ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 76-1
ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 76-1 ตกลงร่วมมือ
“อยากดื่มชานั้นย่อมได้ มีเรื่องอยากขอร้องก็ย่อมได้เช่นกัน แต่ไว้รอให้ชนะข้าได้ก่อนเถิด!”
เยี่ยหลีมองคุณชายเฟิ่งเย่ว์ที่กำลังจ้องมองตนด้วยสายตาเดือดดาลแล้วได้แต่นึกขันในใจ นางรู้ดีว่าตอนนี้หานหมิงเย่ว์ไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง นางยังรู้อีกด้วยว่าหานหมิงเย่ว์ไปอยู่ที่ใด ถึงแม้หานหมิงเย่ว์กับหานหมิงซีเป็นพี่น้องกัน แต่หานหมิงซีนั้นดูจะเจรจาได้ง่ายกว่าหานหมิงเย่ว์อยู่มาก ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งมวล ทำให้เยี่ยหลีไม่อยากพบหน้าหานหมิงเยว์ “คุณชายหานอยากพนันเรื่องอันใดหรือ”
หานหมิงซียิ้มพร้อมเลิกคิ้วขึ้น “ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้าหรอกนะ เมื่อครู่เจ้าเก่งกาจนักมิใช่หรือ เราพนันเขย่าลูกเต๋ากันก็แล้วกัน แทงสูงต่ำ”
เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้น แต่มิได้ปฏิเสธ “ได้สิ”
หานหมิงซียิ้มด้วยความพอใจ “ดี น่าสนุก หากเจ้าชนะข้าได้ เจ้าจะขอร้องให้ข้าช่วยเรื่องอันใดก็ได้”
เยี่ยหลียิ้ม “เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก ข้าน้อยไม่ชื่นชอบการร้องขอที่เกินกว่าเหตุสักเท่าใด หากข้ามีเรื่องจะขอให้ช่วยก็จะไม่ทำให้คุณชายหานต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไร…หากต้องการที่จะร่วมทำการค้ากันยาวๆ ต่างฝ่ายต่างก็ควรได้ประโยชน์ ท่านว่าจริงหรือไม่”
“น่าสนใจ” หานหมิงซีหัวเราะ “หากเจ้าแพ้เล่า จะทำเช่นไร”
เยี่ยหลีตอบว่า “หากข้าแพ้ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดเรื่องในวันนี้มาก่อน ข้าจะขอวางเดิมพันด้วยเงินสองแสนหนึ่งหมื่นตำลึงที่ชนะมาจากหอของท่าน”
“ตาเดียวรู้แพ้รู้ชนะ?” หานหมิงซีถาม
“เชิญ” เยี่ยหลียกมือขึ้นพร้อมเอ่ยตอบ
หานหมิงซีเพียงสะบัดแขนเสื้อ ฉินโบราณที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็ลอยไปตกลงชั้นอีกด้านหนึ่งทันที หานหมิงซีหยิบชุดลูกเต๋าออกมาวางลงบนโต๊ะ พร้อมพูดด้วยท่าทางถือดีว่า “เจ้าจะลองทดสอบลูกเต๋าดูก่อนก็ได้นะ”
เยี่ยหลีส่ายหน้า ก่อนผลักชุดลูกเต๋ากลับไป “ข้าน้อยเชื่อในเกียรติของหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์และเกียรติของคุณชายหาน คุณชายหานเชิญก่อน”
หานหมิงซีเบ้ปาก “แข่งสูงหรือแข่งต่ำ”
เยี่ยหลีนิ่งคิดเล็กน้อย “สูง”
หานหมิงซีส่งเสียงเหอะเบาๆ ก่อนหยิบถ้วยลูกเต๋าขึ้นรวบลูกเต๋าเข้าไปไว้ด้านใน แล้วเขย่าด้วยท่าทีไม่รีบร้อน เยี่ยหลีชื่นชมการเขย่าลูกเต๋าด้วยท่วงท่าสบายๆ ของหานหมิงซี ต้องยอมรับว่าท่าทางของเขาดูสบายตายิ่งนัก ถ้วยลูกเต๋าขยับไปมาเป็นรูปต่างๆ ประหนึ่งร่ายมนต์ แล้วในที่สุดเขาก็คว้ำถ้วยลงบนโต๊ะโดยแรง ก่อนยื่นหน้ามาเลิกคิ้วใส่เยี่ยหลี หานหมิงซีเปิดถ้วยลูกเต๋าออกโดยไม่มอง ส่วนเยี่ยหลีก็มองลูกเต๋าบนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบเฉย ลูกเต๋าที่เดิมมีอยู่สามลูก กลับกลายเป็นหกลูก ลูกเต๋าทั้งสามลูกถูกผ่าครึ่งตามแนวเฉียง กลายเป็นรูปพีรามิดเรียงตัวเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะ
“คุณชายหานมีกำลังภายในยอดเยี่ยมนัก สามสิบสามแต้ม”
หานหมิงซีดูจะอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก มองเยี่ยหลีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดูท่าคงจะใช้อันนี้ไม่ได้แล้ว คุณชายฉู่ใช้ชุดใหม่ก็ได้ เชื่อว่าคุณชายฉู่คงจะไม่ลอกเลียนแบบผู้อื่นกระมัง”
เยี่ยหลีสีหน้าราบเรียบ รับลูกเต๋าที่ทำจากงาช้างชุดใหม่มาจากหานหมิงซีด้วยท่าทีสบายๆ ท่าทางการเขย่าลูกเต๋าของเยี่ยหลีมิได้แพรวพราวเหมือนอย่างหานหมิงซี เยี่ยหลีเพียงจับถ้วยเต๋าเขย่าไปมาตามปกติ แม้แต่ความเร็วในการเขย่าก็ไม่ถือว่าเร็วนัก
บรรยากาศภายในศาลาริมน้ำเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงลูกเต๋ากระทบกับถ้วยเท่านั้น แต่สีหน้าหานหมิงซีที่นั่งอมยิ้มสบายๆ อยู่นั้นกลับค่อยๆ ดูเป็นกังวลขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ท่านั่งที่เดิมเอนพิงเก้าอี้สบายๆ อยู่ ก็กลับลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาจ้องเขม็งไปที่สีหน้าเรียบเฉยของเยี่ยหลี
เขาฟังไม่ออกเลยว่าแต้มบนหน้าลูกเต๋าจะออกมาเป็นเท่าไร แต่เขาไม่กังวลเรื่องแพ้ชนะสักเท่าไร เพราะสามสิบสามแต้มเป็นแต้มที่สูงที่สุดที่สามารถเขย่าออกมาได้แล้ว นอกเสียจากเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเลียนแบบวิธีการของเขา มิเช่นนั้นแล้ว เขาไม่มีทางเอาชนะตนได้อย่างแน่นอน
ปึง เยี่ยหลีคว่ำถ้วยลูกเต๋าลงบนโต๊ะ ก่อนอมยิ้มแล้วพูดกับหานหมิงซีว่า “คุณชายหานอยากลองทายดูหรือไม่ว่าแต้มจะเป็นเท่าไร”
หานหมิงซีปรายตามองนางด้วยสายตาดูแคลน “ไม่ว่ากี่แต้มเจ้าก็เอาชนะข้ามิได้หรอก เปิดออกเถิด ให้ข้าเห็นทีว่าคุณชายฉู่นั้นเก่งกาจเพียงใด”
เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้นยิ้ม “คุณชายหานพูดถูก”
ถ้วยลูกเต๋าค่อยๆ เปิดออก ลูกเต๋าทั้งสามลูกวางอยู่บนโต๊ะโดยไม่มีความเสียหายเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่…ลูกเต๋าทั้งสามลูกตั้งอยู่บนโต๊ะด้วยมุมเพียงมุมเดียว หน้าเต๋าด้านข้างเอียงชิดอยู่ด้วยกัน โดยลูกเต๋าทุกลูกมีหน้าเต๋าสองด้านที่หันขึ้น และทั้งสองด้านนั้นต่างก็เป็นหน้าห้าและหกพอดี นั่นหมายความว่า เยี่ยหลีเขย่าได้สามสิบสามแต้มเช่นเดียวกัน
เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “สามสิบสามแต้ม ถือว่าเสมอกัน คุณชายหานท่านว่าอย่างไร”
หานหมิงซีจ้องนางนิ่งอยู่พักใหญ่ แล้วจึงเอ่ยเสียงขรึมขึ้นว่า “เจ้าชนะแล้ว มีเรื่องอันใดก็ว่ามาเถิด” เขาเพียงโบกมือ แล้วถ้วยเขย่าพร้อมลูกเต๋าทั้งสามลูกก็ถูกส่งไปวางยังชั้นเก็บของทันที
หานหมิงซีพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ยกน้ำชาเข้ามา”
ในศาลาริมน้ำ เยี่ยหลีดื่มด่ำกับรสชาเซียงหมิงชั้นดีด้วยท่าทางพอใจ ไม่เสียแรงที่หอชิงเฟิงหมิงเย่ว์เป็นสถานที่ที่น่าอภิรมย์ที่สุดในใต้หล้า แม้แต่ชาก็สามารถเทียบได้กับของบรรณาการที่อยู่ในวัง
หานหมิงซีจ้องมองเยี่ยหลีด้วยสายตานิ่งลึก “คุณชายฉู่ ตอนนี้ท่านบอกได้แล้วกระมัง ว่าท่านต้องการพบเจ้าของเทียนอี้เก๋อด้วยเรื่องอันใด”
เยี่ยหลีวางถ้วยชาลง แล้วยกยิ้มน้อยๆ “อันที่จริงก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใด ข้าน้อยอยากเดินทางไปหนานเจียงในเร็วๆ นี้ จึงอยากทราบข่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในเมื่อเทียนอี้เก๋อได้ชื่อว่าเป็นหน่วยข่าวที่ดีที่สุดของต้าฉู่ ข้าน้อยจึงจำต้องทำหน้าหนามาขอร้อง”
เมื่อคนที่ไม่แพ้ตนเองมาเอ่ยยกยอเช่นนี้ สีหน้าหานหมิงซีจึงดูดีขึ้นเล็กน้อย เขาส่งเสียงเหอะเบาๆ ก่อนตอบว่า “คุณชายฉู่สามารถรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์กับเทียนอี้เก๋อได้นั้น ก็แสดงว่าข่าวของคุณชายฉู่มีประสิทธิภาพไม่น้อย จะต้องการความช่วยเหลือจากเทียนอี้เก๋อไปไย”
เยี่ยหลีเพียงหัวเราะ “ที่ข้ารู้เรื่องนี้…เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น คุณชายหานอย่าได้ถือโทษที่ข้าถือวิสาสะเลย แน่นอนว่าเทียนอี้เก๋อนั้นทำการค้าด้วยการขายข่าว ข้าน้อยเองย่อมจ่ายข้าตอบแทนให้ในจำนวนที่เทียนอี้เก๋อพอใจอย่างแน่นอน”
ตาหงส์ของหานหมิงเย่ว์หรี่ลง ก่อนเอนตัวลงพิงพนักมองเยี่ยหลีด้วยสายตาประเมิน “หือ ทำให้เทียนอี้เก๋อพอใจ…ดูท่าคุณชายฉู่จะมั่นใจในตนเองมากทีเดียว”
เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “ข้าน้อยเชื่อว่า ในเมื่อเทียนอี้เก๋อทำการค้าอย่างเปิดเผย คงไม่ตั้งราคาที่สูงเทียมฟ้าหรอกกระมัง”
“เหอะ! คุณชายฉู่คงไม่ได้คิดที่จะนำเงินที่ชนะพนันจากหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์มาจ่ายให้เทียนเก๋อหรอกกระมัง”
“จะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าน้อยมีร้านค้าสองร้านอยู่ในเมืองกว่างหลิงพอดี ถึงแม้จะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่เชื่อว่าน่าจะเข้าตาคุณชายหานอยู่บ้าง” เยี่ยหลีจิบชาด้วยท่าทีเรียบเฉยต่อไป ก่อนหันมองหานหมิงซีพร้อมยิ้มน้อยๆ
หานหมิงซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาที่มีแววร้ายกาจ พร้อมโปรยเสน่ห์ออกมาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ ถึงเสน่ห์ของเขาจะทำอันใดเยี่ยหลีไม่ได้ แต่นางก็ยังนึกชื่นชมในใจ เขาที่มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับหานหมิงเย่ว์อยู่มาก แต่ลักษณะท่าทางกลับแตกต่างกันลิบลับ
“ที่คุณชายฉู่พูดถึงคงมิใช่ร้านเครื่องหอมซวินหย่าเก๋อบนถนนเซวียนอู่ที่เพิ่งเปิดเมื่อครึ่งปีก่อนหรอกกระมัง” หานหมิงซีลองถามอย่างไม่ปิดบัง
เยี่ยหลีพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว ซวินหย่าเก๋อสามารถทำเงินได้เท่าไร คุณชายหานน่าจะรู้อยู่บ้าง ขอเพียงคุณชายหานสามารถให้ข้อมูลที่ข้าพอใจได้ ข้าจะแบ่งกำไรจากซวินหย่าเก๋อครึ่งหนึ่งให้กับคุณชายหานทุกปี”
“ทุกปีหรือ” หานหมิงซีเลิกคิ้วขึ้น “เช่นนี้ข้าสามารถเข้าใจว่านี่เป็นข้อตกลงระยะยาวได้ใช่หรือไม่ จริงอยู่ที่ซวินหย่าเก๋อทำเงินได้จำนวนมาก แต่ดูเหมือนจะยังไม่ถึงขั้นที่จะมาเป็นคู่ค้าระยะยาวของเทียนอี้เก๋อได้กระมัง” เรื่องร้านซวินหย่าเก๋อแน่นอนเขาย่อมรู้ดี อันที่จริงเครื่องหอมที่เขาใช้กับตัวในขณะนี้ก็มาจากซวินหย่าเก๋อ อีกทั้งตั้งแต่ได้ใช้เครื่องหอมจากร้านซวินหย่าเก๋อแล้ว เครื่องหอมร้านอื่นๆ ก็ไม่เคยเข้าตาเขาอีกเลย
ร้านซวินหย่าเก๋อมาเปิดกิจการที่เมืองกว่างหลิงมาได้ยังไม่ถึงครึ่งปีดี แต่กลับได้รับความนิยมมากกว่าร้านขายเครื่องหอมเครื่องแป้งเก่าแก่ของเมืองกว่างหลิง แต่ด้วยเพราะราคาที่สูงกว่าร้านค้าทั่วไปอยู่ถึงสามเท่า จึงไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนธรรมดาทั่วไป แต่หานหมิงซีกล้ารับประกันว่า คุณหนูและฮูหยินชนชั้นสูงของตระกูลใหญ่ในเมืองกว่างหลิงอย่างน้อยเจ็ดส่วนที่ใช้เครื่องหอมของร้านซวินหย่าเก๋อ แต่หากซวินหย่าเก๋อยอมที่จะตั้งราคาให้ต่ำลง เชื่อได้ว่าร้านซวินหย่าเก๋อจะสามารถผูกขาดการค้าขายเครื่องหอมได้ในเวลาอันสั้น
เยี่ยหลีอมยิ้มพร้อมส่ายหน้า “คุณชายหานรู้หรือไม่ว่า ในโลกนี้เราสามารถทำเงินได้จากผู้ใดมากที่สุด”
หานหมิงซีขมวดคิ้ว “แน่นอนว่าเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย” รายได้ที่น่าตกใจของหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ในแต่ละปีนั้น ล้วนมาจากเงินของพ่อค้าเศรษฐีผู้มีอันจะกินทั้งนั้น
เยี่ยหลียิ้มพร้อมยื่นมือที่กับพัดออกมาโบกไปมา “มิได้ แต่เป็นสตรี”
“สตรีหรือ” หานหมิงซีย่นจมูก สตรีไม่มีแหล่งรายได้เป็นของตนเอง ต่างต้องพึ่งพาบุรุษทั้งสิ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกนางไม่มีทางมีเงินใช้สุรุ่ยสุร่ายได้อย่างบุรุษอย่างแน่นอน และอีกอย่างคือ มีสตรีจำนวนน้อยนักที่จะใจใหญ่ใช้เงินก้อนโตได้อย่างบุรุษ
เยี่ยหลีถอนใจเบาๆ โบกพัดในมือเล่น พร้อมยิ้มและกล่าวว่า “ในโลกนี้…มีสตรีอยู่มากกว่าบุรุษ เพียงแต่…มิใช่ว่าบุรุษทุกคนจะชื่นชอบในการกิน ดื่ม เล่นพนันและอิสตรี แต่ผิดกับสตรีที่ทุกคนต่างชื่นชอบความสวยงามและความอ่อนเยาว์” ถึงแม้ทหารหญิงในชาติที่แล้วของตนจะเก่งกาจไม่แพ้ผู้ชาย แต่เมื่อได้กลับมาเดินบนถนนแล้ว สิ่งแรกที่เลือกเข้าคือร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับ
หานหมิงซีใจกระตุกขึ้นมาทันที ตัวเขามิได้มีพรสวรรค์และความหลักแหลมทางการค้าอย่างน่าตกใจดังเช่นพี่ชายของเขา ทั้งยังมิได้สนใจเรื่องเงินทองมากมายนัก แต่นั่นมิได้หมายความว่าเขาเป็นคนหัวทึบ เมื่อได้ฟังเช่นนี้เขาย่อมรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ เขาส่งสายตาให้เยี่ยหลีพูดต่อไป ก่อนตนจะยื่นมือไปเติมน้ำชาให้ตนเองและเยี่ยหลี ดูเขาจะสนใจหัวข้อสนทนานี้ไม่น้อย
เยี่ยหลีเองก็มิได้สนใจ “สูตรการปรุงเครื่องหอมของร้านซวินหย่าเก๋อแน่นอนย่อมต้องเก็บเป็นความลับ ซึ่งมิใช่สูตรที่ร้านขายเครื่องแป้งทั่วไปสามารถทำได้ ว่ากันตามจริงแล้ว เครื่องแป้งและเครื่องหอมที่มีอยู่ในต้าฉู่ในยามนี้นั้นไม่ค่อยเป็นที่พอใจของข้าสักเท่าไร เชื่อว่าคุณชายหานเองก็คงไม่พอใจด้วยเช่นกันใช่หรือไม่”
หานหมิงซีขมวดคิ้ว เดิมทีเขาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่ตั้งแต่มีร้านซวินหย่าเก๋อขึ้นมา เขาถึงได้เพิ่งรู้สึกว่าเครื่องหอมที่เขาใช้ก่อนหน้านี้มีเพียงกลิ่นเดียวและมิใช่กลิ่นที่หอมสักเท่าใดนัก ถึงแม้เขาจะมีคนที่สามารถปรุงเครื่องหอมชั้นดีให้เขาได้ แต่เวลารวมถึงแรงงานคนที่เสียไปนั้นเกินกว่าราคาของตัวมันไปมากทีเดียว บางคราที่เขานำของร้านซวินหย่าเก๋อไปให้หญิงสาวที่ตนสนิทสนม สาวงามเหล่านั้นก็ดูจะชื่นชอบแป้งหอมของร้านซวินหย่าเก๋ออย่างเห็นได้ชัด หานหมิงซีไม่อยากยอมรับว่า ตัวเขานั้นอาจเคยช่วยซวินหย่าเก๋อหาลูกค้าทางอ้อมมาแล้วไม่น้อย
เยี่ยหลีมองท่าทีก้มหน้าใช้ความคิดของหานหมิงซีด้วยสีหน้าพอใจ ก่อนพูดต่อว่า “ถึงแม้ตอนนี้ร้านซวินหย่าเก๋อจะมีอยู่ที่เมืองกว่างหลิงเพียงร้านเดียว แต่ด้วยสายตาอันแหลมคมของคุณชายหาน ย่อมรู้ว่าข้ามิใช่ไม่มีโอกาสไปเปิดร้านเช่นนี้ในเมืองขนาดใหญ่และขนาดกลางของต้าฉู่ หรือบางที…อาจรวมถึงแคว้นซีหลิง เป่ยหรงหรือหนานเจียงด้วยก็เป็นได้ หรือบางทีอาจเป็นที่ที่ไกลกว่านั้น เพราะถึงอย่างไรหากเป็นที่ที่มีสตรีอยู่ ย่อมไม่กลัวว่าจะขายไม่ได้ ท่านว่าจริงหรือไม่”