ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ - ตอนที่ 162
บทที่162 แค่คุณคนเดียวก็พอแล้ว
แป๊ปเดียวอาหารก็เสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว เจี้ยเฉินกับเฉินหลิงก็กินคำใหญ่ อย่างเอร็ดอร่อย สุดท้ายผมก็เป็นแค่คนจ่ายเงิน พวกเขาชัดเจนที่จะเพิกเฉย ชัดเจนมาก ขนาดแกล้งว่าขี้เกียจไปทำ
อันนี้ดี
ผมคีบกินได้ไม่กี่คำ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ผมเอาโทรศัพท์ออกมาดู หน้าจอปรากฏชื่อคนที่โทรมา คือ ลู่หย่าฉี
“มีอะไรหรอครับ น้าลู่?”
“ทานข้าวเย็นหรือยัง?”
ผมแปลกใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ผมจึงตอบไปว่า “ยังครับ”
“งั้นนายก็มาทานข้าวที่บ้านฉัน”
จากนั้นก็วางสายไป
เธอชวนไปทานข้าวเย็นที่บ้าน นี่เป็นความเห็นของใครกัน อยู่เสี้ยงเฉียน?หรือว่าเป็นความเห็นของเธอเอง
ผมจุดบุหรี่สูบ แล้วนั่งครุ่นคิด จากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากห้องอาหารไป
พวกเขาไม่ถามว่าผมจะไปไหน ผมเองก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอก
สำหรับอาหารมื้อนี้…….ใครอยากจ่ายก็จ่าย ยังไงผมก็ไม่ได้กิน
นั่งแท็กซี่มาถึงหน้าบ้านของตระกูลหยู่อันหรูหรา จากนั้นผมก็กดกระดิ่ง แล้วเดินเข้าไปข้างใน
ในห้องโถงที่กว้างใหญ่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว มีเพียงแต่เสียงกระทะเสียงถ้วยชามจากในห้องครัว
เข้าไปดูก็เห็นว่า ลู่หย่าฉีกำลังยุ่งกับการทำกับข้าวอยู่
“อาลู่ วันนี้ทำไมถึงเชิญผมมาทานข้าวเย็น อาอยู่ของผมละ?”
“อยู่ในห้องหนังสือข้างบน หยู่ถิงอีกแป๊ปเดียวกำลังจะกลับมา”
แม้ว่าอยู่เสี้ยงเฉียนจะอยู่บ้าน ถ้าอย่างงั้นผมก็ทำตัวตามกฎระเบียบปกติ
พูดคุยกันเสร็จ ผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก หยิบนิตยสารเกี่ยวกับนางแบบผู้หญิงมาเล่มหนึ่งเปิดผ่านๆดู
ประมาณสิบนาที ลู่หย่าฉีก็เรียกผม “ถึงเวลาอาหารแล้ว”
ผมเดินไปที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีอาหารกับข้าวอยู่สี่อย่าง แต่ตะเกียบมีแค่สองคู่เท่านั้น
ผมก็รู้ทันทีว่า โดนลู่หย่าฉีหลอกเข้าแล้ว
นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ผมกับลู่หย่าฉีก็นั่งตรงข้ามกัน ได้ชิมอาหารฝีมือเธอ รสชาตินั้นอร่อยมาก
หลังจากนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เจี้ยเสินโทรมา “พี่เฟิง พี่หล่นลงไปในส้วมแล้วเหรอ? รีบกลับมากินข้าว!”
ที่เรียกกลับไปกินนั้นไม่ใช่เรื่องจริง แต่จะเรียกผมไปเพื่อจะให้ไปจ่ายตังนั่นแหละ ผมบอกเขาไปว่า ตอนนี้อยู่ข้างนอก ให้พวกเขากินข้าวกันไปก่อนเลย
“พี่เฟิง พี่อย่าทำแบบนี้ วันนี้ผมออกมาไม่ได้เอาเงินติดตัวมา พี่ก็รู้ ว่าผมมีเงินติดตัวไม่กี่สิบกว่าหยวน…..”
ฉันจะไปสนใจทำไมว่าคุณมีเงินติดตัวอยู่กี่สิบหยวนหรือว่ากี่เหมา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?
“ฮัลโหล ฮัลโหล ? อะไรนะอะไร ทำไมสัญญาณมันไม่ดีเนี่ย”
จากนั้นผมก็วางสายไป แล้วก็ปิดเครื่องวางไว้ข้างๆ
“มีอะไรเหรอ ไปก่อเรื่องกับผู้หญิงที่ไหนมาอีกแล้วละ ถึงได้กลัวถึงขนาดนี้ ถึงขนาดโทรศัพท์ก็ต้องปิดเครื่องเลย”
ลู่หย่าฉีอมยิ้มแล้วมองมาที่ผม ผมส่ายหัว “ไม่มีอะไรครับ”
จากนั้น ผมก็เล่าเรื่องที่เจี้ยเสินทำเหมือนผมเป็นแพะอ้วนฆ่าแล้วเอาไปขายให้ลู่หย่าฉีฟัง
ลู่หย่าฉียิ้มมุมปาก “สำหรับนายแล้ว ก็แค่อาหารไม่กี่ร้อยหยวนหนึ่งมื้อเอง นายจะไปหลอกคนอื่นทำไม เรื่องเงินก็ใช่ว่านายจะขัดสน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“น้าลู่ ผมจนอ่า ในบ้านแจกจ่ายเงินเหมือนเปิดหม้อข้าวไม่ได้อีกแล้ว คุณรีบช่วยเหลือผมหน่อยสิ ได้ไหมครับ?”
ขณะที่พูดนั้น เอาขาทั้งสองที่อยู่ใต้โต๊ะไปหนีบที่เท้าเล็กอันอบอุ่นของลู่หย่าฉี จากนั้นก็จับขึ้นมาไว้ในมือ วางไว้ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้าง กินข้าวไปด้วย ปลุกเร้าไปด้วยเบาๆ
ช่างเกิดขึ้นได้ยาก นึกไม่ถึงว่าเธอไม่ต่อต้าน แม้ว่าแต่ก่อนเท้าเล็กของเธอจะเคยถูกผมปลุกเร้าอยู่บ่อยๆ แต่ว่าทั้งหมดนั้นคือผมใช้วิธีการบังคับเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้ต่อต้านผม
ดังนั้น ผมคิดว่าคืนนี้เธอดูแปลกไป เชิญผมมาทานข้าว แถมยังเชิญมาทานในบ้านอีก นี่เป็นการจู่โจมที่เร่าร้อน ดูท่าทางแล้วจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดูไม่ชอบมาพากลนิดหน่อย
ดังนั้น ผมจึงรูดซิปกางเกงลง แล้วจับเท้าเล็กขาวนวลสอดเข้าไปข้างในกางเกง สัมผัสกับจุดกำเนิดไฟของผมโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น
“พอแล้ว”
ในที่สุดลู่หย่าฉีก็เปิดปากปฏิเสธ แต่ผมก็ยังไม่สนใจ กินก็ส่วนกิน ปลุกเร้าก็ปลุกเร้า
เธอตีผมไม่รู้กี่ครั้ง พยายามดึงเท้ากลับแต่ก็ไม่ได้ผล แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะปล่อยขาเธอลง
“อาอยู่กับหยู่ถิงหละ?”
“ไม่อยู่ อยู่เสี้ยงเฉียนไปทำงานนอกสถานที่ ส่วนหยู่ถิงไปประชุมที่บริษัท บอกว่าคืนนี้จะไม่กลับบ้าน”
ใบหน้าผมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หน้าอกของลู่หย่าฉีกลมโตใหญ่มาก ทำให้ผมรับรู้ได้ถึงกิเลสที่ถูกปลุกเร้าอย่างมาก
“งั้นคืนนี้ก็มีแค่เราสองคนใช่ไหม?”
ลู่หย่าฉีเหลือบมองมาที่ผม ไม่ได้มีอารมณ์เล่นด้วย แต่ก็ไม่ได้ดูท่าทางดุร้ายอะไร
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังคงกินข้าวต่อไป แต่จริงๆแล้วผมก็หิวเหมือนกัน
กินข้าวเย็นเสร็จ ก็ช่วยเธอเก็บล้างจานและของในห้องครัว
ขณะที่เธอกำลังเช็ดจาน ผมก็ไปยืนอยู่ติดกับก้นด้านหลังของเธอ นวดเบาๆที่เรียวขาเซ็กซี่ของเธอ
การยืนอยู่ต่อหน้าความอวบอิ่มสมบูรณ์ของสาวใหญ่ที่สุกงอมแล้ว มันเป็นความเพลิดเพลินที่สุดยอดในโลก เนื้อเนียนลื่น ยืดหยุ่นแต่ว่าไม่แน่น ไม่อวบอัดชัดเจน มันเป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการได้สัมผัสเธอ ทำให้ผมหลงเสน่ห์ถลำลึกเข้าไปอีก
เพียงแต่ในความหลงเสน่ห์เธออยู่นั้น ผมยังนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา
“หย่าฉี คืนนี้ทำไมคุณถึงใจกล้านัก ถึงขนาดกล้าเชิญผมมาทานข้าวที่บ้านคุณ”
“ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ใช่เหรอ?”
จะไม่ยอมรับข้อนี้ก็ไม่ได้ ก็เหมือนกับที่เคยมีระบุไว้ในบทความบางข่าว ว่ามีนักโทษหลบหนีออกจากคุก ทั้งๆที่นักโทษนั้นไม่ได้หนีออกนอกเมือง แต่หาเท่าไรก็หาตัวไม่เจอ จนในที่สุดก็ถูกจับได้โดยบังเอิญ ซึ่งเขาซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามสำนักงานตำรวจ
ไฟปิดสนิท เหตุผลที่ลู่หย่าฉีเลือกที่จะอยู่ที่บ้าน เหมือนว่าได้มีการไตร่ตรองเอาไว้แล้ว
เพียงแค่ ผมคิดว่ามันไม่ค่อยปกติ เพราะว่าคืนนี้มันดูจะลงตัวไปหมด ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอยินยอมให้ผมปลุกเร้า ต้องการให้ผมดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวของผมเธอไม่มีการขัดขวางเลยแม้แต่น้อย กลับยังเต็มใจด้วยความยินดี
เช็ดจานได้แค่ครึ่งหนึ่ง กางเกงอยู่บ้านของลู่หย่าฉีก็ถูกผมถอดออก เผยให้เห็นกางเกงในลูกไม้เซ็กซี่สีดำ
เธอไม่ได้ห้ามปรามอะไร เพียงแต่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ไม่ให้สอดใส่นะ”
นี่คือการร้องขอเพียงอย่างเดียวของเธอ นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีแล้วอย่างอื่น
ดังนั้นจึงผมนั่งลงกับพื้น เธอยังก็ยืนเช็ดจานต่อไป
เพียงแค่เช็ดจานยากขึ้นเล็กน้อย แม้แต่ยืนเธอยังยืนได้ลำบาก ร่างกายของเธอโยกย้ายอย่างต่อเนื่องภายใต้การควบคุมของปากผม และมีเสียงครางที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดังออกมาจากในโพรงจมูก
“หย่าฉี คุณต้องบอกผมมาสิว่า คืนนี้ทำไมถึงไม่ปกติถึงขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่สบายใจที่จะบริการคุณอย่างใจกล้า”
ลู่หย่าฉีลืมตา ก้มหัวมาลงมาพูดกับผม “อุ้มฉันไปที่ห้อง เอากางเกงในไปด้วย แล้วฉันจะบอกคุณ”
ในห้องไม่ใช่ว่าอยู่เสี้ยงเฉียนที่มีมีดสอดไว้ในอกรอผมอยู่หรอกนะ ผมก็เอากางเกงสีดำนั้นใส่ไปในหน้าอกของลู่หย่าฉี แล้วก็อุ้มเธอขึ้น ตรงไปข้างบนห้องของเธอกับอยู่เสี้ยงเฉียน
ภายในห้องนั้นดูธรรมดามาก ของที่มีค่ามากสุดดูจะเป็นโคมไฟบนหัวนอน นอกจากนี้ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรหรูหราแล้ว ไม่สมกับสถานะของครอบครัวสักเท่าไหร่
“อยู่เสี้ยงเฉียนเขาไม่ชอบอะไรที่หรูหรา”
ลู่หย่าฉีมองออกในความสงสัยของผม จึงเปิดปากอธิบาย
เพียงแค่ ผมคิดว่าสิ่งของจะหรูหราหรือไม่หรูหราก็ไม่ได้สำคัญอะไร ขอเพียงแค่คนสำคัญพอใจก็พอแล้ว
“มีเพียงคุณก็พอแล้ว!”