ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 444 ตีแสกหน้า / ตอนที่ 445 ไม่ยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 444 ตีแสกหน้า / ตอนที่ 445 ไม่ยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ตอนที่ 444 ตีแสกหน้า
หลิงจ้ายเทียนถือพระราชเสาวนีย์อย่างชอบอกชอบใจ ใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายก็วางลงได้แล้ว ในที่สุดกำหนดวันมงคลสมรสก็ออกมาเสียที ครึ่งเดือนต่อจากนี้จะต้องไม่มีเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ต้องคอยดูหลิงอวี้จื้อไว้ให้ดีๆ ให้นางได้ออกเรือนไปอย่างราบรื่น
“หลิวกงกง ลำบากท่านแล้ว ดื่มชาสักถ้วยแล้วค่อยไปเถิด”
หลิงจ้ายเทียนต้อนรับหลิวกงกงผู้นำสาสน์มาให้อย่างกระตือรือร้น
หลิวกงกงโบกมือ
“มิต้องหรอกขอรับ บ่าวยังต้องกลับไปปฏิบัติภารกิจต่อ ความเมตตาของท่านมหาเสนาบดีหลิงบ่าวรับด้วยใจแล้วขอรับ
ยินดีกับคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ ไม่นานก็จะได้เป็นพระชายาท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว ช่วงเวลานี้ต้องเตรียมตัวให้ดีๆ เรียนรู้กฎเกณฑ์ต่างๆ เอาไว้ให้มาก เมื่อคุณหนูตระกูลเฉินเข้ามาแล้วยังต้องพึ่งพาให้คุณหนูใหญ่อีก”
“คุณหนูตระกูลเฉินอะไรกัน”
หลิงอวี้จื้อได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ จึงถามขึ้น
หลิวกงกงเพิ่งรู้แจ้งในบัดดล
“อ้าว คุณหนูยังไม่รู้อีกหรือขอรับ คนที่จะแต่งเข้าจวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พร้อมกับคุณหนู ยังมีคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินอีกคนหนึ่งขอรับ
เพียงแต่คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินเป็นพระชายารอง อีกสักครู่พระราชเสาวนีย์งานอภิเษกสมรสก็คงส่งถึงจวนตระกูลเฉินแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินเป็นสตรีมีความสามารถชื่อดังในเมืองหลวง คาดว่าคงจะเข้ากับคุณหนูใหญ่ได้เป็นอย่างดีขอรับ”
เมื่อครู่หลิงอวี้จื้อยังยินดีปรีดาอยู่เลย ข่าวนี้เหมือนมาตีแสกหน้าเธอ ยิ้มไม่ออกอีกแล้ว รีบถามต่อ
“หลิวกงกง ท่านไม่ได้ล้อเล่นหรอกกระมัง!”
“เรื่องเช่นนี้บ่าวจะกล้าล้อเล่นได้อย่างไรขอรับ บ่าวต้องกลับไปปฏิบัติภารกิจแล้ว ขอตัวลา ณ ตรงนี้ขอรับ”
พูดจบหลิวกงกงก็ไปก่อน หลิงอวี้จื้องงงวยไปหมด นี่เป็นวันมงคลของเธอกับเซียวเหยี่ยนแท้ๆ ทำไมจู่ๆ ถึงมีเฉินปี้โผล่เข้ามา
ฉับพลันเธอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซียวเหยี่ยนถึงดูผิดปกติ เขารู้ก่อนแล้วใช่หรือไม่ ไม่ได้ เธอต้องไปหาเซียวเหยี่ยนเพื่อถามให้รู้เรื่อง ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เซียวเหยี่ยนรับปากเธอไว้แล้ว ระหว่างพวกเขาจะไม่มีใครอื่น เขาพูดคำไหนคำนั้นมาตลอด จะกลืนน้ำลายตัวเองได้อย่างไร
เซียวเหยี่ยนไม่มีทางทำกับเธอเช่นนี้เด็ดขาด หลิงอวี้จื้อคอยปลอบใจตัวเองซ้ำไปซ้ำมา อยากให้ตัวเองใจสงบลง สูดหายใจลึก เตรียมจะไปจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อตามหาเซียวเหยี่ยน เพิ่งจะก้าวขา หลิงจ้ายเทียนก็เรียกเธอให้หยุด
“อวี้จื้อ เจ้าทำอะไร”
“ท่านพ่อ จู่ๆ ข้าก็มีพี่น้องเพิ่มมาอีกคน ข้าก็ย่อมต้องไปถามให้รู้เรื่องว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่”
หลิงอวี้จื้อพยายามอย่างที่สุดที่จะให้ตัวเองใจเย็นๆ แม้แต่ใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้ม เพื่อไม่ให้หลิงจ้ายเทียนสั่งสอนตนเอง
แต่เสียดาย แม้ว่าจะทำเช่นนั้นแล้ว ก็ยังหนีไม่พ้นการเทศนาหนึ่งจบ
หลิงจ้ายเทียนดักหน้าหลิงอวี้จื้อไว้ พูดเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง
“อวี้จื้อ เจ้าจะทำตัวไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้ไม่ได้
ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่สามารถมีผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ เจ้านั่งตำแหน่งพระชายาเอกไว้ให้มั่นก็พอแล้ว
แต่งงานออกไปแล้ว ต้องท้องให้ได้ ขอเพียงครองใจท่านอ๋องไว้ได้ ให้กำเนิดลูกชายคนโตแก่ท่านอ๋อง ไม่ว่าจะมีชายารองอีกกี่คน ตำแหน่งของเจ้าก็ไม่สั่นคลอน”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกต่อต้านอย่างยิ่ง แต่ว่าเธอไม่อยากทะเลาะกับหลิงจ้ายเทียน ทะเลาะไปก็เปล่าประโยชน์ แถมยังเปลืองน้ำลายตัวเอง จึงพยักหน้าหงึกหงัก
“ท่านพ่อสั่งสอนถูกต้องเจ้าค่ะ เมื่อครู่ลูกวู่วามเกินไป ลูกจะกลับไปที่เรือน ท่านพ่อ ไม่ต้องกังวลเกินไปแล้ว ลูกรู้ว่าต้องทำอย่างไร”
“ถูกต้องแล้ว รีบไปเถิด ครึ่งเดือนนี้ไม่ต้องไปไหน รอออกเรือนอย่างสบายใจเถิด”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
หลิงอวี้จื้อตอบรับอย่างว่าง่าย พามั่วชิงกับหรูเยียนกลับเรือนตนเองไป
ตอนที่ 445 ไม่ยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
“คุณหนู พวกเราไม่ออกไปหรือเจ้าคะ”
มั่วชิงเห็นหลิงอวี้จื้อกลับเรือนจริงๆ จึงอดใจไม่ไหวถามขึ้นมา
“ต้องไปอยู่แล้ว โกรธจนแทบจะระเบิด นี่มันเรื่องอะไรกัน
เฟิงอิ๋นตายแล้วยังมีเฉินปี้มาอีกคน ข้าไม่ยักรู้เลยว่าท่านอ๋องของข้าจะเนื้อหอมปานนี้
นึกไม่ถึงว่ายังมีผู้หญิงที่ชอบเขายืนต่อแถวรออยู่ เฟิงอิ๋นเคยบังคับให้เซียวเหยี่ยนแต่งกับนาง ตอนนี้เฉินปี้กลายเป็นสะใภ้ที่กำลังจะแต่งเข้าบ้านอาเหยี่ยนเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าข้าจะกลายเป็นเมียหลวงไป น่าขันจริงๆ”
หลิงอวี้จื้อโกรธจนหน้าหงิกหน้างอ เมื่อครู่ได้รับพระราชเสาวนีย์ยังดีใจเริงร่าอยู่ นึกไม่ถึงว่าละครฉากเด็ดจะมาตอนท้าย ยังมีเมียน้อยโผล่มาอีกคน เพิ่งจัดการเรื่องทำนองนี้ให้หลิงจื่อเฉิงไปหยกๆ แล้วเรื่องเช่นนี้ก็มาเกิดขึ้นกับตัวเองตามมาติดๆ
“คุณหนู เกรงว่าเรื่องนี้คงมีการเข้าใจผิดกัน ท่านอ๋องรักและให้ความสำคัญกับคุณหนูขนาดนี้ ไม่มีทางสู่ขอพระชายารองง่ายๆ หรอกเจ้าค่ะ”
มั่วชิงอยู่กับเซียวเหยี่ยนมาหลายปี อย่างไรก็ต้องช่วยเซียวเหยี่ยนพูด
หลิงอวี้จื้อทำหน้าเย็นชา
“นี่ต้องเป็นฝีมือของไทเฮาแน่ ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาเหยี่ยนถึงยอมรับ เขาย่อมปฏิเสธนางได้อยู่แล้ว
ไทเฮายังขู่เขาได้ แต่หากเขาไม่พยักหน้ารับ พระราชเสาวนีย์นี้ก็คงไม่สามารถกำหนดออกมาได้ เรื่องนี้เขารู้ ซ้ำยังยินยอมด้วย”
นี่แหละเป็นจุดที่ทำให้เธอเสียใจที่สุด นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะยินยอม เขาก็คิดว่าผู้ชายมีเมียหลายคนเป็นเรื่องปกติใช่ไหม หรือว่าเฉินปี้มีประโยชน์อะไรกับเขา ด้วยเหตุผลทางการเมือง เขาจึงต้องแต่งงานกับเฉินปี้ แต่เธอยอมรับไม่ได้
เรื่องอื่นพูดคุยกันได้ง่าย มีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่ได้ เธอจะไม่เป็นเมียหลวงให้ใคร ทุกวันต้องคอยรับมือกับเมียน้อย ว่าอย่างไรน้องหนึ่งน้องสอง ถ้าเป็นเรื่องความรัก เธอจะไม่ยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
เธอจำเป็นต้องไปหาเซียวเหยี่ยนแล้วถามให้รู้เรื่อง ว่าเขาต้องสู่ขอเฉินปี้เข้าจวนให้ได้ใช่หรือไม่
“คุณหนู อย่าโมโหจนเสียสุขภาพเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องรักใคร่เอ็นดูคุณหนูขนาดนั้น แม้ในจวนจะมีพระชายารอง ท่านอ๋องก็ยังดูแลคุณหนูดีเช่นเดิมเจ้าค่ะ”
หรูเยียนรู้ว่าพระราชเสาวนีย์ออกมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ กลัวว่าหลิงอวี้จื้อจะทำเรื่องอะไรวู่วาม จึงตั้งใจพูดปลอบประโลมหลิงอวี้จื้อเช่นนี้
หลิงอวี้จื้อไม่ตอบ เพียงแต่เดินก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า ยิ่งเดินยิ่งเร็ว อ้อ ควรพูดว่ายิ่งเดินยิ่งโมโหต่างหาก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนขึ้นมาได้ ยิ่งรู้สึกว่าประชดกันชัดๆ
หรูเยียนกับมั่วชิงแทบจะต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามหลิงอวี้จื้อทัน
กลับไปที่เรือนแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ให้หรูเยียนไปหยิบชุดที่เบาสบายให้ตนชุดหนึ่ง จากนั้นสั่งมั่วชิงให้ไปสืบข่าวเรื่องเฉินปี้สักหน่อย เธออยากรู้ว่าเฉินปี้เป็นคนอย่างไรกันแน่
หรูเยียนกับมั่วชิงต่างออกไปแล้ว ชวีเหยาเห็นหลิงอวี้จื้อกระฟัดกระเฟียดกลับมา จึงถามด้วยความมึนงง
“อวี้จื้อ ใครมายั่วโมโหเจ้าเสียแล้วเล่า”
หลิงอวี้จื้อเข้าไปซบในอ้อมอกของชวีเหยาอย่างเศร้าใจ พูดเสียงเบาๆ
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้น ท่านแม่เจ้าขา ให้ข้าพิงสักหน่อยนะ”
“อวี้จื้อ มีเรื่องอะไรเศร้าใจก็พูดออกมา อย่าเก็บเอาไว้ในใจเลย”
“อื้ม ข้าเพียงแค่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้น ไม่นานก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ท่านแม่ ไม่ต้องห่วงข้านะ”
เรื่องพวกนี้คุยกับชวีเหยาไปก็ไร้ประโยชน์ นางจะต้องโน้มน้าวให้ตนยอมรับพระชายารองแน่
ผู้หญิงในยุคสมัยนี้ต่างรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก คนอย่างเธอแทบจะเป็นพวกแปลกคน คนแปลกคนเช่นนี้มีน้อยมาก ดังนั้นเธอจึงขี้เกียจพูดมาก พอถึงเวลาใครก็พูดชนะใครไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ก็อารยธรรมห่างกันตั้งกี่พันปี
ชวีเหยาตบหลังหลิงอวี้จื้อเบาๆ
“อวี้จื้อ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร แม่คนนี้ก็จะยืนอยู่ข้างเจ้าเสมอ”
“ดีเหลือเกินที่มีท่านแม่”
“ช่างเป็นเด็กโง่เสียจริง”