ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ - ตอนที่ 153
บทที่ 153 ปืนลูกโม่ที่คลุ้มคลั่ง
ช่วงเวลาเพิ่งจะสิบสองนาฬิกา อยู่เสี้ยงเฉียนก็กลับมา
ลุกขึ้นมาทักทายเขา เขาพยักหน้าตอบ ไม่ได้รีบร้อนมาดูชามเหมือนกัน และไม่ได้พูดอะไรมาก ตรงเข้าไปที่ห้องหนังสือ ดงป๋อชวนตามเขาไปด้านหลัง
เวลาประมาณสิบสองโมงครึ่ง อาหารกลางวันเตรียมเสร็จเรียบร้อย อยู่เสี้ยงเฉียนก็ลงมา
บนโต๊ะอาหาร อยู่เสี้ยงเฉียนกับลู่หย่าฉีนั่งตรงข้ามกัน ผมกับดงป๋อชวนนั่งทางด้านขวาของโต๊ะ หยู่ถิงนั่งทางด้านซ้ายคนเดียว
การรับประทานอาหารของตระกูลหยู่นั้นมีกฎเกณฑ์ดีทีเดียว หลังจากที่อยู่เสี้ยงเฉียนให้สัญญาณทานข้าว ทุกคนก็เริ่มขยับตะเกียบ มีแต่เสียงทานข้าว เป็นประเพณีที่เก่าแก่มาก ไม่พูดตอนทานข้าวนอนหลับ
ในเมื่อเป็นประเพณีของตระกูลหยู่ ปกติแล้วผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำลาย กินข้าวอย่างสำรวม
แน่นอนว่าลู่หย่าฉีน่าจะไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะว่าเท้าที่อยู่ใต้โต๊ะของผมนั้นกำลังค่อยๆสัมผัสไปเชื่อมกับขาเล็กๆที่เรียบลื่นของเธอ
เธอเหมือนต้องการจะปฏิเสธ แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่กล้าขัดขืนมากนัก คงกลัวคนอื่นสังเกตเห็นได้
ดังนั้น ตอนนี้ในใจเธอคงจะแค้นผมกลัวไม่ตายแน่ๆ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย อยู่เสี้ยงเฉียนสั่งให้ดงป๋อชวนมารับเขาช่วงบ่าย จากนั้นก็เรียกผมขึ้นไปข้างบน
ผมถือชามเซรามิกไว้ในมือตามอยู่เสี้ยงเฉียนเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ มีความน่าตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ถ้าไม่ได้ว่าเขาบอกผมว่าห้องอ่านหนังสือ ผมคงจะคิดว่าตามเขาเข้ามาในคลังแสงสรรพาวุธ ผนังสี่ด้านในห้อง ผนังสามด้านในนั้นทั้งหมดเป็นปืนหลายหลากชนิด ปืนพกปืนลูกโม่พวกนี้ไม่ต้องพูดถึง ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติอัตโนมัติก็มี ถึงกับขนาดพวกปืนไรเฟิลพิเศษต้านอาวุธสไนเปอร์ทั้งหมดก็ยังวางไว้ พูดง่ายๆก็คือเหมือนพิพิธภัณฑ์เก็บสะสมปืน
“คุณลุงหยู่ งานอดิเรกเก็บสะสมของคุณนี่หลากหลายจริงๆ”
นอกเหนือจากนี้ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายรูปร่างลักษณะของชายชราที่อายุหกสิบต้นๆคนนี้ได้
อยู่เสี้ยงเฉียนนั่งบนเก้าอี้หวาย ตอบกลับแบบไม่ได้คิดอะไร: “ทั้งหมดก็แค่โมเดลแต่ละแบบเท่านั้นเอง”
ผมเพิ่งจะพยักหน้าตอบกลับ ‘โอ้’ไป เขาก็เสริมขึ้นมาทันที: “รวมถึงส่วนประกอบด้านในด้วย”
ตอนนั้นผมก็เข้าใจได้เลย ของเล่นพวกนี้ตอนเขาอารมณ์ดีก็จะเรียกพวกมันว่าเป็นโมเดล ตอนอารมณ์ไม่ดี นั่นก็จะสามารถยิงลูกกระสุนออกไปได้……
ผมนำชามเซรามิกออกมาวางบนโต๊ะด้านหน้าของอยู่เสี้ยงเฉียน เขาหยิบมันขึ้นมา ใช้นิ้วสัมผัสด้านบน จากนั้นก็วางลงด้านข้าง ไม่ได้สนใจชามเซรามิกนั้นอีก ทำเอาผมคิดว่าหรือว่ามันจะเป็นของปลอม
ตอนที่ผมกำลังเสียใจที่รีบร้อนจนลืมประเมินราคาของชามเซรามิกนั้นก่อน อยู่เสี้ยงเฉียนก็เอ่ยปากออกมา
“ฉันรู้ว่าคุณชื่อเฉินเฟิง ฉันยังจำได้ว่าครั้งแรกที่คุณมาที่นี่ มากับปู้หนาน นี่เป็นครั้งที่สองที่คุณมา น่าประหลาดใจที่มากับถิงถิง และยังนำของโบราณมาให้ผมชื่นชม พูดตามตรง คุณทำอะไร มาพบฉันมีจุดประสงค์อะไร”
เสียงของอยู่เสี้ยงเฉียนไม่ดังมาก แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีแววตาแห่งความโกรธอยู่ แต่ว่าคนคนนี้มีแรงผลักดันที่น่าเกรงขามอยู่ ทำให้คนไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำถามของเขาได้
ลองคิดไตร่ตรองดูแล้ว ผมก็ตัดสินใจว่าจะบอกความจริงทั้งหมดกับเขา เพราะว่าเขาสามารถตรวจสอบประวัติความเป็นมาของผมได้ง่ายมาก
“ผมทำงานเป็นโฮสต์ เข้าวงการมาด้วยการติดตามจางหงหวู่ แต่ว่าตอนนี้จางหงหวู่เป็นผู้หญิงของผม ผมกับหยู่ถิงรู้จักกันผ่านทางจางหงหวู่ แต่กับลู่ปู้หนานนั้นเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ……”
ผมพูดไปมากมาย ไม่ได้มีการโกหกเลยแม้แต่น้อย อยู่เสี้ยงเฉียนฟังอย่างเงียบๆ เหมือนคุณครูฟังนักเรียนท่องคำศัพท์
หลังจากผมพูดจบ อยู่เสี้ยงเฉียนถามผม “คุณจีบหยู่ถิงกับปู้หนาน?”
ผมพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ เขายังถามผมอีกว่าพัฒนาความสัมพันธ์กับพวกเธอไปถึงขั้นไหนแล้ว
ผมคิดแล้วคิดอีก เลยถามอยู่เสี้ยงเฉียนทันที “คุณลุงหยู่ ขออนุญาตสูบบุหรี่ได้มั้ยครับ อยู่ต่อหน้าคุณรู้สึกประหม่านิดหน่อย”
อยู่เสี้ยงเฉียนมองมาทางผมอย่างพิจารณาอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็หยิบกล่องบุหรี่ทำมาจากไม้ออกจากด้านล่างโต๊ะ จุดบุหรี่ให้ตัวเองหนึ่งมวน
เขาไม่ได้ให้ผมสูบ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าผมยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะสูบบุหรี่ของอยู่เสี้ยงเฉียน ผมหยิบบุหรี่ของตัวเองออกมา จุดบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนเช่นเดียวกัน
“มีอะไรกันหมดแล้ว”
ในมือคีบบุหรี่ไว้ ผมมองไปที่อยู่เสี้ยงเฉียน และอยู่เสี้ยงเฉียนเองก็หยุดชะงักการสูบ หันมามองผม
เขามองพิจารณาผม และผมก็มองกลับไปประจันหน้ากับการมองของเขา
หลายสิบวินาทีหลังจากนั้น อยู่เสี้ยงเฉียนเปิดลิ้นชัก จากนั้นหยิบปืนลูกโม่ออกมากระบอกหนึ่ง ทันใดนั้นหยิบกระสุนสีเหลืองทองออกมาหนึ่งนัดจากกล่องกระสุนดันใส่เข้าไป หมุนส่วนที่บรรจุกระสุนด้วยความเร็ว จากนั้นก็ถูกเขาแกว่งปิดเข้าไป เข็มแทงชนวนอยู่ตรงช่องว่างหรือตรงที่มีกระสุน ผมไม่อาจรู้ได้ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“คุณนี่มันเก่งจริงๆ ลูกสาวสองคนของฉันอยู่เสี้ยงเฉียน คนหนึ่งเป็นลูกแท้ๆ อีกคนเป็นลูกบุญธรรม ไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะถูกแกนอนด้วย ช่างกล้ามาก”
ไม่รอให้ผมได้พูดอะไร เขาเอาปืนลูกโม่มาจ่อไว้ที่ช่องว่างระหว่างคิ้วของผม ความเย็นของโลหะนั้นกระจายออกมา ตรงมาที่บนหน้าผากของผม
นี่เป็นปืนของจริง ลูกปืนก็ของจริงเช่นเดียวกัน
“ถิงถิงกับปู้หนาน แกนอนกับใครก่อน”
ปืนอยู่ที่หน้าผาก ไม่สามารถอดทนรอผมคิดไตร่ตรองเลยว่าจะตอบปัญหานี้ยังไง และผมเองก็ไม่อยากคิดไตร่ตรองด้วยเช่นกัน ความจริงยังไงก็จะปรากฏอยู่ดีวันยังค่ำ การโกหกไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ยิ่งโดยเฉพาะผมเองก็ไม่คิดว่าการโกหกจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้จะจบสวยยังไง
ผมเลยบอกความจริงกับเขา “นอนด้วยกันครับ”
อยู่เสี้ยงเฉียนไม่มีคำตอบ มีเสียง ‘ป็อก’ออกมาจากตรงหน้าผากของผม ผมตกใจจนเหงื่อแตก
ไอ้เฒ่าเหี้ยคนนี้ยิงออกมาตรงๆเลย แม้แต่สัญญาณสักนิดก็ไม่มี โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีลูกกระสุน
“มีความสามารถ มีกำลัง ลูกสาวสองคนของฉันอยู่เสี้ยงเฉียน แกนอนด้วยทุกคน แถมยังนอนเวลาเดียวกันอีก”
อยู่เสี้ยงเฉียนสูบบุหรี่เข้าปาก จากนั้นปล่อยควันที่รวมกันออกมาจากปากเพื่อพูด “ร้ายกาจมากจริงๆ แล้วเคยนอนกับคนอื่นอีกมั้ย”
ผมตอนแรกมีความลังเลอยู่ ควรจะพูดความจริงออกไปมั้ย แต่สุดท้ายก็นำไปสู่จุดจบอยู่ดี
เพราะว่าผมคิดคำโกหกที่เข้าท่าออกมาไม่ได้เลย โดยเฉพาะปากกระบอกปืนท่อนสีดำยังชี้ไปที่หัวของผม
“เคยนอนสามคนครับ แต่ว่าไม่เกี่ยวกับเงิน”
คำตอบของผม เหนี่ยวไกปืนติดต่อกันสามครั้ง ‘ป็อกป็อกป็อก’
ตอนนั้นเอง เส้นประสาทของผมเหมือนโดนตัดขาดกะทันหัน ไอ้เฒ่าเหี้ยคนนี้อยากจะให้ผมตายจริงๆ ไม่มีการขู่หลอกๆแม้แต่น้อย บรรจุกระสุนใส่ได้ทั้งหมดหกนัด เขายิงออกไปสี่นัดแล้ว และครั้งที่สองคือการยิงต่อเนื่องสามนัด!
บนหน้าผากของผมมีเหงื่อไหลออกมา เรื่องนี้ผมรู้สึกได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าเหงื่อนั้นไหลหยดลงมาที่บนเปลือกตาของผม แต่ว่าผมไม่กล้าที่เช็ดมัน
อยู่เสี้ยงเฉียนถามผมต่อ “พวกเธอสามคนคือใคร”
ผมไม่รู้ว่าหลังจากที่บอกอยู่เสี้ยงเฉียนไป เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ดังนั้นผมเลยไม่พูด
ความเงียบของผมนั้น เปลี่ยนมาเป็นการขู่เข็ญของอยู่เสี้ยงเฉียน “แกยังมีโอกาสรอดอยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จะถามแกอีกครั้ง ผู้หญิงสามคนนั้นคือใคร”
ผมเลยยอมเปิดปาก “พวกเธอไม่ได้ติดตามผม พวกเธอทั้งหมดมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ว่าไม่สามารถพูดได้”
พูดจบ ผมเตรียมตัวที่โดนยิง เพราะว่าอยู่เสี้ยงเฉียนชำนาญที่จะยิงออกมาโดยตรงหลังจากที่ผมตอบคำถามเสร็จ
แต่ว่าครั้งนี้ผมคาดการณ์ผิดอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็ยังคงไม่มีการเหนี่ยวไกปืนออกมา
ตอนที่ผมคิดว่าคำถามนี้เขาไม่ได้เตรียมที่จะเหนี่ยวไก ก็มีเสียง‘ป็อก’ดังออกมา แกว่งกระทบจิตใจที่ว่างเปล่าของผมทั้งหมด ผมที่ตกใจกลัวถอนหายใจยังไม่กล้าถอนออกมา
“จางหงหวู่คือหนึ่งในผู้หญิงพวกนั้น แล้วอีกสองคนคือใคร”
ในขณะที่พูด ทางด้านของอยู่เสี้ยงเฉียนก็เปิดปืนลูกโม่ออกมา ตรวจสอบต่อหน้าของผม เหมือนกับว่าจะให้ผมดู ลูกปืนสีเหลืองทองนั้น ตรงอยู่กับเข็มแทงชนวนด้านบน แล้วเขาก็ปิดลูกโม่ จากนั้นง้างเข็มแทงชนวนออก
เพียงแค่นิ้วของเขาค่อยๆออกแรง จากนั้นหัวของผมก็คงบานออกเหมือนดอกไม้หลังจากเสียง ‘ปั้ง’
ผมเช็ดเหงื่อบนเปลือกตา จากนั้นก็สูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอดอยู่หลายครั้ง สุดท้ายดับบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่
“ไม่เคยนอนกับจางหงหวู่ และจะไม่นอนด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่ผมให้ความเคารพ เธอปฏิเสธ ดังนั้นผมก็ไม่สามารถบังคับเธอได้ ส่วนผู้หญิงสามคนนั้น ผมไม่สามารถบอกได้ อีกอย่างผมรับรอง ถ้าคุณฆ่าผมตาย คุณต้องเสียใจ และถึงผมจะตายก็ไม่สามารถบอกคุณได้ว่าทำไมถึงเสียใจ”
“แกนอนกับลูกสาวสองคนของฉัน ฆ่าแกก็ไม่เสียใจ”
หยิบบุหรี่ออกมาจุดอีกมวน ผมหันไปมองอยู่เสี้ยงเฉียน “ถ้าอย่างงั้นทำไมไม่ฆ่า?”
พอหลังจากตัดสินใจทั้งหมดได้แล้ว ความตายก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไรขนาดนั้นอีก ดังนั้นตอนนี้ผมมองกลับไปหาอยู่เสี้ยงเฉียน ผ่อนคลายอารมณ์ เพียงคิดซะว่านอนหลับหลังจากไม่ได้นอนมานานสามวันเต็มๆเท่านั้นเอง
“จะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย นอกเหนือจากจางหงหวู่แล้ว ผู้หญิงอีกสองคนคือใคร”
“ไม่มีจางหงหวู่ ผู้หญิงอีกสามคนผมไม่สามารถบอกคุณได้”
เขาย้ำคำถามของเขาอีกครั้ง ผมย้ำคำตอบของผม ดังนั้นเขาเลยทบทวนเหตุการณ์ที่ผมได้เคยเจอไปแล้ว
“ปั้ง!”