเจ้าสนใจล่ะ ก็ต่อไปข้าสามารถสอนพวกเจ้าได้”
โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเป็นกลเม็ดที่เป็นประโยชน์ ช่างฝีมือก็ยิ่งต้องรักษาเอาไว้เป็นความลับ โจวหลี่ และช่างตีเหล็กเฉินเดิมทีก็มิได้คาดหวังไว้ว่าจะได้ รับกลเม็ดเคล็ดลับทั้งหมดเกี่ยวกับรอกและคันโยก อะไรนี่หรอก เพียงแค่อยากทำความเข้าใจสักหน่อย เท่านั้น ทว่าประโยคนี้ของหลินซีนเยียน กลับทำให้ พวกเขาตกอกตกใจนัก
“พระราชารอง ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่ ท่านว่า จะสอนให้พวกข้า ไม่ใช่แค่ชี้แนะพวกเราเพียงเล็ก น้อย” ช่างตีเหล็กเฉินยังคงดึงสติกลับมาไม่ได้ ก็ไม่ โทษที่เขาตกใจ ตั้งหลายปีมาแล้ว ยังไม่เคยเห็นผู้ที่ ไม่หวงเคล็ดช่างฝีมือเช่นนี้มาก่อน
หลินซีนเยียนพยักหนักแน่น “ใช่ ข้าจะสอนพวก
เจ้า”
โจวหลี่กับช่างเหล็กเฉินมองหน้ากันไปมาแวบ หนึ่ง ชายฉกรรจ์ทั้งสองมีแววตาที่งโลกอย่างช่วยไม่ ได้ ขณะเดียวกันก็คุกเข่าข้างหนึ่งลง กล่าวเสียงลุ่มลึก “ขอบพระทัยคำชี้แนะของพระราชารอง ภาย ภาคหน้าข้าสองคนจะต้องอุทิศตนต่อท่านไม่ผันแปร เอย่างแน่นอน”
เพียงแค่สอนกลยุทธ์ทั่วไปแก่พวกเขาก็เท่านั้น พวกเขากลับพูดว่าจะอุทิศตนไม่ผันแปรอันใด หลิน ซีนเยียนอึ้งค้าง เสมือนกับยังปราศจากความกระจ่าง แจ้ง กระทั่งมู่เหอที่อยู่ข้างกายรีบดึงแขนเสื้อของ นาง
“ท่านทั้งสองโปรดลุกขึ้น พวกท่านว่าเกินไปแล้ว นี่ก็เพียงเรื่องหยิบมือเดียวเท่านั้น” หลินซีนเยียนดึงส ติกลับมาพร้อมย่อกายประคองให้ทั้งสองลุกขึ้น
ยิ่งหลินซีนเยียนมีท่าทีสงบนิ่งมากเท่าใด ยิ่ง ทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าหลินซีนเยียนจิตใจกว้างขวาง และมหัศจรรย์เหลือเชื่อ ความเคารพชื่นชมที่มีต่อ นางยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายขุม
ตอนนั้น หลินซีนเยียนยังไม่รับรู้การอุทิศตน ของช่างฝีมือทั้งสองได้มีส่วนช่วยพลิกวิกฤติให้เป็น โอกาสแก่นางเช่นไร
แก้ไขปัญหาความเร็วในการทุบแผ่นบางของ ค้อนเหล็กเรียบร้อยแล้ว ปัญหาต่อไปก็นับว่า ง่ายดายหลายเท่านัก หลินซีนเยียนถลกแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะศึกษาหน้าโซ่เหล็กที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับโจวลีอีกครั้ง วงโซ่นั้นต้องใช้แผ่นทองที่ชี่เล็กและ ทนทานมาประดิษฐ์ ในส่วนของแส้ทั้งเส้นนั้นก็ต้องมี ประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นทั้งสองจึงไม่กล้านิ่ง นอนใจแม้สักนิด
ทำเช่นนี้ พวกเขาก็ลืมเลือนการวนเวียนของกาล เวลาไปเสียสนิท แม้กระทั่งอาหารกลางวันก็แก้ไข้ ด้วยการกินร่วมกันตามอัตภาพภายในห้อง
กระทั่งถึงยามบ่าย ทั้งสองเพิ่งมีความคืบหน้า เล็กน้อย ภายในจวนอู่เซวียนอ๋องก็มาแขกมาเยือน ในครั้งนี้ คนที่มาก็คือจินมู่ จินมู่เสาะพบมู่เหอที่ให้ ความช่วยเหลือภายในสวน มู่เหอกำลังล้างทำความ สะอาดแผ่นทอง ทั้งเนื้อทั้งตัวล้วนมอมแมม จินมู่เห็น เขาในสถานนี้ ก็อดเอ่ยอย่างสนเท่ห์ไม่ได้ “ช่างหา ได้ยากนัก หัวหน้าพ่อบ้านมู่ก็มาทำงานจำพวกนี้ด้วย เกิดอันใดขึ้น ฮูหยินรังแกท่านรี ให้ข้าไปพูดกับฮู หยินสักหน่อยหรือไม่ ฮูหยินเป็นคนมีจิตใจดี พูดจา ก็.”
“เจ้าหยุดประเดี๋ยวนี้!” มู่เหอวางแผ่นทองลงก่อน เร่งรีบไปคว้าแขนของจินมู่ “เจ้าอย่าได้ไปพูดพล่อย เชียว นี่ข้าก็อาสาเอง ฮูหยินจะรังแกข้าได้เยี่ยงไร ฮู หยินเป็นคนดีถึงเพียงนั้น แค่อย่าถูกผู้อื่นรังแกก็ ดีแล้ว”
“อาสา” จินมู่แสร้งตกใจไม่อยากจะเชื่อหู “หัวหน้าพ่อบ้านมู่ไม่ใช่ว่ากลัวความเลอะเทอะหรอก หรือ เรื่องพวกนี้ ท่านยังอาสาทำเอง”
มู่เหอกลอกตาใส่เขา ซ้ำยังถอนหายใจหนึ่ง เฮือก “ข้าจะคาดคิดได้อย่างไร ยิ่งรับใช้ฮูหยิน ยิ่ง ชื่นชมคุณธรรมและความหลักแหลมของนาง พูดไป เจ้าก็ไม่เข้าใจ สรุปว่าข้ายินดีให้ความช่วยเหลือ ใช่ แล้ว เวลาเช่นนี้เจ้าไม่อยู่เฝ้าข้างกายท่านอ่อง มาทำ อันใดที่นี่กัน”
“แน่นอนว่าข้ามารับฮูหยิน” จินมู่มีท่าทีว่าเขา อย่างคนโง่งม จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง
เขาเดินอย่างรวดเร็ว ไม่ทันเห็นคำพึมพำของมู่ เหอ “ฮูหยินไปกับเจ้าก็แปลกแล้ว”
ที่แท้ จินมู่เพิ่งเข้ามาในห้อง ก็มองเห็นหลินซีน เยียนที่ถลกแขนเสื้อกำลังตอกโซ่เหล็กอยู่ เขาตะลึง อึ้ง ข้าง เขาเห็นเหล่าผู้หญิงที่เคยปรากฏกายข้างโม่ จื่อเฟิงจนชินแล้ว ไม่มีคนใดที่ไม่ใช่ลูกขุนนางสูง ศักดิ์ สังเกตรูปลักษณ์ถี่ยิบแล้ว ก็ยังไม่มีคนที่เหมือ นฮูหยินซึ่งทำตัวติดดินเพียงนี้
“ฮูหยิน” จินมู่เดินผ่านไปเรียกหลินซีนเยียน รอ ให้นางหันหน้ามาจึงกล่าวต่อ ” คืนนี้ท่านอ่องจะไป ร่วมงานเลี้ยงที่จวนเซียว ความหมายของท่านอ๋องคืออยากเชิญฮูหยินไปด้วยกัน”