ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่459ไม่สมเหตุแถมยังไม่สมผลตอนที่460หม่ำๆเนื้อ
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่459ไม่สมเหตุแถมยังไม่สมผลตอนที่460หม่ำๆเนื้อ
ตอนที่ 459 ไม่สมเหตุแถมยังไม่สมผล
หลินสื่อเจียกระตุกมุมปาก และวางแก้วไวน์ลงเช่นกัน เขาเคลื่อนสายตาลงบนขาเปลือยเปล่าที่โผล่ออกมาก่อนจะยกมือขึ้นวางลงไปอย่างแผ่วเบา
“ถ้างั้น ให้ฉันกลับไปช่วยเธอดีไหม”
เฉินเชียนโหรวเหลือบมองฝ่ามือใหญ่ที่ลูบไล้ไปมาบนขาของเธอ แต่กลับไม่ได้ขยับเขยื้อน ซ้ำยังมองไปยังหลินสื่อเจียด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่นึกเกรงกลัวสิ่งใด
“ก็ไปสิ ฉันไม่ได้ล่ามนายไว้นี่ นายอยากจะช่วยใครมันก็เรื่องของนาย ฉันจูงจมูกนายไม่ได้อยู่แล้ว…”
มือของหลินสื่อเจียค่อยๆ เลื่อนขึ้นสูง ล่วงล้ำเข้าไปยังใต้กระโปรงของเธอ เขาเบี่ยงตัวแล้วค่อยๆ ประชิดร่างเข้าหาเธอ เสียงพร่าเอ่ยขึ้นข้างใบหูของเฉินเชียนโหรว
“ไม่ไป ฉันแพ้ให้เธอแล้ว ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันคงทำได้เพียงดิ่งลงสู่ความมืดมิดไปพร้อมๆ กับเธอ…”
เขาว่าพลางก้มลงกดจูบบนคอเธอไปสองครั้งอย่างรีบร้อน แต่ก็กลับโดนเธอผลักออกมา
“จะทำอะไร รีบๆ ไปเขียนเพลงเข้าสิ ฉันยังต้องรีบปล่อยอัลบั้มนะ”
มือของหลินสื่อเจียชะงักกลางอากาศ เขามองเฉินเชียนโหรวในขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน สองคิ้วเลิกขึ้นสูงก่อนจะพ่นลมหายใจทิ้งออกมาแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าคีย์บอร์ดไฟฟ้า
“ผู้หญิงสมัยนี้ ชอบเอาชนะยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก”
เฉินเชียนโหรวเค้นขำเสียงเย็น “หากไม่แย่งชิงอะไรเลย หัวใจจะสงบได้ยังไง”
หลินสื่อเจียมองเธอวูบหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาเงียบๆ
–
แม้จะเห็นว่าเรื่องเริ่มจะไม่เข้าทางจี้อี้แล้ว แต่เฉินฝานซิงกลับดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เธอใจจดใจจ่ออยู่แต่กับการเตรียมงานวันเกิดให้กับป๋อจิ่งชวน
ของขวัญวันเกิดถูกหามาตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว เฉินฝานซิงตัดสินใจว่าในวันเกิดของเขาวันนั้นเธอจะลงมืออบเค้กให้เขาด้วยตัวเอง
ขณะที่เธอไปเลือกซื้อวัตถุดิบในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ ก็บังเอิญเจอกับสองร่างที่คุ้นเคยเข้าพอดี
“พี่สะใภ้ใหญ่…พี่สะใภ้ใหญ่…”
เสียงนุ่มๆ เล็กๆ นี่มัน…
เฉินฝานซิงหันกลับไปมอง หวันหว่านในชุดกระโปรงเจ้าหญิงสุดน่ารักกอดตุ๊กตาหมูเปปป้าพิกวิ่ง เตาะแตะเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ เธอ ร่างน้อยๆ ผิวอมชมพูวิ่งไปก็โยกไปย้ายมา น่ากลัวว่าจะล้มลงอีกในไม่ช้า
เฉินฝานซิงโน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมา เจ้าตัวน้อยกลับรีบเอ่ยขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว
“พี่สะใภ้ใหญ่…ซื้อของอาหย่อยย๋อ ของหวานๆ…”
หวันหว่านกะพริบดวงตากลมโตปริบๆ ภายในนั้นพราวระยับและอัดแน่นไปด้วยความหวัง ลิ้นน้อยๆ สีชมพูนุ่มว่าพลางก็เลียริมฝีปากไปพลาง
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่น้อยๆ แล้ว
เฉินฝานซิงอดเผยยิ้มขึ้นมาจางๆ ยามมองไปยังหญิงสาวที่กำลังเข็นรถเข้ามาไม่ได้
เธอชะงักนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดกับเฉินฝานซิง
“พี่สะใภ้…”
อย่าว่าแต่ซังอวี๋ยังไม่ชินเลย เธอเองก็อึดอัดใจเช่นกัน
เธอยังไม่ได้แต่งงานกับป๋อจิ่งชวนเลยนะ คำว่าพี่สะใภ้นี่ ฟังอย่างไรก็ดูไม่สมเหตุแถมยังไม่สมผลอีก!
“บังเอิญจัง”
สุดท้ายเธอได้แต่ยิ้มและพูดตอบเสียงแผ่ว ทว่าสายตากลับกวาดมองไปยังข้าวของในมือของซังอวี๋
เกี๊ยวสำเร็จรูปแช่แข็ง บะหมี่ทำมือและอีกหลายอย่างที่ล้วนแล้วแต่เป็นของสำเร็จรูป
เฉินฝานซิงเม้มปาก จู่ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เคยถามป๋อจิ่งหางขึ้นมาได้ว่า ผู้ชายที่ติดรสชาติทางภาคเหนือกับสาวชาวใต้เข้ากันได้อย่างไร!
ที่แท้ก็เป็นอาหารสำเร็จรูปนี่เองที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างพวกเขาทั้งคู่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หันมองซังอวี๋แล้วเอ่ยถาม
“เย็นนี้มากินมื้อเย็นด้วยกันไหม”
ไหนๆ ต่อไปทั้งคู่ก็ต้องมาเป็นสะใภ้บ้านเดียวกันอยู่แล้ว กระชับความสัมพันธ์กันเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ต่อไปจะได้ไม่ต้องปวดหัว!
สีหน้าของซังอวี๋ฉายแววเคอะเขินเล็กน้อย ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบรับ อีกด้านหนึ่งหวันหว่านก็ชูมือน้อยๆ ขึ้นด้วยความดีใจ!
“เอาสิๆ กินด้วยกันกับพี่ชายใหญ่…พี่สะใภ้ใหญ่…”
ตอนที่ 460 หม่ำๆ เนื้อ
“เอาสิๆ กินด้วยกันกับพี่ชายใหญ่…พี่สะใภ้ใหญ่…”
เฉินฝานซิงขยี้ปลายจมูกลงบนแก้มนิ่มของหน้ากลมอย่างสนิทสนม
“อืม…หวันหว่านอยากหม่ำอะไรเอ่ย”
“หม่ำๆ เนื้อ!”
เสียงเจื้อยแจ้วตอบเสียงดังฟังชัด เรียกเอาสายตาผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ หันมามองเจ้าของผิวอมชมพูน่ารักชวนใจละลาย!
“อุ๊ย น่ารักจังเลย!”
“จู่ๆ ก็เสนอขึ้นมาเองเลยว่าอยากหม่ำๆ เนื้อ ฮ่าๆ น่ารักอะไรขนาดนี้!”
“ตัวแสบที่บ้านเราแค่พอถึงเวลาอาหารทีไร ทั้งบ้านก็กลุ้มกันจนหัวหมุน!”
ซังอวี๋มองหวันหว่านอย่างเอือมๆ “หม่ำแต่เนื้อไม่ได้นะหวันหว่าน ต้อง…”
“หม่ำๆ ผัก…แล้วก็ต้องหม่ำๆ ข้าวด้วย!”
ท่าทีว่านอนสอนง่ายของหวันหว่านเรียกความชื่นชอบจากผู้คนได้ไม่น้อย แม้แต่ซังอวี๋เองก็ต้องยอมรับตรงจุดนี้
“เอาละ ยังพอมีเวลา ไปเดินเลือกด้วยกันเถอะ…”
“โอ๊ะเก!”
จากนั้นทั้งสามก็เดินเลือกซื้อของด้วยกัน
เฉินฝานซิงหันไปถามซังอวี๋ผ่านๆ ว่า
“จริงสิ เธอทำเค้กเป็นรึเปล่า”
ซังอวี๋ยกศีรษะขึ้นมองเธอ เฉินฝานซิงจึงพูดต่อไปว่า
“เห็นเขาบอกว่าสาวทางใต้ทำเค้กเก่ง ฉันเลยอยากจะเรียนสักหน่อยน่ะ”
ซังอวี๋ผินหน้าเล็กน้อยแล้วกระตุกมุมปากขึ้นมาเบาบางจนไม่อาจสังเกตเห็น
“ก…ก็พอได้อยู่ค่ะ ไม่ถึงกับเก่งมาก”
“ก็ต้องเก่งกว่าฉันที่ทำไม่เป็นเลยอยู่มากโข กลับไปเราลองทำกันดูนะ…”
“…ค่ะ”
สองชั่วโมงให้หลัง สองสาวกับอีกหนึ่งเจ้าตัวน้อยล้อมวงกันอยู่ในห้องอาหาร พวกเธอกำลังจ้องมองวัตถุปริศนาที่ถูกเผาจนดำเป็นตอตะโกซึ่งถูกวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งห้องจมไปในความเงียบอยู่เนิ่นนาน
มีเพียงหวันหว่านที่ถือช้อนพลางถลึงตากลมโตเอ่ยถาม
“หม่าม้า พี่สะใภ้ใหญ่…แย้วเค้กอยู่ไหนอะ”
เฉินฝานซิงและซังอวี๋ประสานตากันวูบหนึ่ง ก่อนจะหลุดขำ พรืด กันออกมา
“ยังมีเวลา ลองกันอีกครั้งเถอะ!”
ทั้งสองต่างก็เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ให้กับอะไรง่ายๆ ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดก็ทำสำเร็จมาได้ก้อนหนึ่ง
และในตอนนี้ก็เกือบจะได้เวลาเลิกงานของป๋อจิ่งชวนแล้ว
เฉินฝานซิงเร่งทำจัดการทำลายเบาะแสในการทำเค้ก แล้วหันไปสาละวนกับอาหารเย็นต่อ!
เพราะได้โทรบอกป๋อจิ่งหางไปล่วงหน้าแล้ว เมื่อป๋อจิ่งชวนกลับมาถึง เขาก็ตามพี่ชายเข้ากลับมาโดยเว้นระยะห่างกันสิบเมตร
ป๋อจิ่งชวนดึงหน้าถมึงทึง ขณะเดินก็แผ่ไอลมที่กัดเซาะไปจนถึงขั้วกระดูก
หวันหว่านที่ปกตินับว่าเป็นเด็กกล้าหาญคนหนึ่ง มาบัดนี้เมื่อได้เห็นป๋อจิ่งชวน เธอเองก็กลับไม่กล้าพูดออกมาเลยสักแอะเหมือนกัน ก่อนจะวิ่งออกไปเกาะขาป๋อจิ่งหางเอาไว้
“หางหาง กลัวๆ…”
ป๋อจิ่งหางยกหวันหว่านขึ้น แล้วพาเดินเข้าไปทางห้องครัว!
“ยัยตัวน้อย เธอกอดผิดขาแล้ว! ตอนนี้ขาที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่นี่ต่างหาก!”
เมื่อหยุดลงตรงหน้าเฉินฝานซิง ป๋อจิ่งหางก็รีบวางหวันหว่านลงบนพื้นแล้วจับมือสอนให้หวันหว่านกอดขาเฉินฝานซิง!
เฉินฝานซิงก้มหน้า สบเข้ากับนัยน์ตากลมโตน่าสงสารคู่นั้นที่กำลังจ้องมองเธออยู่พอดี!
ท่าทีวิงวอนขอชีวิตนั้นทำเอาหัวใจของเธอระทวย
เมื่อไปหันมองคุณผู้ชายบางคนที่กำลังปลดเนคไทอยู่ผ่านประตูกระจก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกระอาขึ้นมาในใจ
ตอนนี้ในบ้านออกจะมีคนเยอะแยะขนาดนี้ เธอจะไม่ยอมให้เขารับประทานอาหารไปทั้งหน้าบูดๆ แบบนั้นแน่!
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยกตะหลิวให้ซังอวี๋ที่อยู่ไม่ห่าง “เธอช่วยผัดไปก่อนนะ ฉันจะออกไปดูสักหน่อย”
ว่าพลางก็ยื่นหวันหว่านกลับไปให้ป๋อจิ่งหางตามเดิมแล้วเดินออกจากห้องครัวไป!
ซังอวี๋รับตะหลิวมา มองอาหารในกระทะที่กำลังส่งเสียงฉู่ฉี่อย่างทำตัวไม่ถูก เธอเม้มปากพลางยกตะหลิวขึ้นกลางอากาศอย่างลังเล
“เหอะ ปกติเธอเก่งนักไม่ใช่รึไง นี่แค่ผัดผักทำอย่างกับขึ้นลานประหารอย่างงั้นแหละ”
ป๋อจิ่งหางที่เห็นท่าทีของซังอวี๋ก็อดเหน็บแนมออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูโหดร้ายไม่ได้
ซังอวี๋ย่นคิ้ว กวาดสายตามองเขาเรียบๆ ไปวูบหนึ่ง แล้วหันกลับมาผัดกวางตุ้งในกระทะอย่างระมัดระวัง
หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้น มองอย่างไรก็เหมือนคนกำลังหาเรื่อง!