ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ - ตอนที่ 186
หลังจากจูบอย่างเร่าร้อน ลู่หย่าฉีหายใจหอบอย่างต่อเนื่อง ผมมองออกว่า ร่างกายของเธอนั้นกำลังสั่นสะท้าน นี่คือการแสดงออกของความปรารถนาที่พุ่งทะยานขึ้น เธอคล้ายกับว่าอ้อนวอนอย่างเด่นชัด
การอ้อนวอนนี้ เทียบกับเมื่อก่อนยิ่งเด่นชัดมากกว่าเดิม
“คุณลุงอยู่ก็ให้คุณแล้วนี่ แต่ว่ายังไม่ได้ทำให้คุณพอใจอย่างแท้จริง ดังนั้นการอ้อนวอนอย่างเร่งด่วนของคุณนั้นชัดเจนเด่นชัดมากกว่าแต่ก่อน ใช่ไหมหย่าฉี?”
ลู่หย่าฉีไม่ได้ปฏิเสธ เธอนั้นยอมรับออกมาโดยตรง พยักหน้าเบาๆ
ผมยื่นมือออกไปตรวจสอบ ค่อยๆวางไปที่ตรงกลางระหว่างขาคู่นั้นของเธอ จากนั้นลูบไล้ถูไปมาช้าๆ
“ผมเองก็อึดอัดมาก ต้องการคุณอย่างมาก หรือว่าพวกเราไปสักที่ ช่วยกันสักหน่อย?”
ลู่หย่าฉีส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้ อยู่เสี้ยงเฉียนอยู่ที่บ้าน คุณต้องไปส่งฉันกลับ”
อยู่เสี้ยงเฉียนอยู่ที่บ้าน เธอเลยขอให้ผมไปส่งเธอกลับ นี่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริงๆ
พาออกมาอย่างเปิดเผย ก็ควรจะพากลับไปอย่างเปิดเผยซื่อสัตย์เช่นกัน ถ้าเธอเรียกรถกลับไปด้วยตัวเอง นั่นก็จะเป็นเหตุการณ์ที่วาดงูเติมขาทำอะไรเกินความจำเป็นเกินไป
ขับรถพาลู่หย่าฉีกลับมาที่หน้าประตู จากนั้นผมก็เห็นรถPassatธรรมดามากๆจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหยู่ ชั่วพริบตา ก็มีคนคนหนึ่งออกมาจากรถ คนคนนั้นมองแล้วน่าอ่อนแอมาก เหมือนกับคุณครูสอนหนังสือ กางเกงสแล็คสีดำเสื้อเชิ้ตสีขาว ทรงผมสั้นที่แสดงให้เห็นความสามารถในการทำงานที่ยอดเยี่ยม เพียงแต่มือข้างซ้ายของเขานั้นแปลกประหลาดอยู่บ้าง พอลองมองอย่างละเอียดดูแล้ว นิ้วชี้กับนิ้วกลางสองนิ้วนี้หายไป
“คนนี้เป็นใครกัน?”
“ตั่นโก๋ซูน”
ไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิดของผม ที่แท้เป็นเขานี่เอง
“หย่าฉี ช่วงนี้คุณได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องระหว่างลุงหยู่กับผังบายีบ้างหรือเปล่า?”
ลู่หย่าฉีส่ายหัว “เรื่องนี้ อยู่เสี้ยงเฉียนนั้นไม่เคยพูดต่อฉัน อีกทั้งฉันเองก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเรื่องที่แพร่งพรายไม่ได้พวกนั้น ถ้าไม่เห็นก็ไม่นึกถึง หูไม่ได้ยินใจก็ไม่ตื่นตระหนก”
ผมนอนคว่ำไปบนตัวของเธอ เป่าลมอย่างรุนแรงไปที่ส่วนอวบอิ่มที่แสนมีเสน่ห์นั้น
“หยุดกวนได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น!”
สามารถเห็นได้ก็แปลกแล้ว เมื่อก่อนผมอยู่ในรถกับจ้าวเย่นซวน ท่านจ้าวเองตอนที่รออยู่ด้านนอกรถ หลังจากกลับบ้านมาแล้วบ่นกับจ้าวเย่นซวนตอนนี้คนจิตใจไม่เหมือนแต่ก่อนนับวันยิ่งเลวร้าย สามารถเห็น สามารถเห็นคาดว่าท่านจ้าวจะตบบ้องหูบริการจ้าวเย่นซวนในไม่ช้านี้
หลังจากหยอกล้อไปเบาๆ ผมก็ปล่อยลู่หย่าฉี
ขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถ ผมถามเธอ “หย่าฉี ผมอยากเข้าไปในร่างกายที่แสนอ่อนโยนมีเสน่ห์ของคุณ”
บนใบหน้าลู่หย่าฉีปรากฏรอยยิ้มที่ส่องสว่างรุ่งโรจน์ “ได้ คุณเดินทางกลับอย่างปลอดภัย ยินดีต้อนรับที่มาเยี่ยมบ้านเรา!”
“อืม แล้วค่อยพบกันหย่าฉี!”
หลังจากขับรถออกมา ผมก็ขับรถตรงไปที่พัก
ระหว่างทาง ผมครุ่นคิดว่าอยู่เสี้ยงเฉียนเจอตั่นโก๋ซูนนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่
เมื่อก่อนผมมีความรู้สึกว่า อยู่เสี้ยงเฉียนจะปราบปรามผังเจี้ยนจวินไว้ไม่อยู่ในเร็ววันแล้ว อันที่จริงผังเจี้ยนจวินนั้นก็อยู่อย่างอิสรเสรีมานานหลายปี อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงการยั่วยุที่รุนแรงจนถึงกับพูดได้ว่าคุกคามชีวิต และหลังจากนั้น เขาถูกอยู่เสี้ยงเฉียนกดขี่
ไม่ว่าจะเพื่อหน้าตาของตัวเองหรือเกี่ยวกับการปราบปรามอยู่เสี้ยงเฉียนก็ตามที การต่อต้านของเขานั้นถือว่าสมเหตุสมผล
และตอนนี้อยู่เสี้ยงเฉียนเจอกับตั่นโก๋ซูน พบนายพลอันดับหนึ่งของผังเจี้ยนจวินคนนี้ ก็เป็นอนาคตที่ปกติ หรือว่าจะมีเรื่องเบื้องหลังอะไรอีกหรือเปล่า?
“ไม่ได้เข้าใจโดยเฉพาะ ผมจะไปตัดสินได้ยังไงกัน? เทพทะเลาะกัน เทพทะเลาะกัน……”
พึมพำเสียงต่ำ ผมฮัมเพลงพร้อมกับเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะ จากนั้นเวลานี้ ผมอยู่ดีๆก็รับรู้ขึ้นมา ว่าลำโพงในรถของผมนั้นไม่ได้ปล่อยเพลงออกมา นั่นเป็นแค่เพียงเพลงสายเรียกเข้าของมือถือเท่านั้นเอง
ก็ถึงว่าผมคิดว่าทำไมเพลงนี้ถึงเล่นซ้ำไปซ้ำมา
รีบหยิบมือถือออกมา จับขึ้นมาดู คนที่โทรเข้ามาที่แท้คือโจงเฉียวเฉียว
“เฉียวเฉียว เกิดอะไรขึ้น?”
โจงเฉียวเฉียวเป็นคนโทรศัพท์มาหาผมเองสองครั้ง ครั้งหนึ่งเป็นผมให้เธอช่วยตรวจสอบรากหวัน และครั้งแรก คือคืนวันแต่งงานผมอยู่เป็นเพื่อนเธอส่งตัวเข้าหอ
ผมคาดหวังเป็นอย่างมากครั้งนี้จะมีเรื่องอะไร
“เฉินเฟิง ใจฉันรู้สึกหดหู่มาก คุณช่วยออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
คำตอบของคำถามนี้ไม่จำเป็นจะต้องพูดออกมาให้มากความ ผมขับรถตรงมาถึงสถานที่นัดพบ จากนั้นรับโจงเฉียวเฉียว
วันนี้เธอสวมชุดสวยมาก ชุดชีฟองง่ายๆไม่ซับซ้อน หลวมๆสบายๆ รองเท้าส้นสูงสีทองหนึ่งคู่ ยิ่งทำให้เผยให้เห็นถึงลมหายใจที่สง่างามสูงส่งของคนคนนั้น และลมหายใจแบบนี้ช่างเหมาะสมกับความสง่างามของเธอเป็นอย่างมาก ทำให้คนที่เผชิญหน้ากับเธอในขณะนั้นอยากจะทำเรื่องหนึ่ง นั้นก็คือการพิชิตเธอนั่นเอง
เพียงแต่ว่าหลังจากที่เห็นการแสดงออกของเธอ ความคิดที่จะพิชิตเธอนั้นก็ยกเลิกไปอย่างสมบูรณ์ เธอนั้นดูจิตตกแบบสุดๆ อีกทั้งมีอาการเซื่องซึม
“เป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร ฉันอยากไปดูทะเล คุณไปเป็นฉันหน่อยได้ไหม?”
ทะเลนั้นอยู่ที่เมืองหลิน ที่นี่นั้นไม่มีทะเล แต่เป็นการขอร้องของโจงเฉียวเฉียวทั้งที ผมไม่สามารถปฏิเสธได้เป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้นขับรถไปตามถนน พวกเรามุ่งตรงไปที่เมืองหลิน
ระหว่างทางโจงเฉียวเฉียวไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแค่นอนเงียบๆอยู่บนขาของผม ดีที่เป็นถนนบนทางด่วน ดังนั้นเลยไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการขับรถของผม
ลูบคลำเบาๆไปที่หูเล็กๆของเธอ แก้มและคางที่งดงามและละเอียดอ่อนของเธอ เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้ห้าม แค่นอนอย่างเงียบๆ บางครั้งบางคราวก็แนบชิดไปที่บนท้องน้อยของผม ถูแรงๆ เหมือนกับว่าอยากจะเจาะเข้ามาข้างในร่างกายของผม
ดูออกว่า ในใจของเธอนั้นไม่ค่อยสบายใจเป็นอย่างมาก ถึงกับกลัดกลุ้มใจ
หลังจากเดินทางโดยรถยนต์มาเกือบจะสองชั่วโมง เพิ่งจะผ่านด่านเก็บเงินทางด่วน จากนั้นผมก็ถูกตำรวจจราจรรั้งเอาไว้
บอกว่าผมนั้นสงสัยว่ากระทำผิดข้อหาขับรถอันตราย โดนตัดสองคะแนนและปรับผมสองร้อย
ผมงงเป็นอย่างมากว่าสงสัยว่ากระทำผิดข้อหาขับรถอันตรายนั้นคือเมาอะไร ผมหนึ่งไม่ดื่มเหล้าสองไม่ได้สูบยา ชื่อการกระทำผิดนี้นั้นมาจากไหนกัน
จากนั้นในภาพจากกล้องที่มีความละเอียดสูง ผมเห็นโจงเฉียวเฉียวนอนคว่ำอยู่ระหว่างขาทั้งคู่ของผม ท่าทางแบบนั้น มันช่างสยิวมาก……
โจงเฉียวเฉียวเองก็เห็นฉากนี้อย่างชัดเจน สีหน้าแดงก่ำ “พวกเราไม่ได้ทำ ฉันก็แค่อารมณ์ไม่ค่อยดี ดังนั้นก็เลยนอนคว่ำบนร่างกายของเขา ไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นเลย”
สหายตำรวจจราจรทำได้แค่เพียงยิ้ม ไม่สามารถตอบปัญหานี้ได้
“คนอื่นก็ไม่ได้พูดว่าพวกเราทำแบบนั้น เพียงแค่สงสัยว่าขับรถอันตราย ไม่เกี่ยวกับว่าทำหรือไม่ทำ คุณพูดแบบนี้ เหมือนกับอยากปกปิดซ่อนเร้น แต่กลายเป็นว่าคนอื่นรู้”
โจงเฉียวเฉียวเหมือนว่าจะเข้าใจ สหายตำรวจจราจรคนนี้ทำไมถึงหัวเราะอย่างคลุมเครือ ดังนั้นหน้าเลยยิ่งแดงเข้าไปอีก
หลังจากจ่ายเงินตัดแต้มแล้ว พวกเราก็ลงจากรถตรงไปที่ชายฝั่งทะเล
วันหยุดชาติจีนผ่านไปแล้ว อากาศกลายเป็นหนาวเย็นเรียบร้อยแล้ว บนชายหาดนั้นก็ไม่ค่อยจะมีคน
โจงเฉียวเฉียวถอดรองเท้าถุงเท้า ม้วนขากางเกงเดินบนชายหาด ส่วนผมนั้นนั่งอยู่ไม่ไกล จุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน จากนั้นก็มองไปที่เธอ
หลังจากเดินไปกลับอยู่เกินครึ่งชั่วโมง เธอก็เหมือนจะเหนื่อยแล้ว นี่ถึงจะมาอยู่ข้างผม จากนั้นก็นั่งลง
“เฉินเฟิง……”
“ทำไมเหรอ?”
“เรื่องนั้น……”โจงเฉียวเฉียวเหมือนว่าจะอึดอัดอยู่บ้าง แอบมีความเขินอายอยู่ไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดกูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเขินอาย: “คุณรักฉันอีกสักทีได้ไหม?”
ผมมองดูอย่างสงสัยไปที่โจงเฉียวเฉียว “รักยังไง รักตรงไหน?”
ใบหน้าของโจงเฉียวเฉียวแดงก่ำ แต่ในที่สุดก็กุมของผมเอาไว้ แสดงออกมาว่าตรงเข้าไปสำรวจระหว่างขาทั้งคู่ของเธอ
ไม่ไกลจากชายฝั่งมีโรงแรมอยู่ โรงแรมนี้ผมเห็นตอนที่จอดรถ
ดังนั้นผมจึงดึงมือเล็กๆของเธอ ตรงไปที่โรงแรม
หลังจากเข้าไปในห้องของโรงแรม ไม่มีคำพูดไร้สาระแม้แต่ครึ่งประโยค โจงเฉียวเฉียวตรงมาถอดเสื้อผ้าของผม แสดงให้เห็นถึงความร้อนอกร้อนใจ อีกทั้งยังให้ผมถอดจนสะอาดเอี่ยมไม่เหลืออะไรเลย สักชิ้นก็ไม่มี
พริบตาเดียว คนอย่างผมก็ถูกเธอผลักลงบนเตียงกว้าง
ผม เหมือนอยากถูกบังคับข่มขืน……