ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 459
ตอนที่459โม่จื่อเฟิงที่ไม่มีใครรับรู้
ดูเหมือนว่านางได้คิดไว้แล้วว่าหรงเย่ต้องถามนางเช่นนี้นางจึงไม่ได้แสดงท่าทีพิรุธอะไรในทางกลับกันนางได้เตรียมคำตอบไว้แล้วจึงตอบกลับไปว่า“พานางไปเป็นเรื่องธรรมดาในเมื่อนางเคยเดินทางไปที่กำเนิดเกิงจีนพร้อมกับโม่จือเฟิงมาแล้วทางเปิดปิดในนั้นนางก็เคยผ่านมาแล้วอีกอย่างมีคนไปเพิ่มอีกคนก็ไม่ลำบากอะไรไม่แน่อาจได้ใช้ประโยชน์จากนางหากประตูเปิดปิดทุกครั้งข้าตอนลงแรงเองคนเดียวมันคงเสียเวลาไม่น้อย”
“ช่างเถอะ”กับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้หรงเย่ก็ไม่อยากพูดมาก
ภายใต้การสั่งการของหรงเย่ทุกคนขึ้นรถม้าหลินซีนเยียนพาหนีหว่านและเสี่ยวหลงขึ้นรถม้าที่อยู่ตรงกลางด้านหน้ามีรถม้าของหรงเย่เดินนำขบวนด้านหลังมีผู้เฒ่าหลายคนดังนั้นถึงว่านางได้รับการคุ้มกันอย่างดี
รถม้าเดินทางในที่คดเคี้ยวระหว่างภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและผ้าม่านก็สามารถมองเห็นเหวได้แต่ม้าและรถม้าเหล่านี้แตกต่างจากรถม้าทั่วไปการเดินบนถนนสายนี้ราบเรียบอย่างน่าประหลาดใจ
เงินสามารถทำให้กลายเป็นผีและการมีเงินสามารถทำให้รถม้าเหล่านี้มีเสถียรภาพหัวใจของหลินซีนเยียนเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกแต่ดวงตานั้นจ้องมองอย่างเย็นชา
นางมองกลับไปที่บ้านของตระกูลหรงในระยะไกลและมีรอยยิ้มเย็นๆปรากฏที่มุมปากของนางบางทีนี่อาจเป็นภาพสุดท้ายที่นางจะได้เห็นบ้านของตระกูลหรง
จากบ้านของประมุขหรงไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดรถม้าเดินทางมาครึ่งวันในคืนนั้นขบวนเดินทางได้พักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
หลินซีนเยียนและหนีหว่านพักห้องเดียวกันเสี่ยวหลงก็พักห้องใกล้ๆพวกนาง
หลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จหลินซีนเยียนก็กลับมาที่ห้องพักซึ่งมีสองเตียงหนีหว่านนอนเตียงที่ใกล้หน้าต่างบนหัวเตียงมีอาหารวางไว้อาหารนั้นไม่ได้มีการรับประทานแม้แต่น้อย
“ทำไมไม่กิน?”หลินซีนเยียนขมวดคิ้วนั่งลงข้างเตียงของหนีหว่าน
นางได้ยินเสียงเช่นนั้นดวงตาของหนีหว่านค่อยๆเปลี่ยนใสขึ้นเล็กน้อยนางไม่ตอบคำถามหลินซีนเยียนแต่กลับถามกลับไปว่า“เจ้า…คิดถึงเขาไหม?”
หลินซีนเยียนคิดไม่ถึงว่าหนีหว่านจะถามเช่นนี้เขาพยุงนางขึ้นแล้วนำหมอนรองด้านหลังไว้จากนั้นก็ยกถ้วยข้าวขึ้นและคีบผักใส่ในถ้วยเล็กน้อยอีกด้านก็ค่อยๆป้อนข้าวหนีหว่านกยิ้มแล้วตอบว่า“คิดถึงสิ”
หนีหว่านยกยิ้มขึ้นมุมปากเล็กน้อย“เจ้าเป็นคนที่ตรงไปตรงมาไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายท่านทำเพื่อเจ้าได้มากมายเช่นนี้”
หลินซีนเยียนไม่ได้เงยหน้าขึ้นน้ำตาเริ่มคลอเมื่อพูดถึงโม่จื่อเฟิงน้ำเสียงของนางก็อบอุ่นขึ้น“ใช่สิเขาทำอะไรไม่เคยปรึกษาหารือกับข้ามาก่อนยิ่งไม่เคยอธิบายอะไรกับข้ายิ่งยโส…เหมือนกับนกยูงตัวหนึ่ง”
หนีหว่านเห็นท่าทางของนางเช่นนั้นทันใดนั้นก็มีความอิจฉาในสายตานาง นางออกมาพูดช้าๆว่า:”เจ้ารู้หรือไม่ก่อนที่เจ้าจะปรากฏตัวขึ้นข้าแอบรักนายท่านมาเป็นเวลาหลายปีข้าเห็นผู้หญิงมากมายที่อยู่ข้างกายเขาข้าเห็นว่าเขาใช้ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการล้างพิษอาจเป็นเพราะเขาเกลียดตัวเองที่ถูกควบคุมโดยพิษดังนั้นเขาจึงลงมืออย่างร้อนแรงกับผู้หญิงเหล่านั้นและข้ารักเขามากแต่ข้าไม่มีความกล้าที่จะเข้าหาเขา”
น้ำเสียงของหนีหว่านเต็มไปด้วยความขัดแย้งแต่ทว่าภายใต้ความขัดแย้งนั้นหลินซีนเยียนกลับได้ยินเสียงที่แสดงถึงความสุขออกมา
“แต่ว่า…เมื่อเจ้าปรากฏตัวขึ้น…”คำพูดของหนีหว่านเปลี่ยนไปทันที“ข้าคิดไม่ถึงว่าในขณะที่เจ้าได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากเขาแต่ว่าในขณะเดียวกันเจ้าก็ค่อยๆซึมซับเข้าไปในหัวใจของเขา ข้าสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงได้พิเศษมากสามารถทำให้เขายอมรับในตัวเจ้าได้ต่อมาข้าถึงได้รู้ว่าเจ้าแตกต่างจากผู้หญิงเหล่านั้นมากเพราะตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าไม่เคยสนใจในรูปร่างหน้าตาและฐานะของเขาดวงตาของเจ้าใสบริสุทธิ์จนน่ากลัว”
“ตอนนี้เจ้าจะพูดถึงสิ่งเหล่านี้ยังมีความหมายอะไรในเมื่อเขา…ไม่อยู่แล้ว“หลินซีนเยียนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หนีหว่านยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นไม่หยุดและพูดต่อไปว่า:”อาจเพราะรู้ว่าชีวิตของข้าเหลือไม่มากนักดังนั้นข้าจึงอยากจะพูดในสิ่งที่ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดมาก่อนถึงแม้เจ้าไม่อยากจะฟังแต่ข้าก็อยากจะพูดดวงตาของเจ้าใสบริสุทธิ์เกินไปมันเป็นสิ่งที่คนประเภทอย่างพวกข้าที่อาศัยอยู่บนปลายมีดและเลือดต้องการมันมาตลอดชีวิตแต่ก็ไม่สามารถมีได้ตลอดทั้งชีวิตดังนั้นคนประเภทเจ้าจึงเป็นที่ดึงดูดสำหรับผู้คนอย่างพวกข้า”
หลินซีนเยียนเงียบไปสักพักนางยกถ้วยจนเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยเล็กน้อยแต่นางก็ยังถืออยู่อย่างนั้นไม่วางลง
”เจ้ารู้ไหมว่าความทุกข์ทรมานของนายท่านนั้นเกินกว่าที่เจ้าคิดมากนักเขาเห็นได้ชัดว่าเขาต้องทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นกับผู้หญิงเพื่อบรรเทาพิษในร่างกายของเขาแต่เพื่อเจ้าแล้วเขาจึงดื่มเลือดเพื่อระงับพิษเท่านั้นดังนั้นในตอนท้ายการที่เขาได้รับบาดเจ็บจึงทำให้พิษในร่างกายของกำเริบอย่างรุนแรงพิษกำเริบตอนนี้ทำให้เขาพิการครึ่งท่อนอย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเสียใจมันเป็นเรื่องน่าขันนักเห็นได้ชัดว่าเขาต้องพยายามมากแค่ไหนกว่าจะมีอำนาจอย่างตอนนี้แต่เนื่องจากเขาต้องการให้ร่างกายของเขาภักดีต่อเจ้าเขาจึงได้กลายเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์เช่นนั้น”
หนีหว่านพูดจาราวกับประชดนางดูเหมือนอยากจะหัวเราะแต่ว่าน้ำตากลับไหลลงมา
”สิ่งที่ทำให้ข้าเจ็บมากที่สุดคือทั้งๆที่เขารู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าคิดไม่ซื่อกับเจ้า แต่เพื่อที่จะบังคับเจ้าให้ออกไปเขาเลือกที่จะทำร้ายศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า เจ้าคิดว่าการที่เจ้านำร่างของศิษย์พี่ใหญ่เจ้าไปแล้วเรื่องมันจบลงแล้วหรือ?”หนีหว่านส่ายหัวของนางและยิ้มอย่างเย็นยะเยือก“ไม่หลังจากที่เจ้าจากไปแล้วนายท่านบอกให้ข้าพาเขาเดินตามไปพวกเจ้าไปเจ้ารู้หรือไม่เมื่อเขาเห็นเจ้าเป็นลมลงท่ามกลางหิมะเช่นนั้นนายท่านมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นน้ำตาของนายท่าน”
ฟังถึงตรงนี้หลินซีนเยียนเงยหน้าขึ้นมาด้วยความแปลกใจนางไม่รู้เลยว่าตอนนั้นที่นางแบกร่างของเซียวฝานแล้วเป็นลมไปที่แท้โม่จื่อเฟิงก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น
“นายท่านให้ข้าไปเคาะประตูเรียกสองสามีภรรยาคู่นั้นแล้วให้ข้านำร่างเซียวฝานออกไปเขามองดูสองสามีภรรยาคู่นั้นช่วยชีวิตเจ้าด้วยตัวเองถึงได้วางใจแล้วจากไป”น้ำเสียงของหนีหว่านมีความรู้สึกเจ็บปวด
““เซียวฝาน…”หลินซีนเยียนพึมพำไปมาวางตะเกียบลง“ที่แท้คนที่คนที่นำร่างของศิษย์พี่ไปก็คือพวกเจ้าพวกเจ้าพาเขาไปที่ไหน…”
หนีหว่านถอนหายใจแล้วพูดว่า“ยังไปที่ไหนได้อีกสำหรับเจ้าแล้วเซียวฝานสำคัญขนาดไหนนานท่านที่รู้ใจเจ้าเช่นนั้นคนสำคัญของเจ้าก็คือคนสำคัญของนายท่านฝังข้าไว้ในที่เป็นส่วนตัวและฮวงจุ้ยดีและยังคำนับต่อหน้าหลุมของเซียวฝานถึงแม้ร่งกายจะขยับไม่ได้แต่เขาก็ให้พวกข้าจับเขาก้มคำนับเก้าครั้งตั้งแต่เกิดมานายท่านไม่เคยต้องก้มคำนับใครเช่นนี้นายกล่าวไว้ว่าเขาติดหนี้เซียวฝานและยังออกคำสั่งว่าวันคืนแรม15ค่ำของทุกวันให้ไปทำความสะอาดนายท่านบอกว่าคนตายไม่อาจฟื้นคืนแต่ว่าคนที่สามารถทำให้นายท่านถึงขนาดนี้ได้เซียวฝานในใต้หล้านี้ก็คงมีเขาเพียงคนเดียว”