ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 54
ตอนที่ 54 ผู้หญิงที่ไม่กลัวตาย
ตั้งแต่วันนั้นมา หลินซีนเยียนก็มีเวลาศึกษาภาพวาด อาวุธหน้าไม้อยู่ในห้องนานยิ่งขึ้น
มู่เหอได้นำของที่เธอต้องการมาให้ครบหมดแล้ว เธอ อาศัยความเชี่ยวชาญในการออกแบบอาวุธ เพียงครึ่ง เดือนเธอก็สามารถประดิษฐ์ชิ้นส่วนอาวุธหน้าไม้ได้หลาย ชิ้น ถึงจะยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกัน แต่ก็สามารถมอง เห็นเป็นรูปร่างของอาวุธหน้าไม้ได้
“แม่นางหลิน!” มู่เหอได้มาเคาะที่หน้าประตูห้องของเธอ หลังจากได้รับอนุญาตจากเธอก็ผลักประตูเข้ามา “ แม่ นางหลิน ท่านไม่ได้ออกจากห้องมาหลายวันแล้ว วันนี้ที่ นอกเมืองมีงานวัด สาวใช้ในจวนอ่องต่างก็พากันไปเที่ยว ชม หากท่านอยากไปก็สามารถตามไปได้เลยนะขอรับ”
แน่นอนว่าเขาต้องตามไปด้วย เพราะคำสั่งของท่าน อ๋อง เพียงแค่หลินซีนเยี่ยนอยากออกจากจวน เขาก็ต้อง ติดตามเธอออกไปด้วยทุกหนทุกแห่ง
หลินซีนเยียนไม่ได้สนใจงานวัดเท่าไรนัก เธอกำลัง ประดิษฐ์ชิ้นส่วนหนึ่งอยู่ จึงคิดอยากจะปฏิเสธไปตรงๆ แต่จู่ๆ เธอกลับคิดถึงอี้เซิง เธอไม่ได้เจออี้เซิงมาเกือบครึ่ง เดือนแล้ว เด็กคนนั้นต้องไม่เคยไปเที่ยวงานวัดอย่าง แน่นอน
เธอครุ่นคิดอยู่สักพักก็เอ่ยปากขึ้น ” งั้นก็ดีเลย ข้ายังไม่ เคยไปเที่ยวงานวัดเลยสักครั้ง น่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย แต่ข้าอยากจะไปหาท่านอ่องก่อน จะได้นำชิ้นส่วนที่ข้า ทำได้สำเร็จแล้วไปให้เขาดูด้วย”
พอพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก น้ำเสียง และสภาพจิตใจไม่ปรากฏความโศกเศร้าออกมาเลยสัก นิด คล้ายกับเด็กสาวไร้เดียงสาคนหนึ่งที่นำของรักของ ตนเองไปเพื่ออยากได้การยอมรับจากพวกผู้ใหญ่
มู่เหอเห็นท่าทางของเธอ อดไม่ได้ที่จิตใจจะไม่อยู่กับ เนื้อกับตัว หลายวันมานี้ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหลินซีนเยียน ได้เปลี่ยนจากเดิมราวกับเป็นคนละคน แต่ว่าแบบนี้ก็ ดีแล้ว เมื่อก่อนหลินซีนเยียนชอบทำหน้าอมทุกข์ ใคร ที่ไหนจะมาชอบ พอตอนนี้ดีขึ้นอย่างมาก มีความเขินอาย คงจะซ่น และมีชีวิตชีวาอย่างเด็กผู้หญิงทั่วไป ท่านอ๋อง คงจะชื่น ชอบอย่างแน่นอน
“มู่เหอ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ รับเดินตามข้ามาสิ หรือเจ้า จะไม่ไปกับข้าแล้ว?” หลินซีนเยียนหันหน้ากลับมาส่งรอย ยิ้มอ่อนหวานให้กับเขา
มู่เหอตกตะลึง จากนั้นก็รีบเดินตามไป
บริเวณห้องตำราของอ๋องอู่เสวียนมักจะเงียบสงบ เพราะแถวนี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงดังเลยสักคน
แต่ว่า หลังพระอาทิตย์ตก กลับมีเงาชุดสีม่วงเข้มก้าว เข้ามาในบริเวณลานบ้านของห้องตำราอย่างรวดเร็ว เธอ เดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนอย่างดีอกดีใจ ” ท่านอ๋อง ท่าน
อ่อง ข้ามีอะไรให้ท่านดูด้วย!”
เหล่าองครักษ์เงาอยากจะปรากฏตัวออกไปขวาง แต่ พอเห็นในห้องตำรา เจ้านายไม่ได้ออกคำสั่งอะไร พวก เขาคิดไปคิดมาก็กลับเข้าไปในที่ซ่อนเดิมอีกครั้ง
หลินซีนเยี่ยนหยุดตรงหน้าห้องตำรา ” ท่านอ๋อง ท่านออกมาดูสิเพคะ ข้าเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่กล้าเข้าไปใน ห้องตำราของท่าน มิเช่นนั้นอาจจะบอกว่าข้าไม่ยอมทำ ตามกฎระเบียบเอาได้”
“เจ้าแหกปากตะโกนเช่นนั้นถือว่าทำตามกฎงั้นรี?” โม่ จื่อเฟิงส่งเสียงเย็นชาออกมา จากนั้นก็เห็นเขาเปิดประตู จากห้องตำราออกมา “มีของอะไรถึงรีบร้อนมาให้ข้าดูรี?”
หลินซีนเยียนราวกับไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มีเหล่าองครักษ์ เงาที่คอยระวังภัยให้ท่านอ๋องได้แฝงตัวอยู่ เธอถือของชิ้น เล็กขึ้นมาในมือ แล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ท่านดูนี่ ข้าทำ แบบจำลองได้แล้ว ถึงจะยังไม่ได้สมบูรณ์ดีนัก แต่ก็ คล้ายอยู่ 6-7 ส่วนนะเพคะ ”
โม่จื่อเฟิงมองไปที่มือของเธอ เห็นหน้าไม้ขนาดเท่ากับ ฝ่ามือ เขาเดินเข้าไปใกล้และหยิบมันพลิกไปพลิกมาดู สายตาของเขาจ้องมองมันอย่างครุ่นคิด เจ้าเป็นคนทำ จริงๆ รี?”
“เป็นอย่างไรล่ะ? ข้าเก่งหรือไม่? ” หลินซีนเยียนฉีกยิ้ม ใบหน้าที่ยิ้มแย้มยามโดนแสงแดดกระทบทำให้คนมอง แล้วรู้สึกหวั่นไหว แต่น่าเสียดายความดำมืดที่อยู่ก้นบึ้ง ของหัวใจกลับไม่ได้ปรากฏออกมาด้วย
บางครั้ง เรื่องระหว่างขาวกับดำจริงๆ แล้วมีเส้นกั้นไว้ อยู่ จิตใจของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว สีดำนี้เพียงพอที่ ทำให้เธอใช้สีอันบริสุทธิ์มาระบายตนเอง
โม่จื่อเฟิงเงียบไปสักพักก็เอ่ยขึ้น “เก่งมาก!”
เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับในผลงานของเธอ หากคนอื่น รู้เข้า เกรงว่าต้องตะลึงจนอ้าปากค้างแน่ แต่ถึงอย่างไรในชีวิตนี้อ่องอู่เสวียน โม่จื่อเฟิงเป็นคนที่ยอมรับในเรื่อง ต่างๆ ได้น้อยมาก น้อยจริงๆ !
” ของมันแน่อยู่แล้ว อาจารย์ของข้าท่านนั้นเก่งกาจอย่า บอกใครเชียว ได้เป็นถึงลูกศิษย์ของเขา หากข้าไม่เก่ง จริงจะทำได้อย่างไรล่ะ?” หลินซีนเยียนหาข้ออ้างให้ ตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ เธอเล่นหูเล่นตากับ โม่จื่อเฟิงอ ย่างไม่กลัว “ท่านอ่อง เพื่อที่จะทำให้ท่านมีความสุข ข้า ยอมขังตนเองอยู่ในห้องตั้งครึ่งเดือนไม่ได้ออกจากห้อง เลยสักก้าว ท่านว่า ตอนนี้ข้าก็ทำของสิ่งนี้ให้ท่านแล้วก็ มาก ท่านควรจะให้รางวัลกับข้าไม่ใช่รี?”
โม่จื่อเฟิงจ้องมองรอยยิ้มล่มเมืองของเธอ มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เกือบจะเผลอตัว จะว่าไป จนถึงวันนี้เขาเพิ่งจะเธอยิ้ม อย่างงดงามเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาลำบากที่จะยิ้มออกไป “เจ้าอยากได้อะไรรี? ”
“ได้ยินมู่เหอบอกว่าวันนี้มีงานวัด คือข้า ข้าอยากจะ. อยากจะไปเดินเที่ยวงานวัดกับท่านอ๋องเพคะ”เธอเข้ามา โอบเอวของเขาราวกับเป็นเด็ก การกระทำแบบนี้ทำให้มู่ เหอที่ยืนอยู่ห่างๆ และเหล่าพวกองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ กลับรู้สึกขนลุกซู่กันถ้วนหน้า
สตรีผู้นี้บังอาจเกินไปแล้ว! กล้ามาโอบเอวของท่าน อ่องอย่างรักใคร่ในที่สาธารณะตอนฟ้าสางเช่นนี้ได้ อย่างไรกัน! นาง นางไม่อยากจะมีชีวิตแล้วรี! มีองครักษ์เงาหลายคนที่เดิมพันกันเรียบร้อยแล้ว พวก
เขาเดิมพันว่า ท่านอ๋องต้องผลักนางผู้หญิงหน้าไม่อายคน
นี้ออกไปอย่างแน่นอน
แต่ทว่า ผลลัพธ์มันกลับทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง
โม่จื่อเฟิงเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้ผลักหลิน ซีนเยียนออก กลับกวาดตามองคนที่อยู่ล้อมๆ อย่างเยือก เย็น
มู่เหอสะดุ้งตัว รีบหันหลังไปทันที เหล่าองครักษ์เงา กลับรู้สึกว่าตนเองต้องหดตัวให้เล็กกว่านี้อีก ส่วนอีก หลายคนก็ปิดตาของตนเอง
หลินซีนเยียนไม่เป็นวรยุทธจึงไม่รู้สึกถึงการมีตัวตน ของเหล่าองครักษ์เงา แต่คนฉลาดอย่างเธอ มีหรือที่จะ ไม่รู้ว่ามีดวงตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมาอยู่
แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ และยังคงโอบเอวของเขาอยู่ “ท่านอ๋อง ข้าเอาใจท่านมาตั้งครึ่งเดือน เรื่องเล็กน้อยแค่ นี้ ท่านยังไม่รับปากอีกรี? ”
เมื่อเหล่าองครักษ์ ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนล้วนหวาดกลัว จนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พวกเขาติดตาม โม่จื่อเฟิงมา หลายปี ไม่ต้องพูดถึงไปเดินเที่ยวงานวัดกับสตรีให้ เปลืองแรงเลย แค่ทนสตรีที่ทำตัวเหมือนเด็กก็ยังจะเป็น ไปไม่ได้เลย สตรีผู้นี้กล้าพูดอย่างไม่อายปากตนเองเลย จริงๆ!
มู่เหอและเหล่าองครักษ์เงาต่างนับถือในความกล้าหาญ ของหลินซีนเยียนอย่างมาก!
คำตอบของ โม่จื่อเฟิงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขายิ่ง รู้สึกหวาดผวา หลังจากผ่านไปสักพัก ตอนที่พวกเขาคิด ว่า โม่จื่อเฟิงจะทนไม่ไหวจนโกรธจัด แต่ โม่จื่อเฟิงกลับ เอ่ยเพียงคำว่า “ได้! “คำเดียว
ได้?
พวกเขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า?
อ่องอู่เสวียน โม่จื่อเฟิงรับปากคำขอร้องของสตรีผู้นี้
จริงๆ รี?
มีองครักษ์เงาคนหนึ่งอึ้งจนเหยียบคานบ้านพลาดจึง ร่วงลงมา จนก้นกระแทกกับพื้นดังตุ้บ!
องครักษ์เงาคนนั้นก็คงนิ่งอยู่เฉยไม่ขยับไปไหน เมื่อ เห็น โม่จื่อเฟิงสะบัดเพียงแขนเสื้อ องครักษ์เงาคนนั้นก็ ปลิวหายไปทันที ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างก็ก้มหน้าภาวนายุบหนอ พอง
หนอ ไม่กล้าแม้จะส่งเสียงดัง