ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 297
ตอนที่ 297 ภูมิหลังอันลึกลับของหลี่
โดยเฉพาะขุนพลหลี่ เขาก็เป็นขุนพลที่ลงศึกในสนามรบจริง มิใช่ ขุนนางจำพวกที่พึ่งการประสบสอพลอเพื่อให้ได้ตำแหน่ง สำหรับพล ทหารแล้ว เขายิ่งใส่ใจเรื่องผลแพ้ชนะ!
ดังนั้นยามที่ดาบในมือถูกฟันขาด สีหน้าของเขาปั้นยากจนถึงขีดสุด เขาโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมพร้อมปาดาบหักนั่นลงบนพื้นอย่างเหี้ยม เกรียม!
“หัวหน้าโรงผลิต! โรงผลิตศาสตราวุธของกระทรวง ซุบหล่อ ของไร้ประโยชน์เหล่านี้รี กระทั่งดาบหิรัญที่ลักษณะคล้ายคลึงกันก็ เอาออกมาไม่ได้ เจ้ากลับเอาพัสดุปรักหักเช่นนี้มาตบตาข้าขุนพลหลี่ กำลังโกรธปะทุ พ่นลมใส่เคราพลางจ้องตาเขม็ง
“มิใช่ หัวหน้าท่านระงับอารมณ์โกรธก่อน ในโรงผลิตศาสตราวุธ ของพวกเรายังมีดาบหิรัญอีกมากโข ท่านอย่าได้เร่งรีบ ตอนนี้ข้าพลัน จะให้คนไปนำเอามา นำเอามา”
หัวหน้าโรงผลิตถูกข่มขวัญจนเหงื่อท่วมกาย อารมณ์ของขุนพลหลี่ ผู้นี้ไม่ดีเขารู้มาตั้งนานแล้ว ทว่าตอนนี้ได้เห็นเขาเดือดเยี่ยงนี้อีก ครั้ง ในอกยังคงระรัว พริบตาเดียวนี้ก็ผ่านพ้นปีไปแล้ว หากเป็น ปรปักษ์กันยังต้องไปกระทรวงกลาโหมเพื่อขอเบี้ยเลี้ยงทหาร ถ้าหาก ยามนี้ได้รับโทษจากขุนพลหลี่ เช่นนั้นปีหน้าทุกคนล้วนต้องซดน้ำ ข้าวต้มกันหมดแล้ว
“ยังไม่รับไปอีก!” ขุนพลหลี่โกรธไม่เบา สาวเท้าหนักเดินไปทาง กลางศาลารับรอง แกะผนึกหนังของเหยือกสุราออก และไม่ใช้ถ้วย กอดน้ำจัณฑ์แล้วเริ่มซดเอื้อก
เมื่อพอดื่ม ก็ดื่มเสียจนหัวหน้าโรงผลิตสลดซึมอยู่ครู่ ฟ้ารับรู้ว่าเหล้า เหยือกนั้นเขาหมักมาสิบปี เจ้าตัวหวนคะนึงเนิ่นนานล้วนทำใจไม่ได้ที่ จะเอาเหล้าเบญจมาศหมักหลายทศวรรษนี้ออกมาเล่นสนุก คิดไม่ ถึงว่าจะทำให้ขุนพลหลี่เห็นเป็นที่ระบายเพลิงโทสะกระดกดื่มเกลี้ยง แล้ว วิธีการดื่มเช่นนี้จะไปลิ้มรสชาติหวานล้ำของสุราดีได้ที่ใดกันเล่า
“ขอรับ ขอรับ จะไปเดี่ยวนี้ ไปเดี่ยวนี้” หัวหน้าโรงผลิตส่ายศีรษะ อย่างช่วยไม่ได้ เร่งเร้าออกคำสั่งให้ผู้ดูแลไปโรงผลิตอาวุธค้นหาดาบ ดีทั่วสารทิศ
หลี่เยว่กำกับหิรัญของตนหัวเราะร่าและตามเข้าไปยังศาลารับรอง ยังมิลืมสัพยอกบิดาตนเองสองสามประโยค “ท่านพ่อ ยามนี้ท่าน ยอมรับแล้วกระมัง ข้าบอกไปแล้วว่าดาบหิรัญเล่มนี้ของข้าเป็นเลิศ ท่านยังไม่เชื่อ…
“เจ้าอย่ารีบร้อน อีกประเดี๋ยวคงมีดาบที่สามารถลงทัณฑ์อาวุธ เส็งเคร็งนั้นของเจ้าแน่!” ขุนพลหลี่ไม่ยอมรับพลันสบประมาทกลับไป
หลี่เยวกลับคืบอาหารให้ขุนพลหลี่อย่างหน้าชื่นตาบาน พลางกล่าว กลั้วหัวเราะ “เอาล่ะ ท่านพ่อ ข้ารอประเดี่ยวก็รู้ จะต้องทำให้คนแก่ เยี่ยงท่านหนอ แพ้อย่างราบคาบ”
ยามที่ทั้งสองปราศรัยกันนั้น หัวหน้าโรงผลิตกลับร้อนรนจนเดินวน อยู่ไม่นิ่ง เหลือบมองไปยังทิศทางของพวกเหล่าหลิวด้วยความโกรธขึ้ง ราวกับระบายเพลิงโทสะไปกับสายตานี้ ในมุมมองของเขา ก็เพราะ พวกไร้ประโยชน์อย่างเหล่าหลิวและหลินซีนเยียนที่แม้กระทั่งดาบเล่ม เดียวยังไม่เสร็จล้วนเดือดร้อนจนเขาต้องเสียหน้า
“ได้ยินว่าขุยพลหลี่และคุณชายมาแล้ว ซ้ำยังเอาดาบเพลงดีมาด้วย รี” ปากทางเข้าประตูสวน บัดดลน้ำเสียงทุ้มต่ำก็พลันดังขึ้น ตามน้ำ เสียงที่เพิ่งสิ้นสุดลง เงาคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบริเวณปากประตูสวน
หัวหน้าโรงผลิตหันศีรษะไปมองเป็นลำดับแรก เห็นว่าเป็นหลี่อวิ่น ซ่าน พลันไปต้อนรับด้วยหน้าแย้มคิ้วคลาย “ท่านมาแล้ว รีบช่วยชีวิต ข้าด้วย…”
คำพูดของเขายังเอ่ยไม่จบ หลื่อวิ่นซ่านกลับยกมือขึ้นเพื่อตัดบทเขา เนื่องจากหลี่อวิ๋นซ่านเหลือบมองแวบเดียวก็เห็นหลินซีนเยียนที่ยืน หลบมุมอยู่ แววตาของเขาเป็นประกาย แม้กระทั่งตนเองก็ยังไม่ทันรู้ตัว ว่าแววปรีดาพลันปรากฏบนใบหน้า หัวหน้าโรงผลิตมองตามสายตาอของเขาไป มองเห็นหลินซีนเยียน ที่สีหน้าไร้คำบรรยาย “ทำไม ท่านรู้จักรี”
“เอ่อ…หลี่อวิ๋นซ่านนิ่งที่อ ดึงสติกลับมาพลางส่ายศีรษะ
หัวหน้าโรงผลิตถอนหายใจโล่งอก “ท่านไม่รู้จักก็ดีแล้ว เขาน่ะ ก็คือ ช่างฝีมือที่ท่านเคยชมเมื่อวันก่อนว่าประดิษฐ์ปืนยาวออกมาไม่เลวคน นั้น แต่น่าเสียดาย ดาบหิรัญนี้ของเขาก็ยังทำไม่เสร็จ ข้าเตรียมไว้แล้ว ว่ายามที่ไม่อาจทำให้ขุนพลหลี่พอใจได้จริงๆ ก็จะผลักให้เขาไปเป็น แพะรับบาป!”
ใครจะรู้ว่าพอหล่อจิ๋นซ่านได้ยิน พลันเคร่งขรึมลง และกล่าวอย่างไม่ พอใจ “ไม่ใช่ว่านางเพิ่งได้รับงานเพียงไม่กี่วันรี ทำไม่ดีก็ไม่ใช่ว่ามีที่มา ที่ไปหรอกหรือ”
“อะไร” หัวหน้าโรงผลิตทุนที่อ สีหน้าที่แสดงออกเปลี่ยนเป็นขบขัน ยิ่ง “หลายวันก่อนนั้นท่านไม่ได้กล่าวแบบนี้แท้ๆ ไม่ใช่ว่าท่านพูด ช่าง ฝีมือที่เพิ่งมาจำพวกนี้ ต่อให้ผลักไสไปเป็นแพะรับบาปก็ไม่น่าเสียดาย ดังนั้นจึงเลือกให้เขารับมือกับงานของเซียวต้าเจียรี ไฉนไม่กี่วันท่านก็ สับปรับแล้ว”
หลื่อวิ้นซ่านกลอกตาใส่เขา ไม่ได้ใยดีเขา ซ้ำยังเดินตรงไปยังกลาง
ศาลารับรอง
ในศาลารับรอง พ่อลูกขุนพลหลี่มองเห็นหล่อขึ้นซ่านแล้ว หลี่เยว่ พลันยันกายลุกขึ้นต้อนรับ เดินไปยังเบื้องหน้าของหลื่อวิ๋นซ่านแล้วยัง ตบเข้าที่ไหล่ของหลื่อวิ๋นซ่าน “ท่านลูกพี่ลูกน้อง เหตุใดท่านจึงมาสาย เพียงนี้ อ้อ ใช่แล้ว ได้ข่าวว่าหลายวันมานี้ท่านพลิกโรงผลิตหาคน โชค ดีที่ที่นี่เป็นโรงผลิตอาวุธ ล้วนเป็นเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นข้า คงคิดเอาเองว่าท่านต้องตาหญิงนางใดเข้าให้แล้ว”
ลูกพี่ลูกน้อง?
หัวหน้าโรงผลิตเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง เรื่อยมานี้ เขาล้วน ไม่เคยได้ยินหลี่เวิ่นซ่านพูดถึงเขาและขุนพลหลี่มีความเกี่ยวพันกันถึง ระดับนี้มาก่อน แว่วกระซิบกระซาบในอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่แปลกใจ ว่าหลื่อวิ๋นซ่านผู้นี้ยังมีอารมณ์ยโส ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์กับขุนพลหลี่ แบบนี้นี่เอง
เดิมที่หัวหน้าโรงผลิตคิดเอาเองว่า ความตกตะลึงเช่นนี้ได้ถึงขีดสุด แล้ว ใครจะรู้ว่ายังมีฉากต่อไปให้เขาได้ตกใจอีก เห็นเพียงขุนพลหลี่ ลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าของหลื่อวิ่นซ่านด้วยตนเอง ดึงมือที่ ทำความเคารพอยู่ของเขาพร้อมยกเอาตำแหน่งที่นั่งเดิมของตนให้แก่ หลื่อวิ้นซ่าน “หลานรัก รีบมานั่ง อย่ายืนพูดเลย อากาศนี้หนาวเกินไป ยืนตากลมนานเดี่ยวเป็นไข้ลมแล้วจะแย่เอา”
หลี่เวิ่นซ่านอยู่เบื้องหน้าของขุนพลหลี่ ไม่มีการตระหนักตื้นลึกหนา บางแม้สักนิด เสมือนยังคิดว่าท่าทางเคารพของขุนพลหลี่ที่มีต่อเขานั้น เป็นเรื่องสมควร หนำซ้ำยังนั่งลงอย่างมิเกรงใจอีกด้วย
ขุนพลหลี่หมุนกายไปตบป้าบเข้าที่กบาลของหลี่เยว่ “เจ้าเด็กอวดดี บอกเจ้าไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว พูดจากับลูกพี่ลูกน้องเจ้าต้องระวังกว่านี้ หน่อย! อย่าลอยหน้าลอยตาทำเป็นว่าไม่รู้จักกาลเทศะ!”
หลี่เยว่ลูบไล้ท้ายทอยของตนอย่างเคืองขุ่น พลางกล่าวกลั้วหัวเราะ “ท่านพ่อ ท่านพี่เขาไม่ใชคนจะถือสาเอาความหรอก”
ไม่ใช่คนถือสาเอาความ.ประโยคนี้ ทำให้นอกจากหลี่เยวแล้วคน ทั้งหมดที่อยู่ในนั้นล้วนนึกอยากหัวเราะเป็นระลอก ก็หลี่อวิ๋นซ่าน อุปนิสัยเช่นนั้น เขาไม่ชอบการถือสาเอาความ เช่นนั้นบนโลกใบนี้ก็ ปราศจากผู้ชายที่ชอบถือสาเอาความแล้ว
“หุบปาก! หากเจ้ายังกล้าไม่เคารพต่อลูกพี่ลูกน้องของเจ้า กลับไป ข้าจะให้เจ้าก้าวเท้าออกจากจวนขุนพลแม้แต่ครึ่งก้าวไม่ได้หนึ่งเดือน!”
หลังจากที่ขุนพลหลี่ตวาดต่ำ ในที่สุดหลี่เยว่ก็หยุดลงไม่กล้าเอ่ย มากความอีกแม้แต่ประโยคเดียว
เวลานี้หลี่อวิ๋นซ่านจึงปริปากอย่างเนิบนาบ “ท่านลุง หลี่เยว่ พวก
ท่านก็นั่งลงทานอาหารเถิด” ขุนพลหลี่พอได้ยิน ก็เสมือนกันได้รับความอนุเคราะห์ก็ไม่ปาน จึง ดึงให้หลี่เยว่ทำความเคารพพลางนั่งลง อากัปกิริยาพิศวงของขุนพลหลี่ทำให้ในใจทุกคนล้วนกังขาอย่าง มาก หล่อขึ้นซ่านผู้นี้สรุปแล้วมีที่มาอย่างไรกันแน่ ไม่ใช่เพียงญาติมีตร ของขุนพลหลี่ ทว่าดูเหมือนยังมีบุคลิกซึ่งมาจากต้นตระกูลใหญ่อีก ด้วย
ยามที่คนจำนวนหนึ่งรับประทานอาหาร หลี่เยว่ก็ยกเอาเรื่องที่ตน เดิมพันกับขุนพลหลี่เปิดบทสนทนาอีก โดยเฉพาะยามที่พูดถึงชัยชนะ ของตน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผยองนั้น ทำให้ขุนพลพิโรธจนนึก อยากกระอักเลือด
“นี่ล้วนโทษวัสดุขยะพวกนี้ของโรงผลิตอาวุธ กระทั่งดาบดีๆ สักเล่ม ล้วนทำออกมาไม่ได้ ช่างน่าโมโหนัก! วันนี้หากว่ายังไม่สามารถทำให้ ชายแก่อย่างข้าชนะเดิมพันประลองครั้งนี้ล่ะก็ ข้าก็จะไม่รามือง่ายๆ แน่” ขุนพลหลี่โกรธจนแม้แต่อารมณ์กินข้าวก็ไม่มีแล้ว
หลื่อวิ้นซ่านก็ค่อยๆ ขมวดหัววคิ้ว เหลือบตามองไปยังทิศทางของ หลินซินเยี่ยน “ดาบหิรัญที่พวกเขาทำ ก็ไม่ได้งั้นร”