ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 487
ตอนที่487เรื่องราวของตระกูลเฟิ่ง
”นี่คือก้อนหินผันหรอ?”หลี่ห่ายรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเดินขึ้นไปข้างหน้ามองดูหินก้อนโตก้อนนั้นอย่างละเอียดดวงตาสองข้างเป็นประกาย
หลี่อวี๋นซ่านเพราะว่าหลินซีนเยียนเลยรู้สึกผิดในใจดังนั้นสำหรับหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าก็แค่เหลือบสายตามองดูแวบหนึ่งดวงตาทั้งสองข้างยังคงมองไปยังหลินซีนเยียนอย่างอาลัย
หลี่ห่ายหันหน้ามาเห็นหลี่อวี๋นซ่านที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปในทันทีตะคอกเสียงเบาๆว่า:”ซ่านเจ้ายื่นบื้ออยู่ทำไมรีบมาดูนี่นี่คือก้อนหินผัน?”
หลี่อวี๋นซ่านได้สติกลับมาถึงจะเดินไปข้างๆหลี่ห่ายแล้วดูก้อนหินอย่างละเอียดทางด้านหินหยกหลี่อวี๋นซ่านถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเขาพยักหน้า”ใช่ก้อนหินผัน”
ตอบแบบง่ายๆราวกับไม่ได้รู้สึกถึงความดีใจเสียเท่าไหร่จากตัวเขาเลยแต่หลี่ห่ายหลังจากที่ได้คำตอบยืนยันจากเขาแล้วกลับแสดงออกอย่างดีอกดีใจ
คิดไม่ถึงเลยจริงๆสถานที่ซ่อนสมบัติของตระกูลเฟิ่งช่างไม่ธรรมดาจริงๆซ่อนไว้ในก้อนหินผันที่ใหญ่ขนาดนี้ก้อนหินผันก้อนนี้เป็นสมบัติที่มีอยู่ไม่มากนักบนโลกนี้ยิ่งในตำนานกล่าวว่าบนก้อนหินผันซ่อนเคล็ดลับอายุยืนไว้ด้วยเมื่อสองร้อยปีก่อนจักรพรรดิประเทศจูได้รวบรวมกำลังพลทั้งหมดถึงจะหาเจอเพียงแค่เล็บชิ้นเล็กๆว่ากันว่าเล็บชิ้นเล็กๆนั้นมีมูลค่าสามารถแลกกับเมืองเมืองหนึ่งได้เจ้าดูสิก้อนหินผันของที่นี่สูงถึงสิบฟุตเชียวนี่มัน….ช่าง…”
หลี่ห่ายตื่นเต้นจนพูดจาสั่นเครือเมื่อเทียบกับเกิงจีนแล้วมูลค่าของก้อนหินผันก้อนนี้มีค่ามากกว่าหนึ่งหมื่นเท่าไม่ต้องพูดถึงในถ้ำแห่งนี้ยังมีถ้ำเล็กๆอยู่อีกสี่สิบเก้าถ้ำตต่อให้ไม่มีแต่ก้อนหินผันก้อนนี้ก็เพียงพอสำหรับตระกูลหลี่ที่จะใช้สำหรับอำนาจที่มั่นคงแล้ว
”อ้อ”แววตาของหลี่อวี๋นซ่านยังคงมืดมนเหมือนเดิมเพียงแค่ตอบรับความตื่นเต้นของหลี่ห่ายเบาๆก็เท่านั้น
มุมปากของหลินซีนเยียนเหยียดยิ้มเยือกเย็นไม่ขายหน้ากับความรู้สึกของหลี่ห่ายแต่ว่าสายตากลับถูกก้อนหินตรงหน้าดึงดูดไว้ก้อนหินผันมีความรู้สึกเหมือนดั่งในตำนานจริงๆนางอดคิดไม่ได้เลยว่าตระกูลเฟิ่งที่ร่ำรวยมหาศาลเช่นนี้อำนาจจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนแล้วทำไมถึงมาถึงจุดที่ตกต่ำกันนะ?
ในใจยังคงสับสนงุนงงนางเลยไม่ทันสังเกตเห็นหลี่ห่ายที่ตื่นเต้นจนแบมือไปลูบก้อนหินผันก้อนนั้นรอจนนางดึงสติกลับมาก็ห้ามไม่ทันเสียแล้ว
ทุกคนยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกว่าถั้งถ้ำสั่นไหวขึ้นมาอย่างกะทันหันดินทรายที่อยู่บนหัวร่วงลงมาไม่ยอมหยุดก่อนหน้าเพราะว่าก้อนหินผันก้อนนี้เลยสว่างเหมือนกลางวันตอนนี้จู่ๆก็ราวกับหมอกหนาทึบเห็นชัดเจนเพียงแค่ด้านหน้าบริเวณพื้นที่สามนิ้วเท่านั้น
”เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ห่ายตะคอกเสียงต่ำอย่างตื่นกลัว
หลินซีนเยียนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแค่รู้สึกว่าพื้นดินที่ล่างเท้าก็สั่นไหวดีที่เสี่ยวหลงที่อยู่ข้างๆช่วยพยุงนางไว้นางถึงไม่ล้มลงไปกองกับพื้น
”ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษตระกูลเฟิ่งจะลงโทษคนนอกซะแล้ว”หลินซีนเยียนคาดเดาแบบนี้แล้วก็สั่งเสี่ยวหลงว่า:”พยุงข้าไปที”
จนถึงทุกวันนี้เสี่ยวหลงก็เชื่อฟังหลินซีนเยียนอย่างว่าง่ายดังนั้นเลยพยุงนางเดินไปทางก้อนหินผันก้อนนั้น
หลินซีนเยียนแบบมือสัมผัสก้อนหินผันก้อนนั้นปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ไหลเข้ามานางคิ้วขมวดเข้าหากันสำรวจก้อนหินผันก้อนนั้นต่อก่อนหน้านี้เพราะว่สหลี่ห่ายสัมผัสกับก้อนหินผันก้อนนี้เลยทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นถ้างั้นก็ควรที่จะตามหาเบาะแสจากด้านบนนี้ถึงจะถูก
นางสำรวจไปด้วยก็พบว่าก้อนหินผันก้อนนี้ดูเหมือนผิวจะเรียบเนียนแต่จริงๆกลับยังมีส่วนที่นู้นเว้าไม่เสมอกันอยู่นางเข้าไปมองใกล้ๆอย่างละเอียดถึงจะพบว่าบนก้อนหินผันก้อนนั้นสลักตัวอักษรเล็กๆไว้เป็นแถวๆ
ในของนางเต้นตุบตับรีบอ่านตามตัวอักษรพวกนั้นทันทีหลังจากอ่านดูถึงรู้ว่าที่แท้ตัวอักษรเล็กๆที่สลักอยู่บนก้อนหินผันนี้ที่แท้ก็บันทึกประวัติของบรรพบุรุษตระกูลเฟิ่งที่เก่งกาจที่สุดคนนั้นไว้ความรู้สึกของหลินซีนเยียนยิ่งลึกล้ำขึ้นไปอีก
ที่แท้บรรพบุรุษของตระกูลเฟิ่งก็คือนักบวชหญิงรุ่นที่ห้าของตระกูลเฟิ่งอำนาจของนักบวชหญิงตระกูลเฟิ่งคนนั้นยางใหญ่ไปจนถึงยุคที่รุ่งเรืองที่สุดแต่ว่าด้วยการขยายอำนาจนิสัยของนางเลยเปลี่ยนตามไปด้วยการเติบโตตามอายุทำให้นางไม่เห็นใครอยู่ในสายตาจนกระทั่งพบเจอกับชายคนหนึ่ง
ราวกับเป็นพรหมลิขิตนักบวชหญิงตระกูลเฟิ่งที่อยู่กันคนละโลกกลับมอบหัวใจทั้งหมดให้แก่ชายคนนั้นแต่น่าเสียดายในตอนที่ชายคนนั้นเข้ามาในตระกูลเฟิ่งและได้รับความไว้วางใจจากนักบวชหญิงตระกูลเฟิ่งแล้วก็คิดแผนการลับที่จะขโมยทุกอย่างไปจากตระกูลเฟิ่งเพื่อให้ได้สายเลือดพิเศษของตระกูลเฟิ่งเขาจึงใช้ลูกของตนกับนักบวชหญิงตระกูลเฟิ่งมาเป็นเครื่องมือเปิดประตูใหญ่แห่งดินแดนลับตระกูลเฟิ่ง
ในดินแดนลับของตระกูลเฟิ่งสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ก็คือความลับของสายเลือดพิเศษตระกูลเฟิ่งและพลังที่จะดำเนินชีวิตอยู่ของตระกูลเฟิ่งชายคนนั้นลงมือฆ่าลูกของตนเองในดินแดนลับใช้เลือดของเด็กเพื่อวาดคราบแหล่งที่มาของพลังตระกูลเฟิ่งที่โชคดีก็คือในตอนที่เขากำลังจะทำสำเร็จพิธีการแล้วนั้นนักบวชหญิงตระกูลเฟิ่งก็ปรากฏตัวนางใช้พลังทั้งหมดของนางทำลายแผนการของชายคนนั้นแต่ว่านักบวชหญิงตระกูลเฟิ่งก็เสียคนรักและลูกไปในเวลาเดียวกันนางทนรับความเจ็บปวดนี้ไม่ไหวตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีแรงจะลุกขึ้นสู้อีกเลย
ส่วนตระกูลเฟิ่งเพราะว่าแหล่งกำเนิดพลังถูกทำให้แปดเปื้อนแล้วก็สูญเสียพลังพิเศษไปอีกด้วยไม่มีพลังพิเศษมาปกป้องตระกูลเฟิ่งก็เหมือนกับมีความสามารถแต่กลับถูกทำร้ายทรัพย์สินเงินทองและสมบัติมากมายที่มีอยู่สุดท้ายก็นำมาซึ่งความต้องการในอำนาจทุกอย่าง
ก่อนนักบวชหญิงตระกูลเฟิ่งจะสิ้นชีวิตก็ให้คนของตระกูลเฟิ่งนำทรัพย์สินตระกูลเฟิ่งมาซ่อนไว้ในดินแดนลับแห่งหนึ่งแล้วก็ใช้พลังพิเศษเล็กน้อยสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเลือดของตนเองสำเร็จพิธีการอย่างหนึ่งพิธีการนี้จะทำให้สายเลือดที่สืบทอดต่อมารุ่นหลังของตระกูลเฟิ่งปรากฎเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่งมหัศจรรย์ที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตระกูลเฟิ่ง
หลินซีนเยียนอ่านจนถึงตรงนี้ใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหันนางคิดๆดูนางน่าจะเข้าใจเรื่องมหัศจรรย์ที่นักบวชหญิงคนนั้นพูดถึงหมายความว่าอย่างไร
นางที่เป็นวิญญาณจากโลกอนาคตกลับข้ามมิติมายังร่างของผู้หญิงยุคโบราณคนนี้นี่ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่งรึไง?
ดังนั้นคนของตระกูลเฟิ่งที่รอคอยก็คือนาง?
”แม่นางเจ้าดูอะไรอยู่หรือ?ที่นี่จะถล่มแล้วใช่หรือไม่?”เสี่ยวหลงเห็นหลินซีนเยียนจ้องก้อนหินผันจนเหม่อลอยเลยอดที่จะเอ่ยปากเตือนไม่ได้
หลินซีนเยียนได้สติมองเสี่ยวหลงอย่างประหลาดใจเล็กน้อยแล้วถามขึ้น:”ตัวอักษรที่อยู่ข้างบนนี้เจ้ามองไม่เห็นหรอ?”
”ตัวอักษร?”เสี่ยวหลงคิ้วขมวดแล้วส่ายหน้า”ข้าไม่เห็นอะไรเลย”
หลินซีนเยียนนิ่งเงียบในใจยิ่งเข้าใจชัดเจนแล้วก็ยิ่งมั่นใจแล้วว่าร่างนี้ก็คือเรื่องราวของตระกูลเฟิ่งรุ่นหลัง
บนก้อนหินผันตัวอักษรเล็กๆบรรทัดสุดท้ายก็บอกวิธีเปิดกลไกในถ้ำแห่งนี้ไว้ด้วยมันง่ายมากแค่ใช้เลือดก็พอแล้วถึงแม้ว่าพลังลึกลับในสายเลือดพิเศษของตระกูลเฟิ่งจะหายไปแล้วแต่สุดท้ายก็ยังคงเหลือสถานที่พิเศษไว้ส่วนหนึ่งดังนั้นสายเลือดพิเศษจะไม่สามารถถูกผู้อื่นรับผิดชอบแทนและสวมรอยได้
ดวงตามองดูแรงสั่นในถ้ำแห่งนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆหลินซีนเยียนไม่รอช้าอีกต่อไปรีบกัดหัวนิ้วมือตนเองทันทีแล้วใช้เลือดที่ออกมาจากหัวนิ้วมือกดลงบนก้อนหินผัน
เลือดของนางได้ผลไม่นานถ้ำที่สั่นไหวอยู่นี้ก็ค่อยๆสงบลงมีเพียงแต่หมอกหนาที่ผิดคาดไม่ยอมจางหายไปกลับหนาขึ้นกว่าเดิมเสียอีกตอนนี้นางเลยสามารถมองเห็นแค่ระยะรอบๆใกล้ๆเท่านั้นส่วนข้างกายนางตอนนี้มีเพียงเสี่ยวหลงคนเดียวเท่านั้นหลี่อวี๋นซ่านหลี่ห่ายและคนอื่นๆมองไม่เห็นเลยสักคนเดียว