ชีวิตเกษตกรในต่างโลก - ตอนที่ 5 หาอาหาร
หลังจากสร้างห้องน้ำเสร็จ ผมก็กลับไปยังที่พักและเข้านอน
ถึงจะรู้ดีว่าการนอนหลับในช่วงกลางวัน ทั้ง ๆ ที่ยังสามารถออกไปทำอย่างอื่นได้เป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก แต่ตอนนี้ผมรู้สึกง่วงเอามาก ๆ
ผมน่าจะหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมงได้ ถึงอย่างงั้นตะวันก็ยังไม่ตกดิน
มาประเมินสถานการณ์ปัจจุบันกันก่อน
ที่นอน น้ำดื่ม ไฟ อาหารและห้องน้ำสำหรับวันนี้ไม่มีปัญหา
หากคิดถึงเรื่องหลังจากวันพรุ่งเป็นต้นไปล่ะก็ ปัญหาคือ อาหาร
ในตอนนี้ ผมยังมีเนื้อของตัวอะไรสักอย่างที่หน้าตาเหมือนกระต่าย ซึ่งได้มาโดยบังเอิญอยู่
หากคิดถึงเรื่องที่ระหว่างใช้เครื่องมือเกษตรสารพัดประโยชน์อยู่จะไม่รู้สึกเหนื่อย ผมก็จะใช้เสบียงอาหารน้อยลง
คงอยู่ได้สัก 5 วันล่ะมั้ง
ผมอยากจะหาแหล่งอาหารใหม่ให้ได้ ก่อนที่อาหารจะหมด
แต่ก่อนที่จะไปคิดเรื่องนั้น ต้องห่วงเรื่องช่วงกลางคืนก่อน
การที่คนเราเข้านอนในเวลากลางคืนนั้นเป็นเรื่องปกติแน่นอน
แต่ป่านั้นค่อนข้างน่ากลัว
เจ้ากระต่ายที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่นั่น เป็นศัตรู
กระต่ายยังดูอันตรายขนาดนี้
และถ้าเป็นหมีล่ะก็ คงจะแย่เลยล่ะนะ
ถึงจะมีไฟแล้ว แต่ผมเคยได้ยินว่า สัตว์ป่านั้นกลัวไฟ เป็นเรื่องเหลวไหล
ยังไงก็ต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอล่ะนะ
…
ก่อนอื่นเลย ผมต้องการประตูสำหรับที่พัก
ผมตัดต้นไม้ขนาดประมาณนึงด้วยเครื่องมือเกษตรสารพัดประโยชน์ แล้วทำสิ่งที่คล้ายกับลูกบิดประตูขึ้นมา
ดูเหมือนจะหนักพอสมควรเลย แต่ถ้าไม่ได้ประมาณนี้ก็คงลำบากแหละนะ
พอปิดประตู ด้านในก็มืดสนิทจนลำบากอะไรหลาย ๆ อย่างเลย
ถ้าจุดไฟในนี้ล่ะก็ ขาดอากาศตายแหง ๆ
เอาไว้ว่ากันทีหลังแล้วกัน
ต่อไปก็ รั้ว
ผมสร้างรั้วล้อมรอบที่พัก บ่อน้ำ และห้องน้ำ
เนื่องด้วยไม่มีตะปู รั้วจึงเป็นแค่ซุงที่เอามาวางเรียงกันไว้เป็นพื้นที่ปิดแค่นั้น
ผมไม่สามารถตัดต้นไม้ได้ถ้าขาดอุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์ ถึงแม้ว่ารั้วจะสูงแค่ราว ๆ เมตรเดียว อย่างน้อยก็น่าจะพอขวางพวกสัตว์ป่าได้
ดูเหมือนตอนกำลังสร้างรั้ว ผมจะรู้สึกเหมือนได้สร้างอาณาเขตของตัวเอง เลยเผลอติดลมสร้างรั้วกว้างไปหน่อย
คงสักร้อยเมตรได้ล่ะมั้ง
ทำเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ
รั้วซุงสร้างเสร็จ ก็ช่วงพลบค่ำพอดี ผมจึงตัดสินใจเข้านอน
พอปิดประตู
ว่าแล้วเชียว มืดสนิทเลย
พาให้ทำอะไรไม่ได้เลยด้วย ช่างมันแล้วกัน
….
……….
………………………..
ช่องอากาศ!
เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว
เพราะข้างในมืดสนิท ไม่รู้ว่าประตูอยู่ตรงไหน ผมเลยตกใจนิดหน่อย
สุดท้ายก็พอหาทางเปิดประตูได้ ทำช่องอากาศ แล้วกลับเข้านอน
เฮ้อ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ผมขุดหลุมที่ด้านนอกของรั้วซุงด้วยจอบ
ผมกังวลว่าเพียงแค่รั้วซุงอย่างเดียวจะไม่พอ เลยทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึกหลายครั้ง
อยากจะพยายามให้เต็มที่เพื่อจะได้หลับสบาย
หลุมกว้างราว ๆ เมตรครึ่ง ลึกประมาณ 2 เมตร (วัดด้วยสายตา)
ผมเว้นช่องว่างของรั้วไว้เป็นทางเข้าออกแล้ว แต่ดันขุดหลุมรอบรั้วไปหมดแล้ว
เลยใช้ไม้กระดานทำสะพาน
เจ้าไม้นี้ก็เหมือนกัน มันหนักมากถึงขนาดที่ว่าหากไม่มีอุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์ก็จะขยับไม่ได้เลย แต่การที่มีผมคนเดียวที่ทำได้ก้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
อืม
ทำออกมาได้ดีทีเดียว
แบบนี้ก็จะสามารถวางใจได้มากยิ่งขึ้น
…….คงไม่เป็นอะไรแหละนะ
อืม
อย่างน้อยก็อยากเชื่อแบบนั้น
ตอนนี้เรื่องที่พักก็เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็อาหาร
แต่ว่า การขุดหลุมค่อนข้างกินเวลาไปพอสมควร ตะวันกำลังตกดินแล้ว
ไม่ฝืนคงจะดีกว่าแหละนะ
วันนี้เอาไว้แค่นี้แล้วกัน
ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ไม่ใช่เวลามาเอาแต่นอน
ถ้าผมไม่ใช้อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์ แรงจะลดลงเรื่อย ๆ
ฉะนั้น จนกว่าตะวันจะตก ผมจะใช้อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์เตรียมพื้นที่สำหรับปลูกพืช
เพราะว่าสิ่งที่ผมอยากทำจริง ๆ ก็คือ เกษตรกรรม
แล้วผมก็เริ่มลงมือ
ขนาดพื้นฐานของไร่ คือเท่าไหร่กันนะ
ถึงรู้ก็ไม่มีอะไรวัดอยู่ดีแหละนะ
ผมสนุกพอสมควรทีเดียว
เริ่มดูเหมือนไร่ขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้ว
เพื่อที่จะไม่เผลอไปย้ำเข้า ผมจึงยกระดับพื้นที่รอบ ๆ แปลงปลูกขึ้นเล็กน้อย
ดูดีเลย
….
แล้วผมก็รู้สึกตัว
ดันรู้สึกตัวขึ้นมาว่า
ผมไม่มีทั้งเมล็ดและต้นอ่อน
ทำแปลงปลูกขึ้นมาก็ไม่มีความหมาย
ผมขุดแปลงอยู่ตลอดคืน
ทั้งคืน
แสงจันทร์ส่องสวางกำลังดี เลยไม่ต้องกังวลกับความมืดนัก
แล้วผมก็ทำจนเสร็จ
ตรงนี้คือ แคร์รอต ส่วนตรงนี้ มันฝรั่ง
ทางนั้นคือ กะหล่ำปลี ตรงนั้นเอาเป็นอะไรดีนะ
หนีความเป็นจริงขั้นสุด
ผมไม่เหนื่อย ไม่หิวข้าว น้ำ และไม่รู้สึกง่วง เวลาที่กำลังใช้อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์
ตราบใดที่ผมยังใช้อยู่ ผมสามารถทำงานได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
กว่าจะรู้สึกตัวเช้าก็มาถึง และดูเหมือนว่าที่พักของผมถูกห้อมล้อมไปด้วย รั้ว คู(หลุมที่ขุดล้อมรอบรั้วซุง) และแปลงปลูกพืชซะแล้ว
ฮะฮะฮ่า
จะมีผักที่ปลูกได้ในป่าบ้างไหมนะ
ผมจึงเริ่มถางป่าอย่างไม่มีทางเลือก
การเคลื่อนที่ในขณะที่ใช้อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์ไปด้วยค่อนข้างสะดวกก็จริง แต่ทำแบบนี้จะได้เจอผักที่เอามาปลูกได้จริง ๆ เหรอ
ด้วยอุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือหญ้า ก็กลายเป็นปุ๋ยไปทั้งหมด
ผมไม่สามารถตั้งสมาธิกับบริเวณรอบ ๆ ในขณะที่ใช้จอบไปด้วยได้
ผมจึงล่าเจ้ากระต่ายที่มีเขี้ยวนั้นมาได้อีกตัว
ฮุฮุฮุ
ดันล่ามันไปอีกแล้ว
เจ้ากระต่าย
อะไรล่ะเนี่ย
เจ้ากระต่ายแถว ๆ นี้มีนิสัยชอบกระโดดเข้ามาหาผมทางด้านหน้าเหรอ
ยังไงซะ พวกมันก็แสดงความเป็นศัตรู
หัวของมันกลายเป็นปุ๋ยไป เหลือแค่ส่วนลำตัว เนื่องจากถูกฟาดเข้าที่คอเหมือนครั้งก่อน
ผมตัดสินใจเก็บมาด้วยความขอบคุณ
ถึงแม้ผมจะถางป่าไปจนค่ำก็ไม่เจอผักที่จะสามารถเอามาปลูกได้เลย มีแต่ได้กระต่ายพวกนั้นมาเพิ่ม
จากเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมจึงมั่นใจได้เลยว่า เวลาที่ฟาดด้วยจอบ ส่วนที่อยู่ด้านหน้าจะกลายเป็นปุ๋ย
ผมพนมมือแล้วสวดมนต์ให้กับศีรษะชองกระต่ายพวกนั้น
การแบกร่างของกระต่ายกลับมานั้นค่อนข้างลำบาก ด้วยมันมีขนาดใหญ่ประมาณสุนัขขนาดกลาง ผมจึงลากพวกมันด้วยอุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์เช่นเดียวกับที่ลากท่อนซุง
อุปกรณ์เกษตรสารพัดประโยชน์สุดยอด
ผมรู้สึกขอบคุณในหลาย ๆ ความหมาย ตอนที่ทานกระต่ายพวกนั้น แล้วก็ตัดสินใจเข้านอน
……………………………..
สวัสดีท้ายตอนครับ
ผมมาสานต่อนักแปลท่านก่อนด้วยความคึก (ฮา) ครับ
เนื้อหานี้ผมแปลจากภาษาอังกฤษ ควบคู่ไปกับต้นฉบับ (น่าจะ) ภาษาญี่ปุ่น เนื่องด้วยผมอ่านญี่ปุ่นได้ระดับหนึ่ง จึงตัดสินใจใช้ควบคู่กันไป เพื่อเนื้อหาที่ครบถ้วน และถูกต้องที่สุดครับ (แต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นหรอกนะครับ)
ยังไงเนื่องจากเนื้อหายาวกว่าที่คาดมาก ตอนแรกตั้งใจว่าจะแปลวันละตอน (ก็ยังใช้เวลาเป็นชาติอยู่ดี กว่าจะทันต้นทาง) แต่คงจะหนักไปหน่อย แต่จะพยายามออกให้บ่อยที่สุดแล้วกันครับ
แล้วไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าครับ