ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 333
ตอนที่333ครึ่งทางกัดทอง
นางไม่ได้เป็นชายจริงๆหากถูกหญิงงามเหล่านี้ถอดจนหมดความลับ ก็รั่วไหลนะสิ?แต่ว่าสองมือหรือจะสู้สิบได้นางจะหยุดมือ มากมายเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?
เหล่าหลิวกลับมองว่าเป็นเรื่องสนุกยังหัวเราะอย่างมีความสุขไม่ได้ คิดจะเข้ามาช่วยนางเลย
ช่วงเวลาที่หลินซีนนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นชาดังมาจาก
หน้าประตู “ทำไรกันอยู่ห้ะ!
เพราะในน้ำเสียงของคนที่อยู่หน้าประตูมีความเยือกเย็นทำให้หญิง สาวนับสิบหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันกลับไปมองทางประตู แต่ละคน ดวงตาส่องประกาย
หลินซีนเยียนตกใจแล้วมองตามพวกเขาก็เห็นสีหน้าของหลื่อวิ้น ซานที่ดูไม่ได้ยืนอยู่หน้าประตู
เขาเดินเข้ามาถึงท่ามกลางผู้คนเขากระชากข้อมือหลินเยียน ออกจากวงล้อมของสาวๆไม่รอให้หลินซีนเยียนได้สติก็ถามนาง ว่า : “เจ้ามาสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไกัน!”
“เอ่อออ ….”หลินซีนรู้สึกเขินอายเล็กน้อยแล้วแกะมือของเขา ออก”ใต้เท้าหลี่มาได้อย่างไร?”ทำไมนางไม่สามารถมาได้เขาก็มา ไม่ใช่หรือ
“หากไม่ใช่ว่าเห็นพวกเจ้าทำตัวลับๆล่อๆออกมาดังนั้นเลยตามมาเจ้า ก็คง”หลื่อวิ้นซ่านกันฟันกรอดเห็นท่าทางของคนรอบข้างเหมือนดู เรื่องสนุกก็รีบหยุดคำพูดทันที
หลินซีนเยียนถอนหายใจหากว่าก่อนแต่งงานมีคนมาทำดีกับตัวเอง นางคงหัวเราะอย่างมีความสุขแต่ว่าตอนนี้นั้นดอกท้อเช่นนี้กลายเป็น ดอกท้อที่เสียแล้วและยังไม่สามารถแสดงตัวตนโดยตรงได้หลื่อซ่านสีหน้าดูไม่ดีอย่างอื่นก็ไม่ดีแต่ว่าโชคดีมีเพียงเงินอย่าง เดียวเหมือนโมจื่อเฟิงดังนั้นควักตั๋วเงินหลายใบแล้วโยนไปให้แม่เล้า นั้นแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า : “พาทุกคนไสหัวออกไปซะ!”
ท่าทางเช่นนี้เด็มผู้ใดที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ต่างก็มองว่าเป็นศัตรูแต่ว่า แม่หล้าหยิบตั๋วเงินเหล่านั้นไม่ถึงครึ่งนาทีก็หายไปทันทีไม่ต้องทายก็รู้ ว่าตั๋วเงินที่หลี่อวิ่๋นซ่านให้นั้นย่อมมากกว่าของหลินซีนเนียนมิฉะนั้นแม่ เล้านั้นไม่มีท่าทางเช่นนี้
พวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่แม่เล้าออกจากห้องนางยิ้มจนปากจะฉีก อยู่แล้วนับตั๋วเงินในมือแล้วพูดว่า : “แค่คืนเดียวก็ได้พบเจอแขกมือ หนาใจกว้างถึงสามคนโชคดีจนข้าไม่อยากจะเชื่อ”
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆก็ดีใจจนเนื้อเต้น “ท่านแม่แขกคนนี้ใจกว้างกว่า แขกคนก่อนมากนักแต่เสียดายแขกเหล่านี้ไม่ต้องการให้พวกข้า ปรนนิบัติ”
“พอแล้วแขกที่ใจกว้างเช่นนี้ก็ไม่ได้ปรนนิบัติง่ายๆพวกเจ้าเบิกตา กว้างๆหน่อยผู้คนเหล่านี้มาที่หอคณิกาไม่ได้มาสนุกกับสาวงามดังนั้น พวกเจ้าไม่ต้องเสนอหน้าขึ้นไปละหากถึงเวลานั้นเกิดเรื่องขึ้นมาละก็ อย่าหาว่าแม่ไม่เตือนพวกเจ้าละ”
กลุ่มหญิงสาวเหล่านี้ถึงแม้จะเสียดายตั๋วเงินแต่ว่าที่แม่เล้าพูดก็มี เหตุผลก็ไม่มีใครกล้าคิดขึ้นมาอีก
ภายในห้องแยกเป็นด้านในและด้านนอกด้วยมีฉากกั้นด้านนอกมี โต๊ะสี่เหลี่ยมหน้าโต๊ะสี่เหลี่ยมมีหลินซีนเยียนและหลี่อวิ๋นซ่านนั่งตรง ข้ามกันทั้งสองต่างไม่มีใครเอ่ยปากพูดอากาศเย็นยะเยือกแข็งตัวจน สามารถหยดน้ำออกมาได้
เหล่าหลิวอยู่อีกด้านจะยืนก็ไม่ใช่จะนั่งก็ไม่ใชอึดอัดจนจะไหวอยาก ร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาสถานการณ์เช่นนี้เขาทำได้เพียงพยายามลดความ รู้สึกที่มีอยู่กลัวว่าที่จะยั่วโมโหสองคนนี้ที่อารมณ์กำลังไม่ดี
“ใต้เท้าหลี่สะกดรอยตามข้าดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ”หลินซีน เยียนเปิดปากพูดก่อน
หลื่อวื่นชานได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเล็กน้อยกันฟัน พูด: เปลี่ยนเป็นคนอื่นอยากให้ข้าสะกดรอยตามยังไม่มีคุณสมบัตินั้น เลย!หากไม่กังวลว่าเจ้าจะเกิดเรื่องในเมืองนี้ข้าก็ขี้เกียจจะดูแลเจ้า”
หลินซีนเยียนขมวดคิ้วดูเหมือนว่านางจะจับอะไรได้ในคำพูดของ เขาถามอย่างสงสัย : “ข้าไม่รู้จักใครในเมืองนี้สักคนยิ่งไม่มีทาง บาดหมางกับผู้ใดใครจะทำร้ายข้าฟังความหมายของใต้เท้าหลี่มีคนจะ ทำร้ายข้าในที่ลับ?
หลี่อวิ้นซ่านตะลึงใบหน้าแปลกใจเพียงแวบเดียวก็หายไปดูเหมือน ว่าเขาไม่คาดว่านางจะเดาถึงจุดนี้เพียงประโยคเดียงก็สามารถปะติด ปะต่อได้ถึงเพียงนี้
เห็นเขาเงียบไปหลินซีนเยียนยิ่งมั่นใจในการเดาของตนเอง”ไม่ได้ ทำร้ายข้าเพราะข้าถ้าอย่างนั้น ….เป็นเพราะเจ้า?”
หลือวิ้นซ่านมีความผิดปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าต้องการบรรเทา ความตึงเครียดภายในใจเขาจึงได้ริบน้ำชาให้ตนเองเขาริบเสร็จแล้วก็ เริ่มดื่มโดยไม่ได้ตระหนักถึงอุณหภูมิของชาว่าสูงเล็กน้อยหลังจากดื่ม ได้คำหนึ่งก็คายออกมา
“ใต้เท้าหลี่เรื่องเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้าท่านจะไม่อธิบาย ให้ข้าชัดเจนน้อยหรือ?”หลินซีนเยียนเริ่มมีน้ำโหนางทราบดีว่าไม่มี อะไรได้มาฟรีๆหลังจากมาถึงเมืองนี้หลี่จังจ้าวจับนางและหลี่อวิ่นซ่าน ให้อยู่ลานเดียวกันและอีกอย่างสายตาที่มองนางมีอะไรแปลกๆต้องมี ความลับแน่นอน!
“อย่างไรก็ตามเจ้าระวังตัวน้อยก็พอ!”หลื่อวิ๋นซ่านโดนนางถามจน ร้อนใจรู้สึกกระดากและโกรธ
“ข้าเป็นช่างฝีมือเล็กๆคนหนึ่งไร้เรี่ยวแรงจะระวังตัวอย่างไร? ใต้เท้า หลี่ต้องบอกข้าว่าควรป้องกันจากใคร?”ถูกดึงเข้าไปในวงจรชีวิตของ หลื่อวิ้นซ่าน
หลี่อวิ้นซ่านสีหน้าถอดสีปากแข็งให้ตายอย่างไงก็ไม่พูด
อีกด้านเหล่าหลิวฟังทั้งสองคนพูดคุยกันน้ำแทบพุ่งฟังไม่เข้าใจสัก นิดว่าทั้งสองคุยอะไรกันแต่ว่าไม่มีคนมาอธิบายให้ฟังเกร็งจนรู้สึกหดหู เห็นทั้งสองต่อปากต่อคำกันเช่นนี้เหล่ามองท้องฟ้าแล้วทนไม่ไหวจน เอ่ยปากพูดว่า : “น้องหลินเจ้าอย่าลืมว่าเรามาที่นี้เพื่อมาตามหา คน…”หากอย่างเป็นเช่นนี้ต่อไปอยากว่าแต่คนเลยแม้แต่เงาก็ไม่เจอ
หลินซีนเยียนตกใจเพิ่งนึกขึ้นมาได้เพราะใช้อารมณ์จนเกือบทำให้ เสียการใหญ่นางลุกขึ้นยืนแล้วรีบก้าวออกจากทางประตูได้สองก้าว ทันใดนั้นก็หยุดเดินได้สติแล้วเดินกลับไปข้างกายหลอวิ๋นข่านแล้วพูด นิ่งๆว่า: “ใต้เท้าหลี่ข้าสมารถไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่ท่านทำให้เขา ตกอยู่ในอันตรายได้แต่ว่าท่านช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไหม?หากว่า ท่านช่วยเหลือแน่นอนเรื่องนี้เขาก็ไม่ถือสาว่าอย่างไร?”
ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อเห็นนางเกิดเรื่องที่ไหร่หลินชีนเยียนก็รู้สึก หวาดผวาเล็กน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางมองเขาด้วยสายตาที่ เหมือนคนแปลกหน้าและต่อต้านหัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ทันทีเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นดังนั้นเมื่อฟังนางยื่นข้อเสนอเช่นนี้ ออกมาเขาตอบรับทันทีทันใดด้วยไม่ต้องคิดอะไรเลย
“ในอนาคตข้างหน้าเจ้าก็เป็นคนของครอบครัวข้าเรื่องของเจ้าก็คือ เรื่องของข้า”หลื่อวิ้นซ่านพูดด้วยที่ไมรู้สึกรู้สาอะไรแต่กลับทำให้เหล่า หลิวตกใจจนอ้างปากค้าง
ใต้เท้าหลี่ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเป็นชายคนหนึ่งและหลินซีนเยียนก็ เป็นชายเช่นกัน?คำพูดนี้แม้แต่เหล่าหลิวที่เป็นชายฉกรรจ์อย่างรู้สึก หน้าแดง