ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 439
ตอนที่439 สามกองกำลังรวมตัวกัน
“อ้อ พิราบส่งสาส์นสุดล้ำค่าเพียงนั้นเชียว พวกเขากลับนำมายังที่แห่งนี้ เดาว่ามีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น?” อี้เซิงเป็นศูนย์รวมของเด็กขี้สงสัยคนหนึ่ง อดเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้
เสี่ยวหลงส่ายหน้า “พวกเขามีภารกิจเจาะจงอะไรข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ชัด อย่างไรเสียสามารถนำพิราบส่งสาส์นฝูงนี้ออกมาย่อมเป็นเรื่องทั้งรรีบร้อนและสำคัญแน่ ใช่แล้ว พวกเขาทั้งสองฝ่ายรบกันเช่นนี้มานานเท่าไรแล้ว”
เสี่ยวหลงเอ่ยถึงสองฝ่ายที่กำลังรบรากันภายในสวน ไม่กี่คนจึงเรียกสติกลับมา พวกเขาเหลือบมองหลายที และมองทางหลินซีนเยียน ราวกับรอความเห็นของนางอยู่
แต่ว่าน่าเสียดาย หลินซีนเยียนยังคงไร้วี่แววยุ่งเกี่ยวกับกองทัพทั้งสองฝ่าย แต่กลับดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ ทำเพียงกล่าวเบาๆ “พวกเขาชอบรบก็รบเถิด ศึกของสองตระกูลใหญ่เร้นลับ พวกเราเป็นสามัญชนคนธรรมดา โดยเฉพาะประเภทไม่เคยสุงสิงสังคมอย่างข้า ผู้หญิงที่ไม่รู้จักขนบประเพณีจะเข้าไปก้าวก่ายได้ที่ไหนกันเล่า”
ไม่กี่คนได้ยินนางกล่าวคำนี้ พลันเข้าใจขึ้นมา รู้สึกว่าเพราะก่อนหน้านางถูกหลิงหงคนนั้นพูดจาร้ายกาจจึงเดือดดาลในใจ ดังนั้นเมื่อเห็นหลิงหงตอนนี้กำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ก็ไม่นึกอยากยุ่งเรื่องนี้เลยสักนิด เผลอๆ เบื้องลึกในใจอยากให้หลี่ห่ายฟันหลิงหงคนนั้นให้ตายๆ ไปได้คงดี
ร้ายกาจที่สุดคงไม่พ้นจิตใจของผู้หญิง สวี่ห้าวและเสี่ยวหลงมองกันแวบหนึ่ง ลอบกลืนน้ำลาย ต่างก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูท่าทางอ่อนโยนใจกว้าง ที่แท้ในจิตวิญญาณช่างเป็นแม่เสือสาวตัวหนึ่งโดยแท้ พวกเขาไม่ได้ยุแหย่นาง ก็นับว่าเป็นเดชะบุญมากมายแท้จริงแล้ว
ยามที่หลินซีนเยียนเอ่ยคำ น้ำเสียงกลับไม่ได้จงใจกดต่ำ เดิมทีสวนนี้ก็ไม่ใหญ่โต ดังนั้นทั้งสองฝ่ายที่รวนรันกันอยู่ล้วนได้ยินกันหมด
หลี่ห่ายกระตุกมุมปาก ในอกหม่นหมอง นี่เป็นการถูกคนหยิบใช้เป็นเครื่องมือ ที่แท้ก็เป็นมดที่ขึ้นแท่นเรียบร้อย นึกอยากถอยก็คงยากเสียแล้ว
หลิงหงยิ่งโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา การเผชิญหน้ากับคู่ปรับหลี่ห่ายยิ่งเพิ่มความชุลมุน เป็นการทำให้หลี่ห่ายฉวยโอกาสไปหลายต่อหลายครั้ง
ผู้ติดตามคนอื่นๆ เองก็สูญเสียกำลังในการต่อสู้ในบัดดล ผู้ใดก็ไม่เต็มใจถูกคนหยิบไปใช้เป็นมีดดาบไร้ราคา
“หยุด!” หลิงหงถูกหลี่ห่ายเฉือนเข้าที่บริเวณหน้าอก ถอยร่นกลับหลังหลายก้าวกว่าจะยืนอย่างมั่นคง รีบออกบัญชาแก่คนรอบข้าง แผดเสียงกล่าว “พี่น้องหลี่ห่าย! พวกเราไม่รบแล้ว ไม่รบแล้ว! เห็นแก่หน้าของพี่น้องหลี่ห่าย ชีวิตของเด็กคนนี้พวกเราจะละเว้นชั่วคราวแล้วกัน”
หลี่ห่ายแค่นเสียงเย็น รบไม่สู้ก็ร้องขอชีวิต หลิงหงนี่ก็อายุปูนนี้แล้ว ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาแต่กลับไม่เหนียมอายสักนิด ด้วยเหตุนี้ก็สามารถมองออกว่าคนผู้นี้เป็นคนแบบไหน
“น้ำคำไม่อาจกล่าวออกมาเช่นนี้ หน้าของข้าหลี่ห่ายไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น หากว่าท่านต้องการใบหน้าของนาง ท่านก็สามารถดำเนินการต่อได้ วันนี้ข้าหลี่ห่ายก็จะทำทีว่าไม่เห็น?” หลี่ห่ายพลันปลิ้นปล้อน กลางดวงตาทอประกายวับ
ทำให้หลิงหงนิ่งทื่อ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้าหลี่ห่ายยังปกป้องหลินซีนเยียนเต็มกำลังอยู่ ตอนนี้กลับแสดงออกอย่างไม่สนใจใยดี ไม่แน่ว่าคำพูดเมื่อครู่ของหลินซีนเยียนก็ผิดหูหลี่ห่ายด้วย?
เขากำลังฉงน เมื่อหันหน้ามาก็มองเห็นเสี่ยวหลงและคนอื่น เขามุ่นหัวคิ้ว พลางถาม “พวกเจ้าเป็นใครกันอีก”
เสี่ยวหลงกลอกตาขาวใส่เขา ตอบกลับอย่างไม่ประสงค์ดี “เกี่ยวอะไรกับท่าน”
ตำแหน่งหลิงหงในตระกูลหงไม่ได้ต่ำต้อย ตลอดเรื่อยมาไม่ว่าจะไปยังแห่งใดล้วนจะได้รับความเคารพอันยิ่งใหญ่ ก็แม้กระทั่งฮ่องเต้แต่ละประเทศ ยังมีอากัปกิริยาเคารพนอบน้อมต่อเขา เมื่อไรกัน ที่แม้แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กล้าโพล่งเสียงบ้าคลั่งใส่เขา เขาโกรธจนหน้าแดง ชูดาบในมือขึ้นหมายจะไปปรี่ทางเสี่ยวหลง
“เป็นคนแก่ปูนนี้แล้ว วันๆ ยังรบราฆ่าฟันอีก นี่ก็คือคนของตระกูลหลิง?” ไม่แปลกใจที่หลายปีมานี้อำนาจของตระกูลหลิงนับวันก็ยิ่งอ่อนแอลง มีผู้เฒ่าอย่างท่าน จะขยายขอบอำนาจออกไปได้อย่างไร” เสี่ยวหลงเบ้ปากอย่างเดียดฉันท์
“เจ้ารู้ว่าข้าเป็นคนของตระกูลหลิง ยังกล้าใช้อากัปกิริยาเช่นนี้พูดจากับข้า?” หลิงหงสีหน้างงงวยเต็มกำลัง ฝีเท้าหยุดกึก และไม่ได้กระทำการบ้าดีเดือดแล้ว “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่”
“แค่นี้ท่านยังเดาไม่ได้ แล้วมีคุณสมบัติอะไรมาเจรจาธุระกับพวกเราที่นี่” เสี่ยวหลงยิ่งแสดงออกถึงความเหยียดหยามอีก
หลิงหงถูกทำให้โกรธอย่างหนัก ทว่ากลับอดกลั้นต่อฝ่ายตรงข้าม ในใจของเขากลับไม่ได้อดทน เขาขบคิดละเอียด ใต้หล้านี้ผู้ที่บังอาจขบเขี้ยวกับตระกูลหลิง ก็เหลือเพียงตระกูลหรงที่อำนาจแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามครอบครัวที่ทรงอำนาจเรื่อยมาแล้ว
“เจ้าคือ…คนของตระกูลหรง?” หลิงหงกัดฟันถามคำถามนี้
เสี่ยวหลงพยักหน้า “ในที่สุดท่านก็เดาออกเสียที” ถึงแม้เขาเป็นคนของโม่จื่อเฟิง แต่ว่าตอนนี้โม่จื่อเฟิงหวนกลับสู่ตระกูลหรงอีกครั้งแล้ว ก่อนหน้าที่ส่งสาส์นกลับไปนั้น คำแนะนำของโม่จื่อเฟิงนั้นกล่าวคือใช้นามของตระกูลหรงออกหน้ามาเจรจากับหลินซีนเยียน ดังนั้นตอนนี้กล่าวว่าเขาเป็นตัวแทนของตระกูลหรงก็ปราศจากปัญหาใดๆ
ได้รับคำตอบยืนยันจากเสี่ยวหลงแล้ว หลิงหงไม่เพียงแต่ไม่ผ่อนลมหายใจ แต่กลับเข้าใจทันใดว่าไฉนหลี่ห่ายจึงพูดว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้ เนื่องจากตระกูลหรงอยู่ที่นี่ อีกทั้งคนแห่งตระกูลหรงผู้นั้นก็มีอาการเคารพนอบน้อมต่อหลินซีนเยียน เกรงว่าอาจจะคุ้มกันหลินซีนเยียนจนถึงที่สุด
เพียงแต่ เขาไม่เคยเข้าใจเลย เหตุใดผู้หญิงที่ไม่เป็นวรยุทธ์เลยสักสักนิดนางหนึ่ง ตระกูลหรงและตระกูลหลี่ต่างก็ปกป้องอย่างสุดฤทธิ์
“พวกท่านรบเสร็จแล้ว?” หลินซีนเยียนวางถ้วยชาลง แววตาสำรวจใบหน้าของฝูงชนผ่านๆ คราวนี้จึงยืนขึ้นอย่างนวยนาด “พวกท่านรบเสร็จแล้ว ข้าก็จะพูดถึงเงื่อนไขของข้าออกมา ถ้าหากพวกท่านสามารถทำตามเรื่องที่ข้าร้องขอได้ ข้าก็จะช่วยพวกท่านเป็นธุระจัดการเรื่องยิ่งใหญ่ให้หนึ่งอย่าง”
หลิงหงนับตั้งแต่เข้ามาจนถึงสวนนี้ ก็รู้สึกคิดผิดมากอยู่เรื่อยมา ตอนนี้เห็นหลินซีนเยียนออกท่าทางบาตรใหญ่ขนาดนั้น ในอกกลับยิ่งไม่พอใจ อดกล่าวไม่ได้ “คุยโตโวใหญ่ เด็กสาวลำพังอย่างเจ้าจะมาช่วยจัดการธุระยิ่งใหญ่อะไรให้เหล่าตระกูลชั้นสูงของพวกข้า”
คำกล่าวนี้ของเขา หลี่ห่ายและเสี่ยวหลงต่างก็มองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองสิ่งพิลึก ราวกับเขากล่าวถ้อยคำที่ด้อยปัญญามหาศาลอะไรออกมาไม่ปาน ยิ่งยุแยงให้ในอกของเขาเพิ่มความเสียใจภายหลังขึ้น “พวกเจ้ามองข้าขนาดนี้ทำอะไรกัน ข้าพูดผิดแล้ว?”
หลี่ห่ายและเสี่ยวหลงพยักหน้าพร้อมกัน ทั้งสองหารือกันเล็กน้อย หลี่ห่ายกล่าว “ไม่ก็ ให้คนของตระกูลหลิงกลับไปก่อน อย่างไรเสียอำนาจของพวกเราในตอนนี้ก็ไม่ค่อยเท่าไรแล้ว เพิ่มตระกูลเขาหนึ่งแห่งก็ไม่มาก ขาดตระกูลเขาไปหนึ่งพวกเราสองตระกูลก็จัดการเรื่องได้เองอยู่แล้ว”
“ข้าคิดว่าก็ได้” เสี่ยวหลงกล่าวรับคำ
“พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่ พูดให้ข้าชัดเจน!” หลิงหงโกรธจนเป่าเคราเบิกตาโพลง ยิ่งพวกเขาเป็นเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าเรื่อราวนี้กลับเพิ่มความทะแม่งมากขึ้น ยิ่งไม่กล้าอพยพไปโดยพลการ อย่างไรเสียหัวหน้าตระกูลก็ให้เขามากอบกู้ตระกูลหลิงในขั้วอำนาจของประเทศหมัน ไม่ใช่ให้เขามาเดินกินลมชมทิวทัศน์
หลินซีนเยียนมองเขาแวบหนึ่งอย่างเยียบเย็น พลางกล่าวอย่างเงียบๆ “ตอนนี้ พวกท่านให้คนติดตามของพวกท่านออกไปก่อน แต่ละต้นตระกูลตั้งคนที่เป็นหัวหน้าคนหนึ่งอยู่ที่นี่ก็ได้แล้ว”
หลี่ห่ายและเสี่ยวหลงดำเนินการตามโดยพลัน หลิงหงเห็นพวกเขาทั้งสองต่างก็ให้ผู้ติดตามออกไปแล้ว ลังเลอยู่เล็กน้อย จึงค่อยให้คนติดตามของตนเองออกไปเช่นเดียวกัน
หลังจากที่คนอื่นๆ ถูกคัดออกจากด้านในสวนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเพียงหลินซีนเยียนกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ “คำร้องขอของข้านั้นง่ายมาก พวกท่านสามตระกูลร่วมมือกันช่วยอี้เซิงให้นั่งตำแหน่งบัลลังก์ฮ่องเต้ประเทศหมันโดยราบรื่น อีกประการ…ช่วยเขาถอนรากถอนโคนขั้วอำนาจของโจว่เฉิง”