ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 658 ไม่พบกันใหม่ / ตอนที่ 659 พบหน้าเจียงสืออีกครั้ง
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 658 ไม่พบกันใหม่ / ตอนที่ 659 พบหน้าเจียงสืออีกครั้ง
ตอนที่ 658 ไม่พบกันใหม่
อาการบวมที่ริมฝีปากของเขาหายดีแล้ว บาดแผลก็มองไม่เห็นแล้วเช่นกัน แต่เฉินมั่วฉือก็รู้ดีว่า ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันลืมเลือนหลิงอวี้จื้อ ในใจของเขาหลิงอวี้จื้อคือผู้ที่ไม่มีใครทดแทนได้
หลิงอวี้จื้อรู้สึกอึดอัดไม่น้อยจึงเงียบปากไม่พูดจาใดๆ เสียเลย
หลังจากที่เกี้ยวหยุด หลิงอวี้จื้อค่อยกระโดดลงจากเกี้ยว มั่วชิงคอยนางอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
หลิงอวี้จื้อส่งยิ้มให้กับเฉินมั่วฉืออีกครั้ง
“ฝ่าบาท รักษาตัวด้วย จากนี้พวกเราคงไม่พบกันอีกแล้ว”
จากกันวันนี้ ต่อไปคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว โอกาสที่นางจะได้พบเฉินมั่วฉืออีกครั้งมีไม่มาก
“ไว้พบกันใหม่
เฉินมั่วฉือแก้ไขให้ถูกต้องแทนหลิงอวี้จื้อ”
หลิงอวี้จื้อโบกมืออำลาโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก มั่วชิงก้าวเข้ามาหานาง จากนั้นคนทั้งสองก็จากไปพร้อมกัน ทั้งที่เฉินมั่วฉืออยากจะเรียกหลิงอวี้จื้ออีกสักครั้ง ทว่าคำพูดนั้นกลับขึ้นมาจุกอยู่ที่ปากแล้วก็ถูกเขากลืนลงไปในที่สุด
‘เรียกนางแล้วอย่างไรเล่า สุดท้ายนางก็ต้องไปอยู่ดี’
เฉินมั่วฉือมองตามแผ่นหลังของหลิงอวี้จื้อไป พลันก็เริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาในใจ เขาไม่อยากให้นางไป แต่เมื่อนึกถึงภาพหลิงอวี้จื้อกระอักเลือดนั้นแล้ว เขาก็ใจอ่อน นางยินยอมที่จะตายแต่ไม่ยินยอมที่จะอยู่ข้างกายเขา ซึ่งเขาจะปล่อยให้นางตายไม่ได้ เช่นนี้แล้วจึงคงเหลือเพียงทางเดียวนั่นก็คือปล่อยนางไป
หากชาติหน้ามีจริง และเขามิได้อายุน้อยกว่าหลิงอวี้จื้อ เขาและนางจะเป็นไปได้หรือไม่?
“ฝ่าบาท เอ่อ…”
เห็นเฉินมั่วฉือเอาแต่เงียบเชียบไม่พูดจา หลิวสี่ก็เริ่มที่จะร้อนใจ จึงก้าวเข้าไปเอ่ยถาม
นั่นทำให้เฉินมั่วฉือค่อยได้สติกลับมา เขาจึงสั่งการขึ้น
“ขึ้นเกี้ยวเถอะ!”
ขบวนเสด็จอันองอาจสง่างามเดินหน้าต่อไป ไม่มีใครได้เห็นที่เบื้องหลังผ้าม่านผืนหนาบนเกี้ยวนั้น เฉินมั่วฉือกำลังทอดถอนใจ ฮ่องเต้หนุ่มเอื้อมมือเข้าไปในอกเสื้อคว้าเอาเส้นผมกระจุกหนึ่งออกมา นี่คือเส้นผมของหลิงอวี้จื้อที่เขาแอบตัดเก็บไว้ เพื่อเก็บเป็นที่ระลึกต่างหน้าให้กับตนเอง
ออกจากวังมาได้ ทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก นั่นทำให้สภาพจิตใจของนางเบิกบานแจ่มใสประหนึ่งอยู่ในห้วงแห่งความฝัน หญิงสาวกระโดดโลดเต้นพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ ไปตลอดทาง มั่วชิงที่เดินตามมาด้านเห็นดังนั้นก็หยักยิ้มที่มุมปาก
สมกับเป็นพระชายาของพวกนางจริงๆ มีเพียงพระชายาเท่านั้นที่ชอบเดินด้วยท่าทางเช่นนี้
“มั่วชิง พวกเราออกจากเมืองตอนนี้เลยดีกว่า ป้องกันไทเฮาส่งคนมาตามฆ่าพวกเราอีก”
“เจ้าค่ะ น้อมรับคำสั่งพระชายา ข้าน้อยว่าพระชายาปลอมตัวสักหน่อยจะดีกว่านะเจ้าคะ”
เมืองหลวงไม่ปลอดภัย มั่วชิงเองก็อยากที่จะพาหลิงอวี้จื้อออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุดเช่นกัน ขอเพียงเข้าสู่อาณาเขตของเซียวเหยี่ยนได้ พวกนางก็จะปลอดภัย
โมชิงและหลิงอวี้จื้อผลัดเปลี่ยนชุดแต่งตัวเป็นชาย หลิงอวี้จื้อสวมใส่ชุดสีเทาทั้งชุดประดับด้วยหมวกบนศีรษะ ส่วนมั่วชิงสวมใส่ชุดสีดำทั้งชุด ซึ่งเดิมทีนางก็มีรูปโฉมที่งดงามอยู่แล้ว เมื่อสวมใส่ชุดของผู้ชายเข้าไปทำให้แลดูองอาจและรูปงามยิ่งนัก
มั่วชิงเช่ารถม้าหนึ่งหลัง หมออีกหนึ่งคน และแล้วรถม้าก็แล่นออกจากเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น ซึ่งเมื่อออกจากเมืองหลวงได้แล้ว มั่วชิงค่อยเข้ามารายงาน
“พระชายา ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าหมายถึงอาเหยี่ยน? เขาอยู่ที่ไหน?”
เพียงแค่ได้ยินว่าเซียวเหยี่ยน หลิงอวี้จื้อก็เริ่มซักไซ้ไล่เรียงทันที ไม่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่เดือน รู้สึกราวกับแรมปีอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งในความเป็นจริงเวลาก็ผ่านไปหลายปีนั่นเอง
“เมื่อวานข้าน้อยได้รับจดหมายจากอู่จิ้นเจ้าค่ะ อู่จิ้นบอกว่าท่านอ๋องออกจากเมืองอวิ๋นมาหลายวันแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึงเมืองหลวง”
“เขามาได้อย่างไรกัน?”
หลิงอวี้จื้อตกใจไม่น้อย
‘เจ้าคนโง่ ท่านควรจะรอข่าวอยู่ที่เมืองอวิ๋นมิใช่หรือ? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้างนอกอันตราย’
“ตอนนี้บ่าวยังติดต่อท่านอ๋องไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าท่านอ๋องพำนักอยู่ที่ไหน และท่านอ๋องก็ยังมิทราบว่าบ่าวหาพระชายาเจอแล้ว แต่บ่าวได้เขียนจดหมายถึงอู่จิ้น ให้อู่จิ้นหาวิธีแจ้งแก่ท่านอ่องให้ได้ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“ครั้งนี้ท่านอ๋องมิได้มากับอู่จิ้นหรอกหรือ?”
มั่วชิงส่ายหน้า
“ครั้งนี้ท่านอ๋องทรงเดินทางออกมาจากเมืองอวิ๋นอย่างลับๆ อู่จิ้นปลอมตัวเป็นท่านอ๋องอยู่ที่เมืองอวิ๋นแทน นอกจากคนสนิทสองสามคนแล้ว คนอื่นไม่มีใครล่วงรู้ว่าท่านอ๋องเดินทางออกจากเมืองอวิ๋น หลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านอ๋องทรงคิดถึงคะนึงหาพระชายามาโดยตลอด เมื่อมีข่าวของพระชายา ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ คิดว่าท่านอ๋องคงจะไม่อาจดูดายได้ ดังนั้นท่านอ๋องจึงต้องเดินทางมาตรวจสอบด้วยตัวเองสักครั้ง”
ตอนที่ 659 พบหน้าเจียงสืออีกครั้ง
“เช่นนั้นพวกเราก็ต้องหมั่นสังเกต เผื่อว่าพบอาเหยี่ยนระหว่างทาง”
หลังจากที่นางทั้งสองปรึกษาหารือกันแล้วเสร็จ จู่ๆ รถม้าก็หยุดฝีเท้าลง ซึ่งมั่วชิงสามารถรับรู้ได้ในทันที นางจึงกำชับหลิงอวี้จื้อว่า
“พระชายา อยู่ที่นี่อย่าไปไหนนะเจ้าคะ บ่าวจะออกไปดูด้านนอก”
มั่วชิงกล่าวจบก็พุ่งตัวออกไป เวลาผ่านไปสักครู่หลิงอวี้จื้อก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังแว่วเข้ามาจากด้านนอก หัวใจของนางเต้นระส่ำด้วยความตื่นตระหนก หรือว่าจะเป็นคนของมู่หรงกวานเย่ว์?
หลิงอวี้จื้อเลิกผ้าม่านขึ้นดู กระมั่งเมื่อมองเห็นคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับมั่วชิงได้ชัดเจนนั่นเอง หลิงอวี้จื้อก็ต้องเบิ่งตากว้างด้วยอาการตกตะลึง
‘แม่เจ้า คนผู้นั้นคือเจียงสือ’
ซึ่งก็แน่นอนว่ามั่วชิงย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงสืออยู่แล้ว ดังนั้นในเวลาเพียงไม่นานมั่วชิงก็เพลี่ยงล้ำได้รับบาดเจ็บ เจียงฉือใช้เท้าเตะนางจนล้มคว่ำ จากนั้นค่อยใช้กระบี่จ่อไปที่ลำคอของมั่วชิง
หลิงอวี้จื้อเห็นดังนั้นก็รีบกระโดดลงจากรถม้าเข้าขวางหน้าเอาไว้
“พี่ หยุดนะ”
ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างน่าแปลกยิ่งนัก เจียงสือผ่อนสีหน้าลงขณะที่มองดูหลิงอวี้จื้อวิ่งเข้ามา
“อวี้เอ๋อร์ มาหลบข้างหลังข้า”
หลิงอวี้จื้อแน่ใจว่าเจียงสือต้องคิดว่านางถูกมั่วชิงจับตัวมาเป็นแน่ เพราะหลายปีมานี้เซียวเหยี่ยนเอาแต่ติดตามหาเจียงสือมาโดยตลอด
“พี่ ท่านปล่อยมั่วชิงไปเถอะ”
“เพราะอะไรเจ้าถึงต้องขอร้องแทนมัน? มันคือศิษย์ทรยศของสำนักอู๋จี๋ วันนี้ถึงเวลาควรจะสำเร็จโทษคนทรยศมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง”
เจียงสือกล่าวจบก็เตรียมที่จะแทงกระบี่ลงไป หลิงอวี้จื้อเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปจับมือเจียงสือเอาไว้
“พี่ อย่า นางคอยดูแลข้าเป็นอย่างดีมาตลอดทาง นางมิได้มีเจตนาร้ายต่อข้า พี่ ปล่อยนางไปเถอะนะ! ขอร้องท่านละ”
หลิงอวี้จื้อกล่าวขอร้องไป พลางหันไปส่ายหน้าให้กับมั่วชิง เป็นเชิงว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก ตอนนี้เจียงสือยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของนาง จึงไม่มีทางทำร้ายนางเป็นแน่
เพราะหากเจียงสือล่วงรู้ขึ้นมา ถึงตอนนั้นเจียงสือจะทำอะไรกับนางก็ยังไม่รู้ เกิดเจียงสือปรุงยาพิษประหลาดขึ้นมาอีกละก็จะทำอย่างไร หลิงอวี้จื้อไม่อยากเสี่ยง
ตอนนี้เจียงสือและเซียวเหยี่ยนคือศัตรูคู่แค้นที่มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ เจียงสือโกรธแค้นเซียวเหยี่ยนนักหนา ส่วนกับหลิงอวี้จื้อเจียงสือก็ต้องการที่จะฆ่านางเพื่อสนองความสะใจของตนเองอยู่แล้ว
วูบหนึ่งที่ในดวงตาของเจียงสือฉายแววประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเจียงสือไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรหลิงอวี้จื้อจึงต้องขอร้องแทนมั่วชิงด้วย เพราะคนทั้งสองไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน
แม้ว่าเจียงอวี้จะเป็นคนจิตใจดี แต่นางก็ไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องในสำนักอู่จี๋มาก่อน ดังนั้นท่าทีของน้องสาวในครั้งนี้จึงแปลกประหลาดยิ่งนัก
“อวี้เอ๋อร์ เพราะอะไรเจ้าถึงขอร้องแทนศัตรู?”
“ข้าไม่อยากให้มั่วชิงต้องตาย พวกเราพี่น้องยากเย็นนักกว่าที่จะได้พบหน้ากันอีกครั้ง หากมือเปื้อนเลือดคงจะไม่เป็นมงคลเท่าไหร่นัก พี่ นางมิได้ทำร้ายข้าแม้แต่น้อย ขอร้องท่านละ ปล่อยนางไปเถอะ”
เหตุการณ์เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนทำให้หลิงอวี้จื้อคิดหาเหตุผลที่สมบูรณ์แบบได้ไม่ทัน ทำได้เพียงแค่แสร้งไม่รู้ไม่ชี้เพื่อเอาตัวรอด
จากการสังเกตดูหลายต่อหลายครั้ง หลิงอวี้จื้อพบว่าเจียงสือดีกับน้องสาวคนนี้มาก มากเสียจนถึงขนั้นยอมตามใจทุกอย่าง ดังนั้นการที่นางใช้วิธีการขอร้องเจียงสือเช่นนี้ เป็นไปได้มากทีเดียวที่จะสำเร็จ
ซึ่งก็จริงดั่งที่คาดการณ์ไว้ เจียงสือมิอาจต้านทานการขอร้องอ้อนวอนจากหลิงอวี้จื้อได้ นางตวัดกระบี่ออกจากคอของมั่วชิงแต่ก็ยังถีบไปที่ลำตัวของมั่วชิงอีกหนึ่งครั้ง
“วันนี้ข้าจะเห็นแก่ที่หลิงเอ๋อร์ขอร้องไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง แต่หากว่าข้าเจอเจ้าอีกครั้งละก็ ข้าในฐานะที่เป็นอาจารย์จะไม่ออมมือให้กับเจ้าอีกแล้ว มั่วชิง นึกไม่ถึงเลยว่าในบรรดาผู้คุมกฎทั้งสี่ เจ้าจะเป็นผู้ที่มีชีวิตรอดได้นานที่สุด”
มั่วชิงข่มความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ให้ตนเองเปล่งเสียงร้องออกมาเพราะรู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงสือ
หลิงอวี้จื้อพยักหน้าน้อยๆ ให้กับมั่วชิง เป็นเชิงว่าไม่ต้องเป็นห่วงตน จากนั้นจึงค่อยจากไปพร้อมกับเจียงสือ เวรกรรมแท้ๆ ไปๆ มาๆ นางก็ต้องกลับมาอยู่กับเจียงสืออีกจนได้
อัตลักษณ์นิสัยของมนุษย์ช่างเป็นสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งนัก เจียงสือเป็นหญิงโฉดชั่วเลวทราม นางกระทำเรื่องชั่วช้าสารพัด แต่คนเช่นนี้ก็มักจะเป็นพี่สาวที่แสนดีอยู่ร่ำไป นางรักเอ็นดูเจียงอวี้เข้าสายเลือดก็ว่าได้ ซึ่งจะกลับกลายเป็นคนละคนเมื่อเทียบกับเจียงสือที่อยู่ต่อหน้าผู้อื่น
เจียงสือมองสำรวจหลิงอวี้จื้อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทั้งยังเอ่ยถามท่าทางเป็นห่วงเป็นใย
“อวี้เอ๋อร์ เจ้ามิได้บาดเจ็บใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อวี้เอ๋อร์ เพราะข้ามิได้ปกป้องเจ้าให้ดี