ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 375
ตอนที่ 375 องครักษ์ รา
พวกเจ้าคนพวกนี้! พวกเจ้าคนพวกนี้ จำเอาไว้ให้ดีแล้วกัน รอ กลับถึงบ้านเกิด พวกเจ้าคนเหล่านี้ ข้าจะไม่ปล่อยไปสักคน
จนถึงเวลานี้ หลังชาวยังโง่พอที่จะเพื่อนร่วมคณะของ เขาเคืองขุ่น แม้กระทั่งหลินก็ค่อนข้างจะทนดูต่อไปไม่ ไหว คนประเภทนี้ เดาไม่ออกว่าสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งมั่นคง แห่งตระกูลหลิงได้ คงทำได้เพียงอธิบายว่าเขามีความโง่เขลา มากเท่าไร เช่นนั้นผู้ติดตามข้างกายเขาก็ย่อมมีความฉลาด เท่านั้น เป็นยอเอาคนดุจโคลนตมทั้งหาดประเภทนี้ขึ้นอยู่บนหิ้ง ผู้ติดตามของช่างทำให้คนอดเดาไม่ได้ว่าสรุปแล้วบูชา เทพเจ้าองค์ไหนกันแน่
พวกเจ้าไม่ไปเข้าไปเอง!หลังชาวแค่นเสียงเย็น ล้วงเอา ห้อยไว้บนล่าคอตลอดเวลาออกมาจากอาภรณ์ นั่นเป็นจี้หยกที่มี ขนาดใหญ่เท่านิ้วหัวแม่มือ ถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นลักษณะของขลุ่ย เลาปาก ขึ้นวางไว้ข้างเรียวปาก ฉับพลันจี้หยกแผด เสียงประเภทที่เล็กแหลม แต่ว่ากลับเป็นเสียงที่แสบแก้วหูมาก
ในท้ายที่สุดแล้วก็เป็นบุตรที่ต้นตระกูลหลิงพะเน้าพะนอมาก ที่สุด ต่อให้ครั้งนี้ให้เขาได้ประสบด้วยตนเองและไม่ได้ให้ผู้ ติดตามของเขามาด้วย ก็ไม่อาจเป็นไปได้ที่จะไม่มีการรับมือกับ ภัยต่อชีวิต เงินเทียนและคนอื่นๆ เห็นหลังข่าวหยิบเอาหยกอันนั้นออก มา ต่างก็สะพรึงเพริศ พวกเขาล้วนคาดไม่ถึง หัวหน้าตระกูลหลัง จะมอบของชิ้นนี้ให้แก่หลิงอ่าวหมด เดาว่า คงจะตัดสินใจตั้งหลัง ข่าวเป็นทายาทสืบสกุลของตระกูลหลิงอย่างจริงจังแล้ว
“พี่ใหญ่ คุณชายน้อยมีของสิ่งนั้น จะต้องหลบหนีออกไปได้ แน่” ชายชุดคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเฉินเทียนนั้นแววตาเผย ความวิตก หากรู้แต่ทีแรกว่าหลังข่าวมีของวันนี้ พวกเขาก็ไม่ อาจหาญไม่ฟังคำของหลิวอ่าวอย่างดื้อดึงแบบนี้แน่ ก็จะทำตาม คำสั่งของเขาคุ้มกันให้เขาหลบหนีออกไป
เฉินเทียนเองก็พยักศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คาดไม่ถึงจริงๆ กระทั่งองครักษ์ชราที่หัวหน้าตระกูลจึงจะมีกรรมสิทธิ์ก็ยกให้ เขา!” ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง บุคคลไร้ประโยชน์เช่นนี้จะ สามารถครอบครองทรัพยากรที่ทำให้คนถวิลหาแม้ยามฝันเหล่า นี้ได้
“เช่นนั้นพี่ใหญ่ พวกเราจะทำอย่างไร… ทำให้คนผู้น้อยอย่าง หลังชาวเคืองขุ่น ต่อให้วันนี้พวกเขาจะมีชีวิตหนีออกไปได้ เขาก็ ไม่อาจไว้ชีวิตพวกเขาคนเหล่านี้แน่
“ขายผ้าเอาหน้ารอดเถิด” เฉินเทียนท่าเพียงเกร็งหนังศีรษะ กล่าวประโยคเช่นนี้
หลังจากที่หลังข่าวเป่าจี้หยกนั้น สีหน้าของโม่จื่อเฟิงก็ขึงขังถึง ขีดสุด คันเอาหลินซินเยียนไปยังทิศทางของหนีหวาน โดย สัญชาตญาณ “หนีวาน สักพักไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร หน้าที่ของ เจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือปกป้องนางให้ดี ครั้งนี้ อย่าทำให้ข้า ต้องผิดหวัง”
หนีหวานตกตะลึงอยู่ขณะหนึ่ง กระวีกระวาดขานรับ “เจ้าค่ะ!” แต่ว่าในอกของนางก็ยังระรัวดังด้วยกลองศึก จะต้องรู้ว่า สามารถทำให้ไม่จื่อเฟิงเป็นมิตรต่อศัตรูได้ ย่อมไม่ใช่คน ธรรมดาทั่วไปแน่
หลินขึ้นเขียนอยู่อยู่ข้างกายของหนีหวาน แวววิตกทั้งหน้า กระตุกชายแขนเสื้อของหนีหว่าน พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว “องครักษ์ ชูราอะไรนั่นเก่งกาจมากเลยหรือ
หนีหวานสายศีรษะ ในส่วนของรายละเอียดส่วนลับของ ตระกูลขุนนางเหล่านี้ สิ่งที่นางรู้กลับไม่มากนัก
นางไม่อาจตอบคำถามของหลินซีนเยียน ไม่จื่อเฟิงกลับ ปริปากเอ่ย ค่านั่นกล่าวกับหลังข่าว “ตระกูลหลิงช่างทะนุถนอม เจ้าเสียจริง เดาไม่ออกว่าแม้กระทั่งองครักษ์ซูรา การดำรงอยู่ ประเภทนี้ยังมอบให้แก่เจ้า ทุกๆ ตระกูลชนชั้นสูงเร้นลับล้วนมี องครักษ์ชรา ตำนานเล่าว่าร้อยกว่าปีก่อนสามตระกูลขุนนางเร้น ลับเคยร่วมมือกันกวาดล้างต้นตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่ง ซ้ำยังชุบ เลี้ยงคนในตระกูลเล็กนั้นให้กลายเป็นทหารความตาย สืบกันรุ่น สู่รุ่น สืบเนื่องมากระทั่งปัจจุบัน ข้าเดาว่าองครักษ์ราของแต่ละ ตระกูลขุนนางเร้นลับไม่อาจเกินกว่าสามคน บิดาของเจ้า กลับ ทําใจได้
ของหายากยกให้เป็นสิ่ง ล้ำค่า จากกองกำลังอันใหญ่โต ขนาด ของตระกูลขุนนาวเร้นลับล้วนตรากตรำการชุบเลี้ยง องครักษ์ ราออกมา เช่นนั้นชัดแล้วถึงความเลิศล้ำของ องครักษ์ชรา จากมุมข้างอธิบายชัดความแข็งแกร่งของ องครักษ์ รา
“เฮอะความน่ากลัวก่อนหน้าของหญิงชาวมลายลงหนึ่งชนิด ที่แท้ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าหยกห้อยอยู่บนคอสรุปแล้ว เป็นตัวแทนของอะไรกันแน่ ก่อนออกเดินทาง บิดาเขาเอาหยก อันส่งให้แก่เขา เพียงกล่าวว่าตอนประสบกับอันตรายถึงแก่ ชีวิตจึงสามารถใช้ได้ ดังนั้นเรื่องนี้เขาเองไม่เลย สักนิด ทว่าตอนได้ยินไม่จื่อเฟิงกล่าวแบบนี้ เขาพลันรู้สึกว่ามี พละแห่งการหลบหนี
และนั่นเอง เป็นดั่งตำนานได้กล่าวเอาไว้ หลังจากหยก แผดเสียงขึ้นเวลากระชั้นชิดเพียงนี้ เงาคนสามคนปรากฏอยู่ บนจั่วห้อง พวกเขาห่อหุ้มตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมิดชิดแน่นหนา เผยออกมาเพียงแค่ดวงตาแห่งอารมณ์สงบเรียบ
พวกเขาปรากฏตัวกะทันหันมาก เฉกเช่นเดียวกับการปรากฏ ตัวแบบทำให้คนสะพรึงเพริศของโม่จื่อก่อนหน้านี้ ดังนั้น ก็ เพียงพอต่อการอธิบายความบรรลุในวิทยายุทธ์ของพวกเขา
พวกเจ้าก็คือองครักษ์ชูรา?หลังข่าวตื่นเต้นนัก มองเห็นการ ปรากฏตัวของคนไม่กี่คนนี้ รีบซูจี้หยกในมือขึ้น “ข้าคือเจ้านาย ของพวกเจ้า ตอนนี้จงฟังคำสั่งของข้า สังหารเขาซะ!” นิ้วของเขา มายังทิศทางของไม่ องครักษ์ ราสามนายมองจี้หยก ในมือของเขาแวบหนึ่ง กลับ ไม่ได้ฟังค่าของเขาหรือขยับเขยื้อนการเคลื่อนไหวใดๆ คนหนึ่งที่ ยืนอยู่หน้าสุดปริปาก น้ำเสียงฟังดูแล้วคร่ำครีมาก น่าจะเป็น ชายเฒ่าคนหนึ่ง “เจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับพวกข้า พวกข้า องครักษ์ชราทำได้เพียงปกป้องชีวิตของเจ้าไม่ให้เกิดอันตราย ส่วนในเรื่องอื่น พวกข้าไม่ใช่ไพร่ทาสของตระกูลหลิง”
คำกล่าวของเขา ก็ทำให้กลุ่มคนมีความเข้าใจต่อองครักษ์ รามากขึ้นหนึ่งขนัด ที่แท้ทหารความตายมิใช่ผู้รับใช้แห่งตระกูล ขุนนางเร้นลับ แต่ว่าเป็นคำมั่นหรือสนธิสัญญาบางอย่าง ไม่อาจ ทำให้คนที่ปกป้องเกิดเหตุอันตรายแก่ชีวิตก็เท่านั้น
หญิงชาวอัปยศนัก สีหน้าปั้นยากมาก ทว่าหวนย้อนมานึกคิด เพียงตราบที่เทือกเลาขยังอยู่ แค้นครั้งนี้จะต้องได้ชำระไม่ช้าก็ เร็ว ดังนั้นจึงไม่กล่าวมากความอีก “ก็ได้ พวกเจ้ารีบคุ้มกันข้า ออกไป!”
ชายเฒ่าผู้นั้นไม่ได้เหลือบมองหลังข่าว แต่กลับประสานมือ คารวะต่อทิศทางของโม่จื่อเฟิง “กระหม่อมเห็นว่าวิทยายุทธ์ท่าน เจ้าเหนือธรรมดา จะต้องโดดเด่นในมวลมนุษย์ เจ้าของหยกอัน นี้พวกเราปฏิภาณด้วยชีพว่าต้องปกป้อง แต่ว่ากลับไม่นึกเป็น ศัตรูกับท่าน หากว่าท่าได้ล่ะก็ คงเชิญท่านเจ้าพินิจบนดวงหน้า ของพวกเราสามคนจัดการตามความเหมาะเถิด ช่างเป็นปลา ตายในแหขาดแล้ว ท่านเจ้าเองก็ไม่ได้จงใจเป็นคู่ต่อสู้ของเรา สามคน
วจีนเคลือบถ้อยทีถ้อยอาศัย ในมุมมองของชายเฒ่านั้นได้ ถือว่าเป็นสัมปทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว พวกเขาถึงแม้จะพิทักษ์ ความตายแก่ตระกูลหลิง แต่กลับแตกต่างจากทหารความตา ยอื่นๆ ความคิดและตัวตนของพวกเขาล้วนเป็นของตนเอง ดังนั้น ว่าสามารถหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวเพื่อบรรลุเป้าหมายได้ พวกเขา ปฏิเสธที่จะสิ้นเปลืองพลังงานของตนเองโดยใช่เหตุ
ไม่จื่อเพิ่งพิมพ์ มุมปากแย้มรอยยิ้มอันมีเลศนัยอยู่ตลอด เขา จ้องชายเฒ่าผู้นั้นตาไม่กะพริบ แววตาลุ่มลึก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอัน ใดอยู่
กลับเป็นหลินซีนเยียนที่อยู่ด้านข้าง ในอกยิ่งระส่ำระสาย วร ยุทธ์ของโม่จื่อเฟิงขั้นสูงนั้นไม่ผิด แต่ว่าในกายของเขาต้องพิษ ตอนที่ขับเคลื่อนกำลังทั้งหมดในแต่ละครั้งเป็นการทําร้ายต่อ ร่างกายเขาอย่างหนึ่ง นางขบเรียวปากล่าง กระตุกชายเสื้อของ โม่จื่อเฟิง “จื่อเฟิง ไม่เช่นนั้น ก็ปล่อยเขาไปเถิด…
โม่จื่อเฟิงกลับสายศีรษะเชื่องช้า ยกมือไล้วนบนพวงแก้มของ นาง กล่าวเสียงแผ่ว “ข้าเคยพูดไว้ มือของเขาแตะต้องผู้หญิง ของข้า ไม่ตัดสองแขน หรือไม่ก็ทิ้งชะตาชีวิตไว้
หลินซีนเยียนเคลิบเคลิ้ม นี่คือถ้อยคำแสดงออกถึงการอวด กตา ช่างลุ่มหลงคนแล้ว ทว่า ต่อให้ลวดลายดีอีกสักแค่ไหน ก็ ไม่อาจสั่นคลอนตามอารมณ์ได้
“วางใจเถิด ข้าไม่เป็นไร ไม่จื่อเพิ่งปล่อยมือลง หันหน้ากลับ ไปมองยังทิศทางขององครักษ์ชูราสามนายนั้น “ข้าเองก็ไม่อยาก เป็นศัตรูกับพวกท่าน ดังนั้น เหลือเขาไว้ พวกท่านไปเถิด