ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 38
ตอนที่ 38 ต้องไม่ให้เจ้าน้อยใจ
โม่จื่อฟังแค่นเสียง ยื่นมือไปผลักนางลงจากหลังม้า
หลินซีนเยียนลงมาแล้วเดินโซเซไป 2 ก้าวกว่าจะ ยืนอย่างมั่นคงได้ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปสำรวจรอย แผลบนร่างของอี้เซิงอย่างระมัดระวังโดยไม่สนใจตน เอง”ใครกันที่ทำร้ายเจ้า?”
อี้เชิงมองไปยังโม่จื่อฟงด้วยสายตาที่เมินเฉย จากนั้นก็ส่ายหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ยอมให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อ
ต่ำใจ! “คำพูดของหลินซีนเยียนที่พูดออกมาไม่มีแรง ผลักดัน เมื่ออี้เชิงที่อยู่ตรงหน้า เธอกลับเลือกที่จะ ระงับไว้ถึงที่สุด หากเธอไม่มีแรงผลักดัน ภายในใจ ของเด็กคนนี้ก็คงไม่ต้องหวังอะไรแล้ว
เมื่อเห็นอี้เชิงไม่ยอมพูด หลินซีนเยียนก็ร้อนใจ ถึง จะเป็นเด็กอยู่ แต่กลับรู้เรื่องทุกอย่างได้อย่างน่าประ หลาดใจ เธอรู้ เขาเพียงกังวลว่าเธอจะหาเรื่องให้ เดือดร้อนอีก
เธอลูบที่หัวของเขา เอ่ยเสียงเบา”อี้เชิง พี่จะบอกเจ้านะ ไม่ว่าจะเดือดร้อนแค่ไหน พี่ก็จะยืนอยู่ข้างเจ้า นอกจากพี่จะตายแล้ว ปกป้องเจ้าไม่ได้อีก พี่ไม่ยอม ให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแน่”
“อย่าตายนะ”อี้เซิงกอดเธออย่างรู้สึกหวาดกลัว สองมือเล็กนุ่มนิ่มได้โอบอยู่เอวของเธอ
ความรู้สึกอบอุ่นทำให้เธอกอดเขากลับแล้วตบที่ หลังเขาเบาๆ ราวกับปลอบใจ
โม่จื่อฟงเห็นภาพความรักสุดซึ้งระหว่างพี่สาวน้ องชาย ทำให้เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม
เขาขี่ม้าเข้าไปในลานบ้าน เมื่อเข้ามาก็มีองครักษ์ มาต้อนรับทันที เขาชี้ไปยังอี้เชิงที่อยู่นอกประตู”ใคร เป็นคนทำ? ”
เหล่าองครักษ์ที่สวมชุดเกราะต่างจ้องหน้ากันแล้ว ก้มหัวลงไม่มีใครกล้าพูดออกมา
โม่จื่อฟงแค่นเสียง”หากไม่พูดก็รับโทษไป ใครก็ได้ นำพวกที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎไปตัดแขนตัดขาทิ้ง ซะ! ”
เห็นอยู่ว่าในลานบ้านนอกจากองครักษ์ที่สวมชุด
เกราะก็ไม่มีคนอื่นอยู่ พอโม่จื่อฟงถ่ายทอดคำสั่งไปกลับมีทหารหลายนายวิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ เข้ามากด ตัวองครักษ์พวกนั้นลง
“ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย ได้โป รดเห็นแก่คุณหนูใหญ่ไว้ชีวิตพวกเราสักครั้งด้วย เถิด”พอมีองครักษ์คนหนึ่งร้องขอชีวิต คนอื่นๆ ก็ ทำตามกันหมด
พวกเขาต่างเป็นองครักษ์ของคุณหนูใหญ่เซียวต้อง ทำตามเป็นคำสั่งอยู่แล้ว หลังจากที่เจ้านายได้รับ ความตื่นตระหนกจนรู้สึกโกรธเคือง ย่อมต้องหาคน มาระบายความโกรธ ในลานบ้าน สิ่งที่นำมาระบาย ความโกรธได้ดีที่สุดก็คงต้องเป็นอี้เชิงลูกผสมชั้นต่ำ มันตา คนนั้น
หลินซีนเยียนพาอี้เพิ่งเดินเข้าไปในหน้าประตูก็ได้ ยินคำพูดนี้ เธอโกรธจัดจนควันออกหู เห็นองครักษ์ หลายคนที่ถูกกดตัวอยู่ เธอคิดอยากจะหยิบก้อนหิน จากพื้นแล้วเขวี้ยงไป
การชกต่อยกันของผู้หญิงอารมณ์ร้ายก็ประมาณ เป็นแบบนี้
หลินซีนเยียนถือก้อนหินไว้ในมือแล้วเขวี้ยงไปยังองครักษ์พวกนั้นอย่างสุดกำลังโดยไม่มีความลังเล พลังที่เหี้ยมโหดนั้น ทำให้เหล่าทหารที่อยู่ในลานบ้า นรู้สึกหวาดผวาจนหน้าซีดไปตามกัน
โม่จื่อฟงเองก็ตกใจการกระทำที่เหี้ยมโหดของหลิน ซีนเยียนจึงลืมตัวไปชั่วขณะ เขาไม่พูดอะไร เหล่า ทหารที่กดตัวขององครักษ์พวกนั้นก็ไม่ได้ปล่อยมือ ผ่านไปไม่นาน องครักษ์แต่ละคนก็มีเลือดสดไหลออ กมา
พอเขวี้ยงไปจนเหนื่อย หลินซีนเยียนก็รู้สึกเจ็บที่ข้อ มือ ก้อนหินที่อยู่ในมือได้ระบายความโกรธแค้นใน ใจหมดแล้ว
ในขณะที่ก้อนหินร่วงลงพื้น เธอก็รู้สึกเสี้ยวสันหลัง ขึ้นมาทันที เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้ทำอะไรลงไป แล้ว เธอกลืนน้ำลายลงอีกหนึ่ง บังคับหันหน้าไปมอง โม่จื่อฟง พูดอย่างกระตุกกระตัก “เออ เออคือ ข้าบุ่ม บ่ามแล้ว…”
“บ้าระห่ำอย่างนี้ สมแล้วที่…เป็นผู้หญิงของข้า มีค วามกล้าเช่นนี้ถึงจะดี “โม่จื่อฟงพูดจบก็เดินไปข้าง หน้าขององครักษ์พวกนั้น”กลับไปบอกเจ้านายของ เจ้า เมื่อได้รับความตื่นตระหนกก็ควรจะรักษาตัวอยู่เฉยๆ อีก 2-3 วันก็กลับถึงเมืองหลวงแล้ว ก่อนถึง เมืองหลวงหากไม่ยอมอยู่เฉยๆ ข้าไม่รับรองความ ปลอดภัยของนางแน่”
คำพูดนี้ บ่งบอกความไม่พอใจอยู่หลายส่วน
เมื่อองครักษ์ได้ฟังแล้ว ก็ไม่กล้าจะอยู่ต่อ รีบวิ่งไปที่ ห้องของเซียวฉางเยว่ทันที
หลินซีนเยียนเตรียมจะพาอี้เซิงกลับไปทำแผลที่ ห้อง ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกก็เห็นโม่จื่อฟงกวาด สายตาเย็นชามองมา”เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าเป็นสาวใช้อุ่น เตียงของข้า คืนนี้ก็ดึกแล้ว ข้าอยากจะพักผ่อนแล้ว”
คำว่าสาวใช้อุ่นเตียงไม่กี่คำ เขาพูดได้อย่างชัด ถ้อยชัดคำเหลือเกิน
หลินซีนเยียนถูกเรียกว่าสาวใช้อุ่นเตียงต่อหน้าขอ อี้เชิง ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเธอทำให้ใบหน้าเริ่ม แดงออกมาอย่างไม่รู้สึก เธออยากเห็นว่าอี้เซิงจะ แสดงท่าทียังไงกลับเห็นอี้เชิงก้มหน้าลง ราวกับไม่ เข้าใจความหมายของวลีนั้น เธอจึงโล่งใจขึ้นมาน้อย
“อี้ เชิง เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน อีกสักพัก เดี๋ยวพี่ตามกลับไป”หลินซีนเยียนเอ่ยเสียงเบา
อี้เซิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา กลับจับมือของเธอไม่ยอม ปล่อย เขาก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลบซ่อนความโกรธแค้น ในดวงตา เขาไม่ยอมให้เธอรู้เด็ดขาดว่าเขาฟังคำพูด ของโม่จือฟงเข้าใจ เขารู้ความหมายของสาวใช้อุ่น เตียง
เขาไม่ยอมบอกเธอแน่ว่าเมื่อก่อนตอนที่เขาถูกขาย ให้ครอบครัวใหญ่บ้านหนึ่ง นายท่านคนนั้นดูถูกสาว ใช้อุ่นเตียง เขามองดูสาวใช้อุ่นเตียงหลายคนที่ทนไม่ ไหวจนไปกระโดนลงบ่อน้ำฆ่าตัวตาย
“วางใจเถิด สักพักพี่ก็กลับไปแล้ว”หลินซีนเยียน แกะมือเล็กๆ ของเขาออกจากมือของตนเองและพา เขาเดินกลับไปที่ห้อง จากนั้นก็หมุนตัวเดินตามโม่ จื่อฟงไป
ทั่วทุกมุมในห้องได้จุดเทียนสว่างไสว ปรากฏเป็น เงาของคน 2 คนที่เดินเข้ามาในห้องตามกันมา
เตาผิงที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง เมื่อหน้าต่างได้เปิด ออกก็พัดพาลมหนาวเข้ามา ถ่านไฟในเตาผิงก็เริ่ม แดงขึ้นมา
“อุ่นเตียงเถิด” โม่จื่อฟงยืนอยู่หน้าเตาผิง
หลินซีนเยียนกัดฟัน ถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วเดินขึ้น เตียงไป โอ๊ยแม่คุณ! นี่มันคนโรคจิตชัดๆ อากาศ หนาวแค่วางหม้อน้ำร้อนในผ้าห่มเตียงมันก็อุ่นแล้วไม่ ใช่หรือไง แต่พวกเขาอยากได้อุณหภูมิในร่างกาย คนไปอุ่นเตียง แล้วยังมีบางคนต้องใช้ร่างกายของ สาวพรหมจรรย์อะไรนั้นไปอุ่นเตียง
แค่อุ่นเตียงเท่านั้น อุณหภูมิร่างกายของสาวพรหม จรรย์กับอุณหภูมิร่างกายของผู้หญิงทั่วไปมันต่างหรือ ไง?
“เจ้าขึ้นไปอย่างนี้? หากเสื้อผ้าสกปรกบนตัวของ เจ้ามันทำให้เตียงของข้าสกปรกล่ะ?”โม่จื่อฟงขมวด คิ้วแน่น สายตามองไปยังผิวขาวเนียนนุ่มของเธอ
“แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า?”หลินซีนเยียนขบฟัน
ถาม
โม่จื่อฟงหรี่ตาลงแล้วเอ่ยคำวา “ถอด! “หนึ่งคำ
ถอด?
ถอดบ้าอะไร!
ล้อกันเล่นใช่ไหม?
หลินซีนเยียนโกรธจนขบฟัน สำหรับการกระทำของ คนที่บ้าอำนาจ แต่เธอไม่สามารถต่อต้านได้
“ท่านอ๋อง ข้า…”หลินซีนเยียนกลืนน้ำลายไปอีก หนึ่ง กระโปรงที่กำลังถูกขึ้นก็ปล่อยมันลงมาทันที “ข้ามีระดู หากถอดเสื้อผ้า เกรงว่าจะทำให้เตียงของ ท่านเปื้อนเอาได้”
“อ้อ? “โม่จื่อฟงหรี่ตาจ้องมา เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอ มุมปากเขาเหยียดยิ้มจนดูน่ากลัวชอบกล”ระดูนี้ มาได้ตรงจังหวะเชียวรึ?