ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 1 ตกน้ำ
ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 1 ตกน้ำ
หันไปทางไหนเจอแต่น้ำ
น้ำทะเลที่ท่วมท้นจนจมตัวเธอไปแทบจะมิดศีรษะ
ข้อเสียที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดของเฉินฝานซิง คือเธอว่ายน้ำไม่เป็น
แต่ตอนนี้เธอกลับตกลงมากลางทะเล รสเค็มของทะเลล้นทะลักเข้าเต็มปอด
ความหนาวเย็นที่เสียดแทงเข้าไปถึงกระดูกของน้ำทะเลในต้นฤดูใบไม้ผลิและความหวาดกลัวเพราะหายใจไม่ออกค่อยๆ เข้าโจมตี
เวลานี้บนดาดฟ้าเรือสำราญคนจำนวนมากได้กรูกันออกมา
งานสังสรรค์ของค่ำวันนี้มีแต่เหล่าบรรดาคุณหนู คุณชาย
ถึงแม้ยี่สิบกว่าชีวิตจะไม่ใช่จำนวนมากมายแต่เมื่อรวมค่าตัวแต่ละคนเข้าไปแล้วมูลค่าของมันสามารถซื้อผืนฟ้าขนาดย่อมได้เลยทีเดียว
นอกจากเหนือฟ้ายังมีฟ้าแล้วเหนือฟ้าก็ยังมีบริษัทในเครือสกุลป๋อ
คลื่นพายุได้ก่อตัวขึ้นกลางทะเลในขณะนี้ ฝนเม็ดโตเริ่มโรยตัวลงมาแต่ไม่นานมันก็เทลงมาราวกับฟ้ารั่ว
สองร่างที่ตกลงสู่ผืนน้ำยังคงดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด!
“ช่วยด้วย…”
“ช่วยด้วย…”
เสียงร้องของทั้งคู่แทบจะถูกกลืนหายไปท่ามกลางสายฝนที่ซัดกระหน่ำ
ทันใดนั้นร่างสูงสง่าก็พุ่งตัวออกมาจากฝูงชน
ทันทีที่สายตาเห็นสองร่างที่กำลังตะเกียกตะกายอย่างสุดชีวิตอยู่กลางทะเล ความตื่นตระหนกก็ได้ฉายชัดบนใบหน้าอันหล่อเหล่า
เขาทะยานลงสู่ผืนทะเลอย่างไม่รีรอ แม้แต่เสื้อสูทที่สวมอยู่ก็แทบจะไม่ได้ถอด
ฝนห่าใหญ่ตกกระทบผิวน้ำ ดวงตาพร่ามัว ชายหนุ่มออกแรงสุดกำลังจนในที่สุดเขาก็สามารถช่วยขึ้นมาได้หนึ่งชีวิต
“เชียนโหรว เชียนโหรว ฟื้นสิ…”
ชายหนุ่มหอบหายใจ ตะโกนเรียกหญิงสาวในอ้อมแขนที่หมดสติไป อย่างไม่สนใจสภาพของตัวเอง
โดยที่ลืมนึกถึงใครอีกคนที่ยังไม่ได้ถูกช่วยขึ้นมาไปเสียสนิท…
นาทีนั้นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งได้ดังขึ้นท่ามกลางบรรดาเหล่าผู้ลากมากดี…
“ฝานซิงล่ะ เฉินเชียนโหรวเรียกเธอออกมาไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เธออยู่ไหน?!”
“ใช่! เฉินฝานซิง…เฉินฝานซิงก็ตกลงไปด้วย!”
เสียงคนตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก ผู้คนบนดาดฟ้าต่างพากันใจหายวาบ!
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นจากที่ไกลๆ ก่อนที่ฟ้าจะส่งเสียงคำรามดังกึกก่อง จนแทบจะฉีกท้องฟ้ายามค่ำคืนและผืนทะเลสีดำให้แหลกไปพร้อมๆ กัน
ผู้คนพากันมองเกลียวคลื่นสีดำที่ก่อตัวขึ้นเป็นระลอก แต่ก็ไร้วี่แววของอีกคน
จู่ๆ หญิงสาวที่เพิ่งบอกว่าเฉินฝานซิงกับเฉินเชียนโหรวตกน้ำไปด้วยกันนั้นก็ได้ตะโกนขึ้นทั้งน้ำตา!
“ฝานซิงว่ายน้ำไม่เป็น!!!”
ร่างชายที่กำลังโอบกอดเฉินเชียนโหรวอยู่นิ่งไปราวกับถูกสาป
จริงสิ เขามั่นใจว่าเมื่อกี้เขาก็เห็นฝานซิง
ชั่วพริบตาที่เสียงร้องผู้หญิงคนนั้นสิ้นสุดลง เสียง ตูมมม ของใครอีกคนกระโดดลงไปก็ดังขึ้น…
ขณะที่เฉินฝานซิงถูกช่วยไว้ได้ เฉินเชียนโหรวก็ได้สำลักน้ำออกมาและได้สติขึ้นในเวลาเดียวกัน
แยกไม่ออกว่าที่เห็นอยู่บนใบหน้าอันซีดเซียวนั้นคือหยาดฝนหรือหยดน้ำตา เธอร้องพลางมองชายคนที่อยู่ตรงหน้า
“พี่เหิง…”
เธอร้องออกมาแล้วคว้าคอเขามาโอบเอาไว้ ใบหน้าซีดขาวขนาดเท่าฝ่ามือซุกเข้าหาอ้อมกอดของชายที่ถึงแม้จะเปียกโชกไปทั้งตัวแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้
ถึงแม้คิ้วของชายหนุ่มขมวดมุ่นเล็กน้อย จนไม่สามารถเดาความคิดเขาออกได้ แต่ต่อมาฝ่ามือก็ค่อยๆ วางลงบนเอวของหญิงสาวและกระชับแผ่วเบา
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรแล้ว”
น้ำเสียงอบอุ่นเจือกับความยินดีอย่างปิดไม่อยู่ในความโชคดีที่รอดมาได้
ผู้คนบนดาดฟ้าที่เห็นเหตุการณ์ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกระลอก
ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างที่ถูกช่วยขึ้นมาทีหลังอย่างพร้อมเพรียง
การปั๊มหัวใจสลับกับผายปอดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านับสิบๆ ครั้งจนในที่สุดเธอก็สำลักน้ำทะเลออกมาสองอึก
แผงขนตาเรียวยาวสั่นเทา เปลือกตาหนักอึ้งเปิดเล็กน้อย
ทั้งๆ ที่รู้สึกเบลอๆ แต่กับภาพของทั้งสองคนที่กำลังกอดกันอยู่ข้างๆ เธอกลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เธอค่อยๆ แสยะยิ้มขึ้นมุมปาก หยาดฝนตกลงปะทะผิวหน้าขาวซีดของเธอไม่เว้นระยะ จนเธอค่อยๆ หมดสติลงไปอีกครั้ง
–
เฉินฝานซิงฝืนกลับมามีชีวิตอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้
กว่าเธอจะฟื้นขึ้นก็ปาเข้าไปเที่ยงของวันที่สาม ในห้องผู้ป่วยไม่มีใครนอกจากเธอ
แสงสีขาวสาดเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง ถึงแม้เธอจะอ่อนเพลียแต่ดวงตาสุกใสกลับจับจ้องฝุ่นละอองที่ล่องลอยภายในห้องผู้ป่วยอย่างไม่แยแส ยากที่จะคาดเดาความคิด
สุดท้ายเธอก็ลุกออกจากเตียงและลากร่างกายที่อ่อนโรยไปเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง
เมื่อคิดถึงความสวยงามของแสงตะวันที่อยู่ภายนอก เธอจึงอยากที่จะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย
ถึงแม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวย แต่เธอก็ไม่ขอรออยู่ในห้องที่หนาวเหน็บเช่นนี้
ณ สวนสาธารณะหลังโรงพยาบาล
บนร่างของเธอสวมเพียงชุดคนไข้บางๆ ถึงแม้ว่าแดดจะอุ่นกำลังดี แต่ก็ยังแอบหนาวอยู่เล็กน้อย
เมื่อหาที่เงียบสงบเพื่อเป็นที่พักพิงได้แล้ว เธอทอดมองไปยังต้นจือจื่อฮวาที่ห่างไปไม่ไกล ขณะนี้บนต้นของมันปรากฏให้เห็นดอกตูมที่กำลังรอคอยการผลิบาน
สองแขนยกขึ้นกอดร่างกายที่ถึงแม้ซูบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงไม่ละทิ้งความทะนงตัว
เธอมีหน้าตาที่สะสวย แต่ก็น่าเสียดายที่ความรู้สึกต่างๆ ไม่ได้ปรากฏให้เห็นบนใบหน้างามได้รูปนี้ มานานนับปีแล้ว
แต่เสน่ห์ของเธอกลับไม่ถูกลดทอนลงไปแม้แต่น้อย เพียงแค่มองเธอยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ใบหน้าขาวผ่อง เรือนผมดำขลับ ความโดดเดี่ยวที่ละทิ้งโลกทั้งใบไว้ข้างหลัง ผสมกันออกมาเป็นความน่าค้นหาที่ไม่เหมือนใคร
เธอค่อยๆ สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด อารมณ์ค่อยๆ ดีจากก่อนหน้านี้สักหน่อยแล้ว ทันใดนั้นเบื้องหน้าของเธอก็ปรากฏให้เห็นร่างของบุคคลที่มาใหม่
ไอน้ำสีขาวลอยอยู่เหนือกระบอกน้ำร้อนในมือของเฉินเชียนโหรว ผมลอนยาวประบ่า ดวงตาสุกสกาวฟันขาวเป็นประกาย แถมยังคลุมเสื้อสูทของผู้ชายทับไว้บนบ่า
เฉินเชียนโหรวมองใบหน้าสวยที่กำลังตีสีหน้าเยือกเย็นของพี่สาว นิสัยเย่อหยิ่ง เรียวคิ้วดุดันทรงอำนาจ จนอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้
ทว่าเมื่อได้เห็นร่างกายที่ซูบผอมลง เฉินเชียนโหรวก็กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างลำพองใจ จากนั้นยกมือขึ้นกระชับเสื้อสูทที่อยู่บนบ่าราวกับเป็นการโอ้อวด
เฉินฝานซิงจ้องมองเธอด้วยแววตาเฉียบเย็น “จะจองเวรกันไปถึงไหน!”
เฉินเชียนโหรวเลิกคิ้วขึ้น ก้าวเขาหาเฉินฝานซิงอย่างเชื่องช้า ไล่มองใบหน้าซีดเซียวและร่างกายที่ผ่ายผอมของพี่สาวก่อนจะยิ้มออกมาอย่างน่ามอง
เธอก้มตัวลงไปอยู่ต่อหน้าเฉินฝานซิงก่อนเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
“ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอคะพี่ ตอนนี้แม้แต่ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ ก็ยังมาตกหลุมรักฉัน…”