ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 418
ตอนที่418การแต่งงานคือการอยู่ ร่วมกัน
“อี้เซิงฟื้นแล้ว”อินฉีคลายหัวคิ้ว เปลี่ยนมายิ้มแย้มอบอุ่นสองคนที่ กำลังกอดร้องไห้กันได้ยินเสียงอินฉีก็ แยกออกจากันทั้งคู่
หลินซีนเยียนลงจากเตียงจัด เสื้อผ้าหน้าผมเสร็จก็ออกไปต้มน้ำอุ่น ในลานบ้านตั้งแต่พบหน้าจนไปไม่มี ท่าทีจะพูดกับอินฉี
รอหลินซีนเยียนเดินไปใบหน้ายิ้ม แย้มของอินฉีค่อยๆหายไปเดินมาถึง ข้างเตียงมองลงไปที่อี้เซิง“เขาเป็นพี่ สาวเจ้านะ” อี้เซิงมองหน้าเขางงๆเหมือนไม่ เข้าใจที่เขาพูดหมายความว่าอะไรแต่ ผ่านไปไม่นานเขานึกขึ้นได้สายตาที่ มองอินฉีเปลี่ยนไปเย็นชาห่างเหิน ทันที“เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”
อินฉียิ้มเย็นชา“เรื่องนางก็คือ เรื่องของข้า”
“ดูเหมือนพี่สาวข้าจะไม่ได้รักเจ้า เจ้าอยู่ข้างนางในฐานะอะไร?เพื่อน? ญาติ?ผู้ชาย?”แม้อี้เซิงยังเป็นแค่เด็ก หนุ่มพูดจาดีแต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะโง่เขลาในทางกลับกันเขาเป็น คนฉลาดมากเขารู้ว่าจุดอ่อนของ ผู้ชายตรงหน้าอยู่ที่ไหน
เป็นไปอย่างที่คิดอี้เซิงพูดออกมา สีหน้าอินนี้เปลี่ยนแล้วมือทั้งสองข้าง ค่อยๆกำเส้นเลือดที่กำหมัดปูดออกมา ตอนนี้เขาโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด
อี้เชิงพยายามเผยรอยยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเหยียด หยามคนที่ไม่ได้เป็นอะไรอยู่ติดพี่ สาวข้าช่างน่าขันข้าล่ะรู้สึกเศร้าแทน เจ้าจริงๆ”
“เจ้า….ฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้เสีย อีก”เสียงอินฉีเรียบเฉยดูเหมือนไม่มี อารมณ์แต่ในแววตากำลังตั้งใจคุมเชิง กับอี้เซิง
เสียงประตูเปิดดังเอี๊ยดชายที่ กำลังคุมเชิงและเด็กหนุ่มเก็บอาการ ทันทีทั้งสองคนเปลี่ยนมาอ่อนโยน ผ่อนตามในทันที
หลินซีนเยียนยกน้ำร้อนเข้ามานำ น้ำร้อนวางข้างเตียงหยิบผ้าขาวมา เช็ดหน้าให้อี้เซิงท่าทางนางอบอุ่น จิตใจนุ่มนวลอ่อนโยนมุมปากเผลอยิ้ม ปลื้มอกปลื้มใจ
“พี่สาวเจ้าช่างดูดีจริงๆ”มองปา งอินฉีโดยไม่ตั้งใจในสายตานั้นเป็น สายตายั่วยุที่ผู้ชายเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
หลินซีนเยียนถูกเขาหยอกล้อจึง เอานิ้วมือจิ้มจมูกเขา“เจ้านี่นะออกไป สองปีทำไมกะล่อนเสียแล้วอี้เซิงตัว น้อยไม่ชอบพูดเมื่อไม่นานนี้หายไป ไหนเสียแล้วล่ะ?”
“พี่สาวข้าไม่ได้คิดถึงเจ้ารึ?”อี้เซิง หัวเราะฮ่าๆอันที่จริงที่ผ่านมาเขายัง เป็นอี้เซิงจิตใจเย็นชาเหมือนเดิมแค่ เพราะคนตรงหน้าคือหลินซีนเยียน ฉะนั้นเขาจึงยอมพูดยอมยิ้มเท่านั้น เองเขาจะไม่บอกนางเด็ดขาดว่าสองปี ที่ผ่านมานี้ตอนนี้เขายิ้มเป็นครั้งแรก
“ปากช่างพูดมากขึ้นหนา”หลิน ซีนเยียนเผลอหัวเราะเช็ดหน้าเสร็จ แล้วไปเช็ดมือ แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว ผ่านไปอีกหลายปีรอเจ้าโตเป็นหนุ่ม แล้วช่างพูดสักหน่อยถึงหาจะพบแม่ หญิงดีๆ”
อี้เซิงอึ้งกระพริบตาไม่ตอบโต้มอ งอินฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินซีนเยียน หัวเราะเบาๆรอยยิ้มของอินฉีมีแค่ ผู้ชายเท่านั้นถึงจะเข้าใจความรู้สึก หยิ่งในศักดิ์ศรีเหมือนกัน
เขาเหมือนกำลังจะพูดดูเถิดใน สายตานางเขาเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น เอง
อี้เซิงไม่พูดใบหน้าที่มีรอยยิ้ม หยุดชะงักลงทันทีในความเป็นจริงเขา ไม่เคยคิดว่าหลินซีนเยียนเป็นใครอื่น เลยในหัวใจลึกๆของเขานางเป็นพี่สาว เป็นแค่พี่สาวเท่านั้นเองคนยังต้องการ ใกล้ชิดมากกว่าพี่สาวแท้ที่ผ่านมาใน หัวเขาเคยมีความคิดอื่นแต่ทว่าเจ้าอิน ฉีนี่ไม่ยอมเชื่อเท่านั้นเอง
แต่เป็นเช่นนี้เขาไม่ค่อยพอใจนัก เขาเคยบอกว่าจะปกป้องนางและวี่จิ่ง น้อยแล้วนางกลับคิดว่าเขาเป็นเด็กตัว เล็กๆ
แต่ความไม่พอใจของเขาตกอยู่ ในเป้าสายตาอินฉีกลับทำให้เขายิ่งพูด ติดขัดแล้ว
“ข้าไม่หาแม่หญิงดีๆอะไรหรอก ชีวิตนี้ข้าได้ปกป้องเจ้ากับวี่จิ่งน้อยก็ พอแล้ว”อี้เซิงพูด
หลินซีนเยียนยิ้มส่ายหน้าอีก ครั้ง“เจ้านี่ยังพูดอะไรเด็กๆงั้นมีคนไม่ แต่งงานแล้วมีลูกน่ะสิ?ชีวิตคนเรามีแค่ ญาติพี่น้องไม่ได้ต้องมีคนรักด้วยถึง จะสมบูรณ์แบบ”ในยุคปัจจุบันแม้ว่ามี บางคนแต่งงานในวัยอายุมากแล้วแต่ คนที่ไม่แต่งไปทั้งชีวิตมีน้อยมาก มนุษย์เมื่อถึงวัยที่แน่นอนถึงจะเข้าใจ สามีภรรยาสุดท้ายก็แค่เพื่อนร่วมชีวิต คนหนึ่งเท่านั้นเอง
เพื่อไม่ต้องโดดเดี่ยวเพื่อไม่ต้อง พบกับความอ้างว้างฉะนั้นการแต่งงาน หาคนที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกับตัว เองได้สักคนอยู่ร่วมกันใช้ชีวิตปีแล้วปี เล่าวันแล้ววันเล่า
แต่น่าเสียดายไม่ใช่ทุกคนที่จะ โชคดีอย่างนั้นได้พบเจอคนที่อยู่ร่วม กับวิถีชีวิตของตัวเองสักครั้ง
ความคิดหลินซีนเยียนล่องลอย ไปไกล นางดูเหม่อลอยอย่างชัดเจน
จวนจะถึงเวลาเที่ยงวันโจว่เฉิงได้ นำคนติดตามเข้ามาอีกครั้งเห็นอี้เซิง ฟื้นขึ้นมา เขาโล่งใจมากบอกว่าที่นี่ เป็นจวนที่เหล่าสนมต้องอาญาในสมัย ฮ่องเต้องค์ก่อนประทับอยู่จะพักผ่อน รักษาตัวที่นี่คงไม่เหมาะนักเขาบอกว่า เขาจัดเตรียมบ้านพักไว้ในเมือง เรียบร้อยแล้วให้ผู้ศึกษาเฉพาะทาง มากรักษาโรคอี้เชิงและคนในบ้านพัก ล้วนเป็นคนของเขาไม่มีคนทำข่าวรั่ว ไหลอย่างแน่นอน
แม้หลินซีนเยียนไม่เข้าใจ การเมืองนักแต่นางก็รู้โจว่เฉิงเป็น แม่ทัพใหญ่ของแคว้นหมันตอนนี้ได้ เจออี้เซิงยังพยายามทุกวิถีทางรักษา ชีวิตอี้เซิงไว้ที่นี่ไม่ได้มีแค่ความ ซื่อสัตย์ให้แก่องค์ชายตกต่ำองค์นั้น เกรงว่าจะมากกว่านั้นความ ทะเยอทะยานของเขาไงล่ะ ฉะนั้นนางไม่อยากพาอี้เซ็งไปอยู่ ห้องที่เขาจัดการแต่ว่านางรู้ตอนนี้นาง ไม่มีทางต่อรองได้จึงทำได้แค่ฝืนตอบ รับ
นางไปอินฉีกต้องตามไปด้วย
หลังจากกลุ่มคนเดินทางจัดของ เรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้าที่โจ ว่เฉิงจัดการให้โจว่เฉิงจัดเตรียมการ ไว้ตั้งนานแล้วตอนมาจัดเตรียมรถม้า มาสามคันแต่ละคนจึงขึ้นรถม้าของตัว เองไม่ต้องเบียดเสียดกัน
ล้อรถม้าหมุนเคลื่อนแล้วหลินซีน ยียนเปิดหน้าต่างรถม้าดูทางด้านหลัง อดไม่ได้ถามอินฉี“ไม่มีวิธีจะช่วยผู้ หญิงที่โดนขังพวกนี้เลยหรือ?” อินฉีแล้วยังมีอี้เซิงพวกเขา
ทั้งหมดนั่งบนรถม้าคันเดียวกันกับนา งอินฉีคิดว่าหลินซีนเยียนไม่คุยกับเขา ตอนนางถามขึ้นมากะทันหันตัวเองจึง อุทานตกใจเขากระแอมถึงจะตอบ จะ ช่วยอย่างไร?นอกเสียจากพวกนางหนึ่ ออกไปจากแคว้นหมันได้แต่เมือง หลวงแคว้นหมันที่นี้น่ะต้องใช้เวลา ครึ่งเดือนกว่าถึงจะหลบหนีออกจาก แคว้นหมันได้เจ้าคิดว่าผู้หญิงพวกนั้น จะมีชีวิตรอดจากการไล่ล่าของทหาร ถึงครึ่งเดือนกว่ารึ?”
ไม่ได้แน่นอนเป็นผู้หญิงอ่อนแอ เท่านั้นเองจะไปต่อสู้ทหารแคว้นหมัน พวกนั้นได้อย่างไรและในพระราชวัง แคว้นหมันจะมีใครเสี่ยงอันตรายกับ การนั่งตำแหน่งสูงสุดเพื่อผู้หญิงไร้ ประโยชน์พวกนั้น?
“เอ่อ……เจ้าพาพวกนางออกมา ได้หรือไม่?”ดวงตาหลินซีนเยียนมอง ทางอินฉีด้วยความหวังนางกระพริบ ตาแสดงความเว้าวอนของตัวเองออก มาชัดเจนมากนางไม่รู้ตัวว่าที่พูดออก มาด้านๆกับอินฉีมันมีอะไรผิดไปถ้า ความไร้ยางอายของนางแลกกับความ สิ้นหวังของชีวิตผู้หญิงนับสิบนางก็ไม่ ต้องการหน้าแล้ว