ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 644 เจ้าจะให้เราทำอย่างไร / ตอนที่ 645 ต้องเป็นปีศาจแน่
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 644 เจ้าจะให้เราทำอย่างไร / ตอนที่ 645 ต้องเป็นปีศาจแน่
ตอนที่ 644 เจ้าจะให้เราทำอย่างไร
เฉินม่อฉือจ้องหลิงอวี้จื้อนิ่ง เวลานี้ดวงตากลมโตอันมีชีวิตชีวาของหลิงอวี้จื้อเต็มไปด้วยความร้อนใจอันยากจะปิดมิด แม้เธอจะไม่ได้พูด แต่เฉินม่อฉือกลับเข้าใจดี เธออยากจะไปและอยากไปให้เร็วที่สุดด้วย
แม้จะเข้าใจดี แต่เขากลับตัดใจปล่อยหลิงอวี้จื้อไปไม่ได้ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะได้เธอมาครอบครอง
ในอดีตหลิงอวี้จื้อมักหัวเราะพูดคุยกับเขา แต่ตอนนี้แม้แต่ยิ้มเธอก็ไม่ยอมยิ้มให้ด้วยซ้ำ เธอมีแต่หวาดความระแวงและระวังตัว นี่คืออวี้จื้อที่เขาต้องการงั้นหรือ
เฉินม่อฉือถามตนเองอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับไม่อาจตัดใจปล่อยเธอไปได้ กระทั่งเกิดความคิดจะกักขังเธอไว้ข้างกายไปชั่วชีวิต ใช่แล้ว ขอเพียงหายาลบความทรงจำได้ หลิงอวี้จื้อก็จะลืมเซียวเหยี่ยนไปทันที
“อวี้จื้อ อีกสักระยะเจ้าก็คงดีขึ้น เราจะดูแลเจ้าอย่างดี”
“หม่อมฉันไม่ต้องการให้ใครดูแล แค่อยากให้ปล่อยหม่อมฉันไปเท่านั้น” หลิงอวี้จื้อไม่ชินที่ถูกเฉินม่อฉือกอดไว้เช่นนี้ จึงคิดจะผลักเขาออก แต่เขาไม่ยอมปล่อยมือ เธอออกแรงแค่ไหนก็ผลักเขาออกไม่ได้อยู่ดี
“ฝ่าบาท…” หลิงอวี้จื้อเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เด็กคนนี้ทำไมถึงดันทุรังนักนะ
ขณะที่เธอเผยอปากพูดนั้นเอง เฉินม่อฉือจึงฉวยโอกาสจูบเธอ จูบนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลิงอวี้จื้อจึงไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ดิ้นขลุกขลัก มือทั้งสองข้างก็ถูกเขาจับไว้แน่นจึงขัดขืนอะไรไม่ได้
หลิงอวี้จื้อโกรธจนทนไม่ไหว เธอไม่สนแล้วว่าเขามีฐานะเป็นอะไร จึงกัดริมฝีปากเขาอย่างแรง กลิ่นคาวเลือดค่อยๆ กระจายออกมาในปากของคนทั้งสอง
หลิงอวี้จื้อกัดอย่างแรงโดยไม่ปราณี เธอคิดว่าเฉินม่อฉือจะปล่อยแต่เฉินม่อฉือกลับไม่ยอมปล่อย กลิ่นคาวเลือดอันรุนแรงทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนออกมา เฉินม่อฉือต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ
ผ่านไปนานเฉินม่อฉือจึงปล่อยหลิงอวี้จื้อด้วยความเสียดาย เมื่อเห็นเฉินม่อฉือปล่อยตัวเอง หลิงอวี้จื้อก็ยกมือขึ้นตบหน้าเฉินม่อฉือทันที แล้วถอยห่างจากเขาไปหลายก้าวพร้อมทั้งมองเฉินม่อฉืออย่างพร้อมสู้ตาย
นางกำนัลและองครักษ์ออกไปจากห้องนี้นานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเห็นว่าเขาถูกตบหน้า เห็นชัดว่านี้เป็นครั้งแรกที่เขาถูกตบหน้าเช่นนี้ เขาคิดไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะตบเขา แม้แต่หลิงอวี้จื้อเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสัญชาตญาณป้องกันตนเองชนิดหนึ่ง
“เจ้า” เมื่อถูกตบ แม้เฉินม่อฉือจะหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองหลิงอวี้จื้ออย่างจริงจังนัก เขาเพียงทำหน้าบึ้งแล้วเอ่ยว่า “รสชาติของเจ้าไม่เปลี่ยนเลย อวี้จื้อ ตรงนี้ของเรามีเจ้าอยู่ เจ้าจะให้เราทำอย่างไรเล่า”
เฉินม่อฉือชี้ไปที่อกตนเอง ด้วยแววตาสับสนอย่างยิ่ง
เวลานี้คนทั้งสองต่างมีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน ริมฝีปากเฉินม่อฉือยังมีเลือดไหลอยู่ ทั้งยังปวมเป่งอีกด้วย ปากของหลิงอวี้จื้อก็แดงช้ำและบวมเช่นกัน เธอไม่ได้มองเฉินม่อฉือ น้ำเสียงที่เอ่ยก็เย็นชายิ่ง “หม่อมฉันเป็นคน ไม่ใช่สิ่งของ หม่อมฉันขอตัวก่อนแล้ว”
พูดจบหลิงอวี้จื้อก็เดินจากไป เฉินม่อฉือไม่ได้เรียกไว้เพราะรู้ว่าหลิงอวี้จื้อกำลังโกรธมาก แต่เมื่อครู่เขาห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ
ห้าปีก่อนเขาได้จูบกับหลิงอวี้จื้อเป็นครั้งแรก รสชาติของเธอยังติดอยู่ในหัวใจ หลายปีมานี่เขาไม่เคยจูบกับสตรีใดเลย เขาอยากเก็บจูบของตนไว้ให้หลิงอวี้จื้อเพียงคนเดียว
ตอนนี้การทวงคืนอำนาจช่างง่ายนัก วิธีที่ดีที่สุดคือใช้หลิงอวี้จื้อเป็นหมากล่อให้เซียวเหยี่ยนมาติดกับ ทำให้เซียวเหยี่ยนยอมศิโรราบ แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาไม่อยากหลอกใช้หลิงอวี้จื้อ แค่อยากให้เธอเป็นคนของเขา เขาไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนรู้เรื่องนี้แม้แต่น้อยด้วยซ้ำ
ตอนที่ 645 ต้องเป็นปีศาจแน่
เพราะไม่ต้องการให้เฉินปี้นำเรื่องนี้ไปบอกมู่หรงกวานเยว่ เฉินม่อฉือจึงวางยาพิษเฉินปี้ เพื่อให้เฉินปี้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ตอนนี้เฉินปี้พูดไม่ได้ มือก็ถูกเขาหักแล้ว ต่อให้นางจะอยู่ในตำหนักฉางเล่อก็ไม่มีทางบอกความลับนี้กับมู่หรงกวานเยว่ได้ ยามนี้เขาต้องเร่งหายาลบความทรงจำนั้นให้เร็วที่สุดเพื่อให้หลิงอวี้จื้อลืมอดีตทุกอย่าง
ขอเพียงหลิงอวี้จื้อลืมเซียวเหยี่ยน เรื่องนี้ก็จะจบลง เขาไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องของเขากับเซียวเหยี่ยน ต่อให้ต้องเสียโอกาสอันดีไปเขาก็ไม่เสียใจ
อวี้จื้อ ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว ต่อไปเซียวเหยี่ยนก็จะหายไปจากความทรงจำของเจ้า
เมื่อหลินฮองเฮาทราบเรื่องที่หลิงอวี้จื้อลงมือฆ่าเฉินปี้ต่อหน้าผู้คนในอุทยานหลวงก็ตกใจยิ่ง ผ่านไปนานจึงเรียกสติกลับมาได้
“ฮองเฮา หยวนเฟยช่างเหิมเกริมนัก ถึงกับกล้าสังหารคนต่อหน้าบ่าวไพร่”
ไห่ถังก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเช่นกันและที่รู้สึกเหลือเชื่อมากที่สุดคือท่าทีของเฉินม่อฉือ
เขาไม่ได้ลงโทษอันใดหลิงอวี้จื้อเลย เรื่องนี้จึงผ่านไปเช่นนี้ การโอนอ่อนเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกยากจะยอมรับและเข้าใจ
ไห่ถังเริ่มรู้สึกห่วงหลินฮองเฮาขึ้นมาบ้างแล้ว เฉินม่อฉือรักใคร่หยวนเฟยเพียงนี้ หากปล่อยให้อยู่ในวังต่อไป ภายหน้าต้องเป็นอันตรายต่อตำแหน่งของคุณหนูนางแน่
“ฝ่าบาทต้องถูกนางทำเสน่ห์ใส่แน่เพคะถึงได้แยกผิดถูกไมม่ออกเช่นนี้ หยวนเฟยทำผิดใหญ่หลวง แต่กลับไม่ตำหนิสักคำ”
หลินฮองเฮาเจ็ดปวดใจยิ่ง แววตาจึงหม่นหมองขึ้นมาทันที
แม้นางจะเป็นฮองเฮา แต่ความจริงแล้วนางอิจฉาหยวนเฟยยิ่ง นางได้รับความรักทั้งหมดของเฉินม่อฉือ แม้แต่พฤติกรรมอันเหลวไหลนั้น เฉินม่อฉือก็ยังอภัยให้นาง หากเปลี่ยนเป็นตนเองคงถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาไปนานแล้ว
หยวนเฟยกระทำการเหิมเกริมเช่นนี้ในวังหลังแต่เฉินม่อฉือยังปกป้อง นางที่เป็นฮองเฮายังไม่เทียบไม่ได้กับสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าผู้หนึ่ง
เมื่อเห็นท่าทีเศร้าหมองของหลินฮองเฮา ไห่ถังจึงรีบเอ่ยปลอบ “ฮองเฮา หยวนเฟยต้องเป็นปีศาจแน่เพคะ ฝ่าบาทแค่ลุ่มหลงนางไปชั่วขณะ ต่อไปจะต้องได้เห็นธาตุแท้ของนางแน่เพคะ”
“ฝ่าบาทคงไม่ทรงสนพระทัยถึงธาตุแท้ของหยวนเฟยว่าเป็นเช่นไรหรอก แต่ข้าเป็นฮองเฮา คงไม่อาจยอมให้สตรีผู้หนึ่งมาทำลายฝ่าบาทได้แน่ ไห่ถังเจ้าไปตำหนักฉังเล่อกับข้าที”
“ฮองเฮาจะไปเยี่ยมใต้เท้าเฉินหรือเพคะ”
แววตาของหลินฮองเฮาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “ข้าจะไปหาไทเฮา ยามนี้มีเพียงไทเฮาเท่านั้นที่จะหยุดฝ่าบาทได้ ไม่ว่าหยวนเฟยจะเป็นหลิงอวี้จื้อหรือไม่ ข้าก็คงต้องให้นางเป็นหลิงอวี้จื้อแล้ว ไปกันเถิด” “การปล่อยให้หยวนเฟยอยู่ในวังนั้นเป็นเรื่องผิดมหันต์จริงๆ ฮองเฮาไปเฝ้าไทเฮาก็ดีเหมือนกัน อย่างไรพระองค์ก็เป็นพระมารดาแท้ๆ ของฝ่าบาท เรื่องบางอย่างฮองเฮาไม่อาจออกหน้าได้ ไทเฮาออกหน้าย่อมดีกว่า”
ไห่ถังเห็นด้วยกับวิธีการของหลินฮองเฮายิ่ง นางรีบประคองหลินฮองเฮาไปที่ตำหนักฉังเล่อทันที
วันต่อมา หลังจากหลิงอวี้จื้อกินข้าวเช้าเสร็จก็ไปเดินเล่นหน้าลานศาลาฟังฝน ปากของเธอยังคงบวมอยู่ จึงไม่เหมาะจะไปพบเจอผู้คน เฉินม่อฉือให้คนส่งยามาให้ หลังจากทาแล้ว อาการบวมกลับไม่ทุเลาลงเลยมีแต่บวมยิ่งขึ้น เธอได้แต่ลอบด่าเขาอยู่ในใจ
เวลานี้เองเสียงของเสี่ยวเตี๋ยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “หยวนเฟย ฮูหยินมู่หรงมาเพคะ”
“มู่หรงฮูหยินคนใด”
หลิงอวี้จื้อยังไม่ทันเข้า แต่เมื่อเธอนึกได้ว่าคนผู้นั้นคือใครก็รีบหันกลับไปมองทันที
และนางก็เห็นจูจิ่นเดินเข้ามากับนางกำนัลผู้หนึ่ง เพียงแต่นางกำนัลผู้นั้นกลับเป็นจื่ออี โธ่เอ้ย ทำไมถึงเป็นจื่ออีไปได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน
หากเทียบกับเมื่อห้าปีก่อน จูจิ่นในตอนนี้ดูสุขุมขึ้นมาก ให้ความรู้สึกของคนที่เป็นมารดาแล้ว นางสวมชุดสีแดง รวบผมขึ้น จู่จิ่นทำความเคารพหลิงอวี้จื้อตามธรรมเนียม