ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต - ตอนที่ 9
ตอนที่ 9 พิษงู
ยามที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ในที่สุดฝนก็หยุดตก จินมู่ที่ยืน อยู่บนหัวเรือมาทั้งคืนก็ไม่ได้เห็นนายท่านของตนเอ งกลับมา ดวงตาของเขา แดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด หลัง จากลังเลอยู่หลายรอบ สุดท้ายเขาจึงออกคำสั่งให้ทุก คนออกตามหาท่านอ๋อง
ยามเช้าหลังฝนคล้ายกับว่าทั้งโลกได้ชำระล้างละ อองฝุ่นไปหมด อากาศที่สุดชื่นยังส่งกลิ่นหอมของ ดอกเหมยอบอวลไปทั่ว
เพียงเสียดายหลินซินเยียนที่ตื่นขึ้นจากริมแม่น้ำไม่ ได้มีอารมณ์ชื่นชมความงามของทิวทัศน์ในยามนี้เท่า ไรนักนางกำลังสะลึมสะลืออยู่เมื่อแหงนหน้ามองท้อง ฟ้าสีครามแสงสว่างจากพระอาทิตย์ได้แผ่คลุมไปทั่ว พื้นดิน
นางยังมีชีวิตอยู่!
หลินซินเยียนยิ้มอย่างสะใจปล่อยท่อนไม้ที่เกาะ ลอยมา เพราะไม้ท่อนนี้นางถึงรอดชีวิตมาได้
นางใช้พลังทั้งหมดไปกอดเกาะท่อนไม้มาเป็นเวลานาน มือของนางสั่นอยู่เพราะใช้แรงเกิน นางกัดฟัน แน่นหยิบกิ่งไม้ดันตัวเองขึ้นจากพื้นและก้าวเดินไป ข้างหน้าอย่างยากลำบากแต่มั่นคง
เดินมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงด้วยความหิว นางรู้สึก ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ทันใดนั้นก็เห็นต้นแพร์ป่าอยู่ ใกลๆ นางทิ้งกิ่งไม้และรีบเดินไปอย่างล้มลุกคลุก คลานเก็บลูกแพร์ป่ามาสองลูก กัดคำใหญ่ๆ โดยไม่ สนใจรสชาติที่ขมและฝาด
“แค่กๆ”นางกินรีบจนสำลักอยู่หลายครั้ง ในเมื่อ เป็นเช่นนี้นางก็ยังคงเขมือบกินอย่างเต็มที่
ลูกแพร์ป่าหลายสิบลูกหายไปอย่างพริบตานางจึง เรอหลังจากกินอิ่ม
“ลูกแพร์รสชาติแย่ขนาดนี้เจ้ายังกินเข้าไปได้ ชา ติที่แล้วเกิดเป็นหมูรี”
ทันใดนั้นก็มีเสียงบุรุษที่พูดหยอกล้อทำให้หลินซิ นเยียนสะดุ้งตกใจ นางรีบหันไปดูและพบว่าคนผู้นั้น กำลังยืนพิงอยู่ด้านหลังต้นแพร์
นางเดินอ้อมต้นแพร่ไปเห็นหน้าของบุรุษที่นั่งอยู่ บนพื้นอย่างชัดเจน นางส่งเสียงตกตะลึงออกมาอย่างอดไม่ไหวคนผู้นี้มีสีหน้ามืดดำ ใบหน้าบวมเป่ง มอง ไม่ออกว่าหน้าเดิมเป็นอย่างไรพอมองก็รู้ว่าเขาโดน พิษรุนแรงแน่ๆ
เพียงแต่นางตาฝาดไปรีดวงตาของบุรุษผู้นี้ นาง มองกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนโดนพิษรี” โม่จื่อฟง สายตาคมคล้ายกับมีดแหลมคมมองไปที่ยังหน้าของ หลินซินเยียนน้ำเสียงยิ่งเย็นชาขึ้น
ตอนที่สตรีผู้นี้ปรากฏตัวออกมาเขาก็จำนางได้ทันที พยายามตามหาแทบตายไม่เจอพอเลิกหาเลิกสนใจ กลับได้มาง่ายๆ จินมู่ออกตามหานางเท่าไรก็หาไม่ เจอแต่กลับทำให้เขามาเจอนางที่นี่
เพียงแต่การบังเอิญเจอครั้งนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี เขาที่ อยู่สภาพจนมุมอย่างนี้ย่อมไม่อยากให้ใครมาเห็น เข้า!
ความโกรธที่แปลกประหลาดทำให้หลินซินเยียน นงงมาก โดนเขาโกรธโดยไม่รู้สาเหตุน้ำเสียงของ นางก็ไม่ค่อยเข้าหูคน” ในป่าลึกขนาดนี้เจ้าโด นพิษใกล้ตายแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะมาพบข้า เข้าไม่ขอให้ข้าช่วยก็ช่างเถอะ ทำไมต้องดุใส่ข้าด้วย เจ้าไม่ อยากมีชีวิตแล้วรึ? ”
“เจ้านี่นะจะช่วยข้าได้” โม่จื่อฟงส่งเสียง”ฮีอย่าง เยือกเย็นหันหน้าไปข้างๆแม้สายตาเหยียดหยามก็ไม่ ให้นาง
คนน่าสังเวชย่อมมีจุดน่าชัง คำพูดนี้ก็ไม่ผิด หลิน ซินเยียนส่ายหน้าแล้วหันหลังกำลังจะเดินจากไปนาง ไม่ใช่นักปราชญ์ สำหรับคนผู้นี้แล้วนางยิ่งไม่รู้สึก สนใจที่ช่วยเหลือเขาสักนิด
เพียงเดินจากไปไม่กี่ก้าวนางก็หยุดเดิน สายตา มองไปยังหยกที่อยู่ตรงสายคาดเอวของโม่จื่อฟง ดวงตาเป็นประกายทันที
“หากข้าช่วยเจ้า เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร”หลิน ซินเยียนเดินกลับมานั่งยองๆตรงหน้าของโม่จื่อฟง และยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา มุมปากก็ยิ้มอย่างจิ้งจอก เจ้าเล่ห์
มีช่วงขณะหนึ่งโม่จื่อฟงหยุดหายใจ สตรีผู้นี้ตอน พูดจำเป็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้เลย
“อยากได้อะไรก็พูดมาจะถามข้าทำไม”ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น โม่จื่อฟงที่ฉลาดหลัก แหลมจะมองไม่ออกได้อย่างไร
หลินซินเยียนชูนิ้วโป้งออกมาต่อหน้าเขา”ดูเหมือ นว่าเจ้าจะไม่ใช่คนทั่วไป คาดใจคนอื่นได้เก่งขนาดนี้ งั้นข้าก็ไม่อยากเสียเวลาแล้ว ข้าอยากได้หยกที่อยู่ ตรงสายคาดเอวของเจ้า”
ทั้งตัวนางไม่มีเงินเลยสักแดง ถึงจะเดินออกมาจาก ป่าแต่ก็ไม่สามารถกินอิ่มใส่อุ่นได้ หากมีหยกที่มีรา คาสูงใช้ไปแลกเงิน การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของนางก็จะ ง่ายมากขึ้น
นางไม่ใช่คนที่ประเมินตนเองสูงไป การเผชิญหน้า ในสังคมที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ กลอุบายล้วนไม่ใช่สิ่ง สำคัญ ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้ตนเองมีชีวิต สะดวกสบายยิ่งขึ้น มีชีวิตดียิ่งขึ้นต่างหาก
โม่จื่อฟงหรี่ตาลงสักพักใหญ่เขาจึงยิ้มอย่าง ยั่วเย้า”เจ้ารู้หรือไม่ว่าหยกที่สายคาดเอวของข้ามี ราคาเท่าไหร่”
“ข้าไม่จำเป็นต้องรู้ข้าเพียงต้องรู้ว่ามันสามารถ แลกเงินได้ก็พอ ส่วนมันจะได้ราคาเท่าไหร่หากมันได้น้อยข้าก็ไม่รู้สึกเสียเปรียบ หากมันได้มากข้าก็จะ ถือว่าโชคดี”หลินซินเยียนตอบไปตามตรงยื่นมือไป ดึงหยกที่ตรงสายคาดเอวของเขา
โม่จื่อฟงถึงจะสูญเสียพลังไปมากแต่ก็ยังมีแรงที่ จะหยุดการกระทำของนางอย่างง่ายดาย”เจ้ายังไม่ ช่วยข้าเลยทำไมถึงคิดที่จะเอาหยกของข้าไปอย่าง รอไม่ไหวเช่นนี้”
ฝ่ามือของเขาแม้มีเสื้อผ้าติดอยู่แต่ก็ยังคงร้อนดั่ง ลุกเป็นไฟ หลินซินเยียนใช้แรงดึงมือของตนเองกลับ มาและยักไหล่ขึ้น “ได้งั้นก็บอกข้าว่าโดนพิษอะไรมา”
ตอนที่หลินซินเยียนถามออกไปใบหน้าของโม่ จื่อฟงก็ปรากฏรอยยิ้มที่กินใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั้นในท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามพลบค่ำยิ่ง ทำให้ลึกลับมากขึ้น
ไม่รู้เหตุใดช่วงเวลานั้นหลินซินเยียนรู้สึกเสียใจที่ ตนเองได้ตัดสินใจทำเช่นนี้
เสี่ยววินาทีต่อโม่จื่อฟงเปิดปากพูดอย่างเยือก
เย็น”พิษงู! ถอนพิษก็ง่ายมากเพียงเจ้าดูดพิษส่วน ใหญ่ออกจากบาดแผลของข้า ส่วนพิษที่เหลือข้าสามารถขับออกเองได้”
บุรุษผู้นี้มีความรู้มืดมนกับหลินซินเยียนเพียงใช้ ลางสังหรณ์ นางคาดได้ว่าเรื่องนี้ย่อมไม่ง่ายอย่างที่ เขาพูดอย่างแน่นอน”แล้ว…บาดแผลของเจ้าอยู่ตรง ไหน”
โม่จื่อฟงเงียบกริบราวกับว่าชื่นชมสีหน้ากังวลและ ไม่สบายใจของนางในรอยแตกของกิ่งไม้มีแสงอบอุ่น ส่องเข้ามา รอยยิ้มที่มุมปากของเขาลึกล้ำกว่าเดิม จากนั้นก็พูดออกมาช้าๆ”ที่บั้นท้าย”
“อะไรนะ? “หลินซินเยียนคิดว่าตนเองได้ยินผิด ไปแต่สีหน้าของโม่จื่อฟงกลับจริงจังอย่างมาก
“เห็นหรือไม่ ข้าพูดแล้วเจ้าช่วยข้าไม่ได้ ตอนนี้เจ้า สามารถไปจากสายตาของข้าแล้ว!”สายตาของ โม่ จื่อฟงมีความเสียใจผ่านไปน้ำเสียงเต็มไปด้วยความ เยือกเย็น
บรรยากาศตอนนี้เงียบสงบลงหลินซินเยียนกับโม่ จื่อฟงกำลังมองหน้าคุมเชิงกันผ่านไปสักพักก็ยังไม่ มีใครพูดสักคำ
แสงสว่างส่องลงมาตรงกลางของทั้งสองคนมีเพียงฝุ่นดินที่พัดหมุนวนไปมาให้การพิสูจน์ว่าเวลายังคง ผ่านไปอยู่ พอคิดถึงต้องไปเลียบั้นท้ายของบุรุษ ไม่ คือดูดพิษ งูตรงบั้นท้ายต่างหาก เส้นเลือดปูดตรงหน้าผากของ
หลินซินเยียนอดที่จะบุกขึ้นมาไม่ได้ งูตัวนี้แสนรู้จริงๆ กัดที่ไหนไม่กัดไปกัดส่วนที่ไม่น่าอภิรมย์อย่างยิ่ง นางไม่ใช่หมอทำไม่ได้ว่าสายตามีแต่คนไข้ไม่มีค วามอภิรมย์ แต่หากเป็นหมอจริงไม่ว่าบาดแผลจะอยู่ ส่วนไหนนางล้วนไม่มีทางเลือก…
ถ้างั้นจะยอมเห็นคนแปลกหน้าคนนี้ตายอยู่ต่อหน้า หรือว่าจะยอมลดทิฐิและช่วยเขาดูดพิษงูออกจากนั้น ก็ได้หยกที่มีราคาสูง สองทางเลือกนี้ทางเลือกแรก สำหรับนางแล้วก็ไม่มีผลดีอะไรเลย
“ถอดกางเกง! “สุดท้ายหลินซินเยียนกำหมัดแน่น และตะโกนพูดออกไปสามคำ