ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 107 คุณหมดสิทธิ์นั้นไปแล้ว / ตอนที่ 108 อยู่เป็นเพื่อนกัน
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 107 คุณหมดสิทธิ์นั้นไปแล้ว / ตอนที่ 108 อยู่เป็นเพื่อนกัน
ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 107 คุณหมดสิทธิ์นั้นไปแล้ว / ตอนที่ 108 อยู่เป็นเพื่อนกัน
ตอนที่ 107 คุณหมดสิทธิ์นั้นไปแล้ว
จางมาถอนหายใจออกมาเบาๆ “คุณหนูทานก่อนเถอะค่ะ ฉันจะขึ้นไปดูคุณผู้ชายสักหน่อย”
เธอทานไปได้สองคำก็หันไปมองแผ่นหลังของจางมา เธอยกผ้าขึ้นมาเช็ดตรงมุมปากพลางขบคิด
“จางมาคือว่า…”
เฉินฝานซิงลุกขึ้นยืนก่อนจะร้องเรียกเธอเอาไว้
“คุณหนูเฉิน?”
เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจางมาแล้วทำมือชี้ๆ ไปยังถาดในมือของเธอ
“เดี๋ยวฉันจะช่วยเอาไปให้เขาเอง…”
จางมาลอบมองเธออย่างพิจารณา เมื่อเห็นว่าสีหน้าเธอดูอึดอัดอยู่ไม่น้อยรอยยิ้มจึงผุดขึ้นในดวงตาของเธอ
“งั้นก็ต้องรบกวนคุณหนูเฉินด้วยนะคะ”
เฉินฝานซิงเม้มปากพลางรับถาดใบนั้นมาถือเอาไว้
ในนั้นมีโจ๊กรสอ่อนพร้อมทั้งกับข้าวอีกสองอย่างและยาอีกสองขวด
เป็นอาหารเช้าที่เรียบง่ายจริงๆ
ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขา กินอาหารน้อยขนาดนี้ทุกมื้อได้จริงๆ น่ะเหรอ
หลังจากเสียงเคาะประตูห้องของป๋อจิ่งชวนเงียบลง เสียงแหบต่ำของชายหนุ่มก็ลอยออกมาจากในห้อง
เธอเปิดมันออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน ป๋อจิ่งชวนกลับไม่ได้ซุกตัวอยู่บนเตียงอย่างที่คนป่วยดีๆ เขาทำกัน ตามที่นึกภาพไว้
อีกทั้งเขายังอยู่ในเสื้อผ้าสบายๆ ที่แตกต่างกับเสื้อสูทรองเท้าหนังก่อนหน้านี้
ขณะนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่นอกระเบียง สองขารวบเข้าด้วยกันในท่าทางที่สง่า ในมือถือปากกาใช้สำหรับเซ็นต์เอกสารเหล่านั้น
เขาไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมามองเพราะคิดว่าคงเป็นคนรับใช้คนใดสักคน ทว่าสองวินาทีให้หลังเขากลับต้องผงกศีรษะขึ้นมาอย่างไว
นัยน์ตาดุจสีน้ำหมึกที่น่าเกรงขามราวกับใบมีดน้ำแข็งที่สามารถทะลุผ่านหัวใจคนได้
ใจของเธอเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย สองมือที่ถือถาดอยู่เผลอกำจนแน่น เท้าของเธอขยับไม่ได้ราวกับว่ามันถูกล็อกเอาไว้ให้ติดอยู่กับที่
นาทีที่สายตาคู่นั้นทอดมองมายังร่างของเธอ ดวงตาสีนิลคู่นั้นค่อยๆ สงบลงอย่างเงียบเชียบ
เขารวบเอกสารในมือเข้าด้วยกันหลังจากที่หันไปมองเธออย่างสำรวจแล้ว เขาก็มองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ตื่นแล้ว?”
เธอลอบผ่อนลมหายใจในใจแล้วเดินไปยังเขา
“ได้ยินว่าคุณไม่สบาย”
เธอเดินไปหยุดลงตรงหน้าเขาแล้วโน้มตัวลงนำถาดในมือวางลงที่โต๊ะข้างๆ
กลิ่นหอมสดชื่นหลังอาบน้ำค่อยๆ ลอยฟุ้งไปในอากาศทีละน้อย ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
นัยน์ตาฉาบไปด้วยรอยยิ้มจางๆ เขาแหงนหน้ามองเฉินฝานซิงที่เพิ่งจะยืดตัวขึ้นเสร็จ
ผมยาวแฉลบผ่านหลังมือของเขาทำให้รู้สึกเย็นเล็กน้อย
ป๋อจิ่งชวนนำเอกสารวางลงบนโต๊ะแล้วคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอพร้อมทั้งยืดตัวขึ้นในขณะเดียวกัน
เฉินฝานซิงรู้สึกตกใจก่อนจะถูกลากเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
กลิ่นที่แสนคุ้นเคยเข้าปกคลุมร่างกายเธอในทันที
ความต่างของส่วนสูงของพวกเขามีมากพอตัว ทันทีที่เธอแหงนหน้าขึ้นเจอกับคางของเขา ศีรษะก็ถูกกดลงมาด้วยฝ่ามือใหญ่
“อาบน้ำแล้ว?”
หัวใจของเธอสั่นไหวนิดๆ
“อื้ม”
“หายป่วยแล้ว?”
“…ดีขึ้นนิดหน่อย”
จากนั้นเขาไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ลากเธอเดินไปยังเตียงของเขา
เขากดไหล่ของเธอให้นั่งลงไป
“นั่งลงไปดีๆ”
เฉินฝานซิงมองชายหนุ่มเดินหายไปจากตรงหน้าอย่างไม่ไหวติง
เตียงสีเทาสื่อถึงความสูงค่าและงดงาม ทั้งห้องออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่ก็เผยให้เห็นถึงความดุดันที่แฝงอยู่
ไม่นานนักป๋อจิ่งชวนก็ได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง เขาโน้มตัวลงไปเสียบไดร์เป่าผมในมือ
ใจของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เธอลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อนแล้วเอื้อมมือไปคว้าไดร์เป่าผมในมือของเขา
“ให้ฉันทำเองเถอะค่ะ”
“คุณหมดสิทธิ์นั้นไปแล้ว”
ป๋อจิ่งชวนหลบมือของเธอที่ยื่นมา แล้วโน้มตัวลงนั่งที่ข้างเตียงพร้อมทั้งรั้งเอวเธอให้เข้ามาหา
ออกแรงตวัดแขนเล็กน้อยร่างของเฉินฝานซิงก็เขามาอยู่ในอ้อมกอดเขา
ตอนที่ 108 อยู่เป็นเพื่อนกัน
ออกแรงตวัดเล็กน้อยร่างของเฉินฝานซิงก็ลอยเขามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“เหวอออ”
เธอคว้าไหล่ของเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“อย่าดิ้น”
เสียงของชายหนุ่มที่แหบมาตั้งแต่แรก บัดนี้เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเขา
เธอถึงกับได้ยินเสียงอันแห้งผากของเขาที่อยู่ในลำคอ
เธอไม่ได้ขยับเขยื้อนอีก
ไดร์เป่าผมถูกเปิดขึ้น มือของป๋อจิ่งชวนอังอยู่ตรงปากกระบอกของมันเพื่อทดสอบอุณหภูมิ เขามองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ในอ้อมกอดของเขา มุมปากก็ได้ยกยิ้มขึ้นจางๆ
นิ้วทั้งห้าจรดลงบนศีรษะของเธอแผ่วเบา ทำให้เขารู้สึกได้ว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของเขากำลังตัวสั่นเทา
เขาสัมผัสแผ่วเบาบนเส้นผมนุ่มลื่นของเธอ ปล่อยให้ลมอุ่นๆ เป่าลอดผ่านนิ้วมือของเขา
รดลงบนเส้นผมของเธอ
เป็นเวลาเนิ่นนาน ที่ป๋อจิ่งชวนลูบลงบนเส้นผมของเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เมื่อเส้นผมของเธอเปลี่ยนเป็นนุ่มสลวย ป๋อจิ่งชวนจึงปิดไดร์เป่าผมลงจนทำให้ภายในห้องไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ
กลิ่นหอมของแชมพูและครีมอาบน้ำผสมกันวนเวียนอยู่รอบตัวของพวกเขา
ภายในห้องที่เงียบสงัดดูเหมือนจะเพิ่มความหอมให้แก่กลิ่นนั้นไปพร้อมกับความดึงดูดที่ไร้เสียงที่ค่อยๆ โชยกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้อง
มือของเขายังคงสาระวนกับเส้นไหมสีดำขลับบนศีรษะของเธอ
“ป่วยอยู่ยังจะพาผมเปียกๆ วิ่งไปทั่ว ยังลำบากไม่พออีกใช่ไหม หืม?”
“ฉัน…ลืม”
ก็จะให้เฉินฝานซิงบอกเขายังไง
“ลืม? งั้นคงยังลำบากไม่พอ”
เฉินฝานซิงกัดริมฝีปาก ขยับเอวหวังจะออกจากอ้อมกอดของเขา
ผลคือป๋อจิ่งชวนจงใจที่จะงอเข่าลงในตอนนั้น ทำให้สะโพกของเธอเกือบจะลื่นตกลงไปตามเข่าของเขา
มือของเธอตะกายขึ้นบนไหล่ทั้งสองข้างของเขาด้วยสัญชาตญาณเพื่อพยุงร่างที่เกือบจะตกลงไปกองกับพื้น
เขาขำเบาๆ สองมือประคองเอวของเธอเอาไว้ ในตอนนี้เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความปลุกปั่นอย่างพอใจ
“จะยั่วกันก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย ถูกกอดแต่หัววันแบบนี้รู้ไหมว่ามันอันตราย”
เธอนิ่งอึ้งไปก่อนหันกลับมาพร้อมกับใบหูที่ขึ้นสีระเรื่อ
“คุณ…”
รอยยิ้มจากนัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
“สบายใจเถอะ ตอนนี้ผมป่วยอยู่ทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”
เธอมองเขาเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมาจากตักของเขาอย่างลุกลี้ลุกลน
“ต่อให้คุณไม่ป่วยคุณก็ห้ามทำอะไรฉัน…รีบๆ ทานข้าวแล้วทานยาได้แล้ว”
เธอหันไปทางประตูแล้วเตรียมจะเดินหนี ภายใต้ชุดนอนเรียบง่ายสีขาวล้วน ขาเรียวยาวคู่นั่นดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก
ป๋อจิ่งชวนลุงยืนขึ้นจากเตียง
ประตูที่เธอเพิ่งแง้มออกถูกมือข้างหนึ่งกดเอาไว้จากทางด้านหลัง
มันถูกปิดลงจนเกิดเสียงดัง เฉินฝานซิงไม่ทันได้โต้ตอบ แผ่นหลังของเธอก็ถูกทาบลงมาโดยแผ่นอกกว้าง
“อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”
หัวใจของเธอเต้นอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว!
“ฉัน…ยังไม่ได้กินยาเลย”
ป๋อจิ่งชวนหันไปพลิกข้อมือของเธอแล้วลากเธอกลับเข้ามาในห้องใหม่อีกครั้ง ก่อนจะให้เธอนั่งลงบนโซฟา
“ที่นี่ก็มียา เรากินด้วยกันได้”
เขาว่าจบก็นิ่งไป จากนั้นรอยยิ้มในดวงตาของเขาก็แจ่มชัดขึ้น
“เพราะถึงยังไง เราก็ป่วยแบบเดียวกัน”
เฉินฝานซิงเสหน้าไปทางอื่น
“ฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณได้ยังไง ฉันว่าคุณควรทานมื้อเช้าให้เสร็จแล้วกินยาจากนั้นก็นอนหลับพักผ่อน”
“งั้นคุณนอนเป็นเพื่อนผมก็แล้วกัน”
“…”
เธอเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหันขวับมาหาเขา
รอยยิ้มของเขาได้หายไป ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้ววางมือลงบนเส้นผมของเธอแล้วลูบมันไปมา
“แค่คุณยอมนั่งอยู่ในนี้แบบไม่ดื้อไม่ซนก็พอแล้ว”