ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 205 การแข่งขัน / ตอนที่ 206 สิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ในมือของฉัน
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 205 การแข่งขัน / ตอนที่ 206 สิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ในมือของฉัน
ตอนที่ 205 การแข่งขัน
คอมเม้นต์ที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงพูดถึงเฉินฝานซิงบนอินเตอร์เน็ตทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวในอดีตถูกหยิบยกออกมา เฉินฝานซิงถูกด่าทออย่างเสียๆ หายๆ แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แค่คิดๆ ดู เธอก็รู้ว่าสถานการณ์บนอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นอย่างไร จึงไม่หาเรื่องใส่ตัวไปเปิดดูคอมเม้นต์ให้ปวดใจ แต่กลับเลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่งอย่างชาญฉลาด
ส่วนเฉินเชียนโหรว เห็นเรื่องยิ่งบานปลายร้ายแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกยินดีมากเท่านั้น
ยอมปล่อยให้เฉินฝานซิงถูกด่าไปเรื่อยๆ แบบนี้ นั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายได้แล้ว่า ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเฉินฝานซิงคนนั้นจะต้องรังเกียจเธอแล้วแน่ๆ ถึงได้ไม่สนใจใยดีเธอเลย
แบบนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ชื่อเสียงด้านนี้ฉาวกระฉ่อนไปทั่ว ดูซิ ยังจะมีผู้ชายคนไหนสนใจเธออีก
จริงๆ แล้วแบบนี้ก็มีผลดีกับเธออยู่เหมือนกัน เพราะทำให้เธอเจรจาธุรกิจง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะ
กำจัดเสี้ยนหนามของหัวใจได้แล้ว เฉินเชียนโหรวก็ก็ยิ้มออกในที่สุด หลังจากที่ประคบน้ำแข็งมาทั้งเช้า อาการบวมที่ปากก็ลดลงจนเกือบจะหายเป็นปกติ
เมื่ออารมณ์ดีขึ้นแล้ว เฉีนเชียนโหรวจึงยอมออกจากห้องมาเสียที
สีหน้าของเจียงหรงหรงก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาไม่น้อย
ในขณะที่มองดูเฉินเชียนโหรวเดินลงมา ทุกคนก็สูดหายใจยาวหนึ่งเฮือก
เฉินเชียนโหรวเดินมาที่ห้องรับแขก ก่นจะพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ขอโทษนะคะ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ หนูทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงแล้ว”
เฉินเต๋อฝานมองลูกสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ถึงแม้จะอารมณ์ร้ายไปบ้างในบางครั้ง แต่อย่างน้อยก็ยังมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น
เจียงหรงหรงถอนหายใจด้วยท่าทางเหนื่อยล้า “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะไม่ให้เป็นห่วงก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็ยังคิดได้ แต่ว่าตอนนี้ดีที่เรื่องนี้เงียบลงไปแล้ว คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เรื่องที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพีอาร์ เธอก็ตั้งใจถ่ายละครต่อไปแล้วกัน จากนั้นก็…คบกับซูเหิงอย่างเปิดเผยได้แล้ว”
ในระหว่างที่พูด น้ำเสียงของเจียงหรงหรงฟังดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย
ไม่ว่าระหว่างทางจะเป็นอย่างไร แต่ผลสรุปก็นับว่ายังเป็นที่น่าพอใจ
ใบหน้าของเฉินเชียนโหรวเผยให้เห็นความเขินอาย
หลายปีมานี้ พี่เหิงสับสนลังเลเพราะความรู้สึกผิดต่อเฉินฝานซิงมาตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอจับเขาไว้แน่นพอ ป่านนี้พี่เหิงคงได้อยู่กับนางแพศยานั่นไปแล้ว
แต่สุดท้าย ในที่สุดพวกเขาก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสักที
เจียงหรงหรงมองดูเฉินเชียนโหรว ภายในแววตาหลักแหลมผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วนนั้นมีความรักความเอ็นดูเพิ่มขึ้นมา
“เชียนโหรวเป็นดาวนำโชคของพวกเราสกุลเฉินจริงๆ ด้วย เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ สุดท้ายก็คลี่คลายสถานการณ์ไปได้ด้วยดี เทียบกับยัยพี่สาวคนนั้นแล้ว…”
เจียงหรงหรงพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นความเย็นชาขึ้นมาถนัดตา จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงดุดัน
“คนหนึ่งคือดาวนำโชค อีกคนหนึ่งยิ่งกว่าตัวหายนะ”
เฉินเชียนโหรวยกมุมปาก ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ตีหน้าเศร้าด้วยท่าทางจนปัญญา
“ไม่ว่าพี่จะปฏิบัติกับหนูแบบไหนมาก่อนก็ตาม หนูไม่เก็บมาใส่ใจทั้งหมดเลยก็ได้ แต่ครั้งนี้ พี่เขาทำเกินไปจริงๆ…”
สีหน้าของเจียงหรงหรงเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม
“ทำเกินไป?”
เวลานี้ น้ำเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่นดังขึ้นมาจากด้านหลังของปะตู
เฉินเชียวโหรวตะลึงงัน พลันหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นเฉินซั่งหวาเธอก็รีบร้องออกมาด้วยความดีใจ“คุณปู่”
สีหน้าของเจียงหรงหรงนิ่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
“น้องสาวแท้ๆ เข้ามาเสียบงานแต่งงานของตัวเอง เฉินฝานซิงยอมออกมาเป็นแพะรับบาปแทนพวกเธอได้ก็นับว่าเมตตามากพอแล้ว มีอะไรตรงไหนที่ต้องรู้สึกผิดกับพวกเธออีกเหรอ อะไรคือการบอกว่าทำเกินไป”
เฉินเชียนโหรวหน้าเปลี่ยนสีในทันที
เฉินซั่งหวาเดินแกว่งไม้เท้ามาหยุดตรงหน้าเจียงหรงหรง พลางมองเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอโลภมากไม่รู้จักพอ ได้คืบจะเอาศอก ไม่อย่างนั้นจะบีบให้เฉินฝานซิงต้องมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง”
เจียงหรงหรงได้ยินดังนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและเยือกเย็น “จะมาว่าฉันโลภมากไม่รู้จักพอ ได้คืบจะเอาศอกได้ยังไง ที่ฉันทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เพื่อหลันอวิ้น เพื่อสกุลฉเฉินหรอกเหรอ”
“เธอเลิกใช้คำพูดเดิมๆ มาผูกมัดฉันทุกครั้งได้แล้ว ถ้าหลันอวิ้นจะไปต่อไม่รอด นั่นมันก็สมควรแล้ว ฉันยอมให้หลันอวิ้นพัง ดีกว่าให้หลานสาวต้องมาแบกรับปัญหาอะไรแบบนี้เอง”
ตอนที่ 206 สิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ในมือของฉัน
“คนอย่างฉัน เฉินซั่งหวาอยู่มาค่อนชีวิต เพิ่งจะเคยเห็นย่าแท้ๆ บังคับให้ผู้ชายนอกใจหลานสาวตัวเองเป็นครั้งแรก ฝานซิงก็เป็นหลานของฉันเหมือนกัน เธอโยนความผิดให้เธอ คนที่ต้องขายหน้าไม่ใช่คนสกุลเฉินของฉันหรอกเหรอ นี่เหรอคือสิ่งที่เธอบอกว่าทำเพื่อสกุลเฉิน”
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็ไม่เคยเห็นเฉินซั่งหวาโมโหขนาดนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยเห็นเขามีท่าทีแบบนี้กับเจียงหรงหรงแบบนี้เลย ทำให้แต่ละคนอดตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้ไม่ได้
เจียงหรงหรงโกรธจนหน้าเขียว หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความกระฟัดกระเฟียด “คุณ…คุณ…”
“คุณแม่คะ ใจเย็นก่อนนะคะ คุณพ่อก็เหมือนกัน ใจเย็นๆ กันทั้งคู่เลย คุณแม่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้วนะคะ…”
หยางลี่เวยเข้าไปประชิดตัวเจียงหรงหรง พลางพูดปลอบโยนด้วยสีหน้าร้อนรน
เฉินซั่งหวาเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเจียงหรงหรง ความตึงเครียดที่หว่างคิ้วของเขาจึงลดลงไปบ้าง
เฉินเชียนโหรวตกใจจนตั้งตัวไม่ถูก ยืนปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอยู่ข้างๆ
เจียงหรงหรงพยายามฝืนข่มความโกรธเอาไว้ สายตาจดจ้องเฉินซั่งหวา ยังคงไม่มีท่าทีที่จะโอนอ่อน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงอาการแข็งข้อมากนัก
“เรื่องที่ฝานซิงเคยทำในตอนนั้นทุกคนต่างก็รู้ดี หกปีก่อน งานแข่งขันเปียโน ไม่ได้เป็นเพราะเธอไปให้ท่าคณะกรรมการหรอกเหรอ ใครบ้างจะไม่รู้ว่าฝีมือการเล่นเปียโนของเฉินเชียนโหรวไม่เคยแพ้ใคร ตอนนั้นฉันเตือนเธอด้วยความหวังดีว่าอย่าลงแข่งเลย แต่เธอกลับไม่ฟัง พอฝีมือสู้ไม่ได้ ก็เลยเลือกใช้วิธีไม่ซื่อตรง เหอะ…เธอไม่ใช่คนที่สะอาดบริสุทธิ์อะไรมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยังจะสนใจชื่อเสียงในครั้งนี้อีกเหรอ เธอจงใจจะต่อต้านฉัน เธอก็คือตัวหายนะดีๆ นั่นแหละ”
เพล้ง ชุดชงน้ำชาที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะถูกไม้เท้าของเฉินซั่งหวาทุบจนแตกละเอียด
ทั้งห้องรับแขกเงียบสงัด
ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจออกมาแรงๆ
เฉินซั่งหวาโกรธจนดวงตาแดงก่ำ ไฟโกรธที่เพิ่งจะมอดลงไปถูกจุดติดอีกครั้ง
สายตาโกรธเกรี้ยวเย็นชาสอดส่ายไปยังทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทีละคน
สุดท้ายก็แค่นเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างเต็มเสียง “เธอนี่ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนจริงๆ นี่มันใช่คำพูดที่ควรจะพูดเหรอ”
“…”
“ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย บ้านนี้ฉันก็ยังคงเป็นใหญ่ที่สุด สิทธิ์ในการตัดสินใจทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในมือของฉัน พวกเธอระวังตัวเองให้ดีเถอะ”
สิ้นเสียงพูดของเฉินซั่งหวา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็หน้าถอดสีในทันที
เฉินเชียนโหรวเงยหน้าขึ้นมาแอบชำเลืองมองไปทางเจียงหรงหรง พลางกำนิ้วมือทั้งสิบไว้แน่น
“คุณหมายความว่ายังไง” เจียงหรงหรงขมวดคิ้ว
“เธอคิดว่าฉันหมายความว่ายังไงก็หมายความว่าอย่างนั้นแหละ”
เฉินซั่งหวาทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค ก่อนจะเดินสะบัดไม้เท้าออกไปทางประตูด้านหลัง
เจียงหรงหรงกัดฟันกรอด สีหน้าขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้นพรวดมาจากโซฟาแล้วทอดมองตามแผ่นหลังของเฉินซั่งหวาไปพร้อมกับพูดขึ้น “คุณจะไปไหน ถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว”
เฉินซั่งหวาไม่แม้แต่จะหยุดฝีเท้า และไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
หยางลี่เวยเงยหน้าขึ้นมองเฉินเชียนโหรว สองแม่ลูกสบตากัน ก่อนจะเบนสายตาไปทางเฉินเต๋อฝาน
“แม่คะ พ่อเขา…หมายความว่ายังไงเหรอคะ” หยางลี่เวยอดถามไม่ได้ เพราะหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าของเฉีนเชียนโหรว คำพูดนี้ก็ฟังดูคลุมเครือมีนัยยะแอบแฝงไปทันที
สุดท้าย เจียงหรงหรงกลับเหลือบตามองเธอด้วยความเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม “เรื่องพวกนี้ เธอถามให้น้อยๆ หน่อยจะดีกว่า จัดการดูแลร้านที่เธอรับผิดชอบอยู่ให้ดีก่อนเถอะ”
หยางลี่เวยเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรต่ออีก
ใช่สิ เจียงหรงหรงไม่ต้องรีบร้อนหรอก ในเมื่อบรรดาร้านที่เธอดูแลอยู่นั้นยังคงมีผลกำไรดีทุกปี
เพียงแต่ หุ้นในบริษัททั้งหมดนั้นควรจะเป็นของเธอได้แล้ว แม้แต่ตัวเดียวก็ขาดไม่ได้
เจียงหรงหรงยืนนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าจริงจัง ดวงตาหลักแหลมหรี่ลงเล็กน้อย
“คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย นายหญิง คุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วค่ะ”
เจียงหรงหรงเลิกคิ้วขึ้น คลายสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดของตัวเอง “เอาล่ะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ บริษัทก้าวผ่านความยากลำบากไปได้แล้ว ทุกคนผ่อนคลายกันหน่อย กินข้าวเที่ยงแล้วไปนอนพักผ่อนเอาแรง”
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้พยักหน้าตอบรับจนครบ จู่ๆ โทรทัศน์ในห้องรับแขกก็มีภาพของรายงานข่าวสดปรากฎขึ้นบนหน้าจอ