ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 28
ตอนที่ 28 หยกแขวนของเขา
หยกนั่น หลินซีนเยียนกวาดตามอง มุมปากกระตุ้น อย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าจะดูยังไง หยกนั่นก็คุ้นอย่างมาก เป็นหยกที่เขาให้เธอกับมือตอนที่อยู่ในป่า แล้วเธอก็ โฉบมันไป
2 วันก่อน เธอใช้มันแลกม้าของชายวัยกลางคนที่ เจอระหว่างทาง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มันไปอยู่ในมือของ โม่จื่อฟงแล้ว มันชัดเจนว่า เขาอาจจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แล้ว เพียงแค่รอให้เธอแสดงตัวออกมาเอง
ที่แท้ การมีตำแหน่งสูงมานาน ก็จะกลายเป็นโม่ จื่อฟงอ๋องอู่เสวียนผู้อยู่ใต้คนเดียว แต่อยู่เหนือคนนับ หมื่น อำนาจและกลยุทธ์ นางไม่อาจตีเสมอได้เลยตั้ง แต่แรกแล้ว
หลินซีนเยียนรู้สึกยำเกรงขึ้นมาทันที ชายผู้นี้ที่อยู่ ตรงหน้า นางกระตุกหนวดเสือมาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้ที่นางยังมีชีวิตอยู่ อาจจะเป็นเพราะบุญกุศลของ ร่างเดิมนี้
นางยิ้มแข็งที่ออย่างไม่รู้ตัว “ท่านอ๋อง ท่านอย่าพูดเล่นสิเพคะ เป็นถึงอ๋องอู่เสวียน ทำไมเงินแค่หนึ่งพัน ตำลึงยังหามาไม่ได้ หยกนี่มีค่ามากเกินไป ข้าไม่กล้า รับ”
“ไม่กล้า? เจ้ายังมีเรื่องอะไรที่ไม่กล้าทำรี? “โม่ จื่อฟงเล่นหยกในมือ มุมปากแสยะยิ้มอย่างชั่ว ร้าย” ใช้หยกมีค่าไปแลกม้าธรรมดาตัวหนึ่ง เรื่องเช่น นี้เจ้าก็กล้าทำมาแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่กล้าอีกรี? ”
“เฮอๆ…”หลินซีนเยียนหัวเราะแห้งจนเหงื่อแตก พลัก ทำไม้ทำมือไม่ถูก”นั่นเป็นเพราะตกอยู่ในสถาน การณ์บังคับต่างหาก ไม่เป็นไรๆ ก็แค่เงินหนึ่งพัน ตำลึงเอง คนอย่างท่านอ๋อง ข้าเชื่อถืออย่างมาก หยกนี่ท่านเก็บไว้กับตัวเถิด เงิน รอท่านสะดวกเมื่อ ไรก็ค่อยเอามาให้แล้วกัน ”
ในใจด่าโม่จื่อฟงไปพักใหญ่ หลินซีนเยียนยังคง ปรากฏรอยยิ้มอยู่บนหน้า บางที ประสบการณ์นางก็ มีมามาก พอเป็นผู้ใหญ่แล้ว อายุของนางก็ได้เขียนค วามในใจออกมาหมดแล้วบนใบหน้า
โม่จื่อฟงไม่ได้รับหยก เพียงยื่นมือไปตรงหน้าของ นาง นิ้วมือที่เรียวยาวหยิบหยกขึ้นมา หลินซีนเยียน จ้องมองอย่างมึนงง จากนั้นเขาก็ยัดหยกเข้าไปในเสื้อของนาง”เป็นหวางให้สิ่งใดไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ ต้องรับคืนมา หยกนี่เจ้าเก็บไว้เถิด มันมีค่ามากกว่า เงินหนึ่งพันตำลึงอีก เจ้าไม่เสียเปรียบแน่! แล้วก็ หากวันหนึ่งเจ้าทำหยกตก หัวของเจ้าก็อาจจะตกจา กบ่าด้วย”
ข่มขู่นี่มันข่มขู่กันชัดๆ
น่าเสียดาย ถึงจะข่มขู่กันต่อหน้า หลินซีนเยียนไม่ มีแรงที่จะปฏิเสธ นางทำได้เพียงมองข้ามการกระทำที่ ชั่วช้าของเขา จึงทำได้แค่พยักหน้า ตบที่หน้าอกของ ตนเองเพื่อเอาใจเขา”ท่านวางใจได้ ข้าสัญญาว่าจะรัก ษามันเท่าชีวิต”
เฮี่ย เงินหนึ่งพันตำลึงหายไปอย่างพริบตา!
ในที่สุดก็เที่ยงตรง ดวงอาทิตย์ได้ส่องแสงสว่าง มาทำให้รู้สึกอบอุ่น
ในช่วงฤดูหนาวได้รับอากาศที่อบอุ่น ถือว่าทำให้ คนรู้สึกพอใจอย่างมาก สภาพอากาศดีเช่นนี้ทำให้ ขบวนรถม้าที่กำลังเดินทางได้เคลื่อนขบวนเร็วขึ้น ในช่วงที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ขบวนรถม้าก็ได้มา ถึงเมืองที่ดูเจริญมากเมืองหนึ่ง
ระยะทางจากชายแดนไปเมืองเฟิ่งซีต้องใช้เวลา ครึ่งเดือนกว่า ตรงผ่านเมืองใหญ่ 7 เมือง เมืองเล็ก 30 เมือง เมืองใหญ่ที่มาถึงเป็นเมืองหนึ่งในหลาย เมืองที่โด่งดังของทางเหนือแคว้นหนานเยว่
ทางใต้ของเมืองจะมีร้านอาหารชื่อดังตั้งอยู่บนถนน สายหลักที่ดูเจริญมากที่สุด แม้ดวงอาทิตย์ยังไม่ ตกดินก็มีผู้คนมากมายเดินเข้าไปในร้านอาหาร พอดวงอาทิตย์ตกดินแล้ว ร้านอาหารเกรงว่าจะไม่ เหลือโต๊ะว่างเลยสักที่
ในห้องส่วนตัวบนชั้น 2 ของร้านอาหาร มีชายหนุ่ม คนหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ชายผู้นั้นน่าจะมีอายุ 20 กว่าปี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวบัณฑิต บารมีอยู่ เหนือคนธรรมดาทั่วไป คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นมหา เสนาบดีฝ่ายซ้ายอินฉีที่เล่าลือว่าสามารถเป็นปฏิปักษ์ กับมหาเสนาบดีฝ่ายขวาเซียวเฉิงเหอได้
เขานั่งอยู่เงียบๆ ในมือถือถ้วยน้ำชาที่เย็นแล้ว ไม่รู้ ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ต้มสุราอยู่ ใต้ต้นเหมยวันนั้น