ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่495&ตอนที่496
ตอนที่ 495 อย่าลืมความตั้งใจแรก อย่ากลัวที่จะต้องก้าวต่อไป!
จี้อี้พยักหน้ารับ รอยยิ้มบนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ
“ไม่ว่ายังไง ก็ต้องขอขอบคุณที่พวกคุณมาที่นี่ ขอบคุณที่ยอมฟังฉันร้องเพลง ขอบคุณที่พวกคุณรักในเสียงดนตรี และทำให้ฉันได้ปลดปล่อยตัวเองในค่ำคืนนี้”
จี้อี้ไม่ได้เอ่ยว่ายกโทษให้
เพราะเธอได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากความไร้เหตุผลของคนพวกนี้จริงๆ
คนๆ หนึ่งที่เคยได้รับความเจ็บปวดอย่างแท้จริง จะยกโทษให้คนที่ทำร้ายตัวเองง่ายๆ ได้อย่างไร
เพียงแต่ว่าไม่ให้อภัยนั่นคือเรื่องหนึ่ง ขอบคุณก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกแฟนคลับไม่ได้รบเร้าเรื่องนี้กับจี้อี้ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เคยทำร้ายจี้อี้มาจริงๆ
“จี้อี้ ร้องต่อเถอะ! จี้อี้ เราจะอยู่กับเธอต่อ!”
เมื่อพูดถึงเรื่องร้องเพลง สีหน้าของจี้อี้ก็สดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่บริษัทเช่าสถานที่แค่สองชั่วโมง แล้วตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว…”
“ฮะ แต่เรายังอยากฟังอีกนี่!”
“จี้อี้ร้องอีกสักสองเพลงเถอะนะ!”
“จี้อี้…”
จี้อี้เพียงแค่เงยหน้าขึ้นอย่างจนใจ เบื้องล่างของเวทีก็ได้แต่ทอดถอนใจอย่างสิ้นหวัง
จี้อี้ได้เห็นได้ฟังก็กัดฟันอย่างอดไม่ไหว
เธออยากร้องเพลง และมีคนที่ฟังเธอร้องอย่างตั้งอกตั้งใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีคอนเสิร์ตใหญ่ขนาดนี้
…
ในตอนนั้นเอง เสียงของหญิงสาวเสียงหนึ่งที่ก็ไม่ทราบว่าดังมาจากทางไหนได้เอ่ยขึ้น…
“จี้อี้ ยังไหวอยู่ไหม”
คนสามหมื่นคนเบื้องล่างมองหน้ากันไปมา เหลียวซ้ายแลขวาอยากรู้ว่าใครกำลังพูดอยู่
เสียงนี้มัน…
จี้อี้ชะงักไป ก่อนจะรีบตอบว่า
“ไหวค่ะ! ประธานเฉิน…”
สิ้นคำนั้นเฉินฝานซิงก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอนั่งอยู่ในห้องควบคุม มองเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านระบบเรียลไทม์ในห้องควบคุมแล้วกล่าวต่อไปว่า
“สองชั่วโมง ร่างกายก็น่าจะเสียแรงไปพอสมควรแล้ว ให้อีกไม่เกินสองเพลง!”
จี้อี้ดีใจอย่างคาดไม่ถึง เธอพยักหน้ารับแรงๆ “ขอบคุณค่ะประธานเฉิน!”
“อืม”
เมื่อเสียงเย็นชานั้นสิ้นสุดลงก็ไม่มีเสียงใดเอ่ยขึ้นมาอีก
เบื้องล่างของเวที
“คนที่พูดเมื่อกี้คือใครอะ เสียงเพราะจังเลย ฟังดูโคตรมีอำนาจ!”
“ได้ยินจี้อี้เรียกว่าประธานเฉิน แถมอนุญาตให้จี้อี้ร้องอีกสองเพลงด้วย! จะต้องเป็นประธานเฉินแห่งซิงเฉินกั๋วจี้แน่ๆ!”
“อื้มๆ ฉันเคยดูแถลงข่าวของซิงเฉินกั๋วจี้! ท่าทางก็ดูดี คนก็นิสัยดี เมื่อก่อนฉันยังเคยแขวะเธออยู่เลยเว่าเธอหน้าด้านชอบชมว่าตัวเองตาแหลมอะไรทำนองนั้น พอเห็นจี้อี้ตอนนี้แล้ว ที่แท้เธอก็เก่งอย่างที่พูดไว้จริงๆ!”
จี้อี้ถอนหายใจยาวเหยียดอย่างสบายใจ ก่อนจะยกไมค์ขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ใช่ค่ะ ประธานเฉินเป็นคนดีจริงๆ หากไม่ใช่เพราะเธอ เมื่อครึ่งเดือนก่อนฉันก็คงจะทำเรื่องที่โง่ที่สุดลงไปแล้ว! เธอให้ชีวิตใหม่กับฉัน ให้ฉันคนใหม่ การได้เจอเธอในชีวิตนี้ คือความโชคดีของฉัน…”
พูดเสร็จเธอก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อไปว่า
“เอาละค่ะ ต่อไปเป็นช่วงเวลาของสองบทเพลงที่ไม่ได้ได้มาง่ายๆ ขอให้ทุกคนผ่อนคลายจิตใจจากเรื่องแย่ๆ ไปกับเพลงแรก ‘ชิวเชียน’ (ชิงช้า)”
“เอาเลย!”
จากนั้นท่วงทำนองที่ค่อนข้างชื่นมื่นก็บรรเลงขึ้น…
หากบอกว่าร้องไห้ให้หนำใจสักครั้ง
จะทำให้เข้มแข็งขึ้นถูกไหม
……
หากบอกว่านี่คือการลี้ภัยครั้งหนึ่ง
จุดมุ่งหมายของฉันคือที่ไหนสักแห่งที่ไร้ผู้คน
เมื่อได้เผชิญกับมันด้วยตัวเอง ฉันทำได้แค่ยอมจำนน
เจ็บให้มันน้อยๆ หน่อย
ฉันเพียงแค่ต้องการไหล่ใครสักคน
แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความเย็นชาจากเธอ
บางครั้งฉันก็คิด ว่ามีหรือไม่มีเธอมันก็ไม่ต่างกัน
คงไม่เป็นไรหากขอบตาต้องแดงอีกสักครั้ง…
ท่วงทำนองเบิกบานเร้าใจฝูงชนได้อีกครั้ง ตอนนี้บนใบหน้าของจี้อี้ คลายจากความกังวลและความหวาดวิตกในครั้งก่อนหน้า ผ่อนคลายตัวเองได้อย่างเต็มที่ รอยยิ้มบนใบหน้าจึงเป็นรอยยิ้มที่สดใสและผ่อนคลาย
จบไปหนึ่งบทเพลง จี้อี้ก็หยุดลง “ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้ง! ฉันรักดนตรีมาก ต่อไปไม่ว่าฉันจะเป็นยังไง ฉันจะจำไว้เสมอว่า…
อย่าลืมความตั้งใจแรก อย่ากลัวที่จะต้องก้าวต่อไป!”
ตอนที่ 496 ดอกไม้ไฟ
“ต่อไป เป็นบทเพลงสุดท้าย ‘ฮวาหั่ว’(ดอกไม้ไฟ)!”
——
บอกไม่ได้ว่าหรอกแสนสั้น บอกไม่ได้หรอกว่าตลอดไป
บอกไม่ได้ว่าหากมีความสุขแล้วความทุกข์จะตามมา
บอกไม่ได้หรอกว่าฟุ่มเฟือย บอกไม่ได้หรอกว่าวู่วาม
ตราบใดที่เคยรู้สึกประทับใจ
แต่งกลอนสั้นๆ แต่งนิยายสักเรื่อง
เพียงแค่วินาทีเดียว สีสันก็มีความหมายขึ้นมาได้
เขียนความทรงจำสักอย่าง ไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปนานเพียงไหน
ก็ยังพอจะให้ฉันได้มีรอยยิ้มและน้ำตา
ช่วงชีวิตที่ยืนยาว แท้ที่จริงแล้วเปรียบดั่งทะเลทราย
ทว่าใต้ฝ่าเท้าของเธอกลับมีตาน้ำผุดขึ้นมา
ความเงียบเหงาในชีวิตได้สิ้นสุดลงแล้ว
ดอกไม้ไฟระเบิดออกชบนท้องฟ้าที่มืดมิด
เราต่างก็พร้อมใจกันแหงนหน้าขึ้นอย่างไม่ได้นัดหมาย
ดอกไม้ไฟผลิบานทั่วผืนนภา
ดอกไม้ไฟนั้นงดงามและแสนสั้น
ไม่มีเวลาไปนึก เรื่องของวันพรุ่งนี้…
เมื่อร้องมาจนถึงท่อนไคลแมกซ์ จู่ๆ พลุและควันหลากสีสันตรงเบื้องหน้าของเวทีก็พลันแตกกระจายออกมา!
ตามมาด้วยดอกไม้ไฟที่เบ่งบานไปทั่วทั้งแผ่นฟ้าเหนือจัตุรัสอิ๋นเหอ พลอยทำให้ทั้งจัตุรัสอิ๋นเหอสว่างวาบ!
อีกทั้งเบื้องล่างของเวที แสงไฟในมือของฝูงชนนับสามหมื่นชีวิตก็กะพริบอย่างไม่ขาดสาย พร้อมทั้งตะโกนประโยคที่จี้อี้เพิ่งจะกล่าวไปเมื่อไม่นานขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงว่า…
“อย่าลืมความตั้งใจแรก อย่ากลัวที่จะต้องก้าวต่อไป!”
“อย่าลืมความตั้งใจแรก อย่ากลัวที่จะต้องก้าวต่อไป!”
“อย่าลืมความตั้งใจแรก อย่ากลัวที่จะต้องก้าวต่อไป!”
…
หลินสื่อเจียนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนโซฟา ใบหน้าซีดจัด รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปทั้งเนื้อทั้งตัว
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร จี้อี้เธอ…ทำไมถึงยังเก็บของแบบนั้นเอาไว้อยู่!
และที่บ้านสกุลเฉิน ตอนนี้เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยต่างก็ตกตะลึงไปแล้ว
“เชียนโหรว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
เจียงหรงหรงขึ้นเสียงถาม แก้วในมือถูกเธอเขวี้ยงลงกับพื้น!
เฉินเชียนโหรวย่นคอ เธอบีบนิ้วทั้งสิบเข้าหากันแน่น อกสะท้านขึ้นรุนแรงด้วยความตึงเครียด ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าไปมาไม่หยุด
“คุณย่าคะ หนูไม่รู้เรื่องนะคะ! หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ ต้องเป็นหลินสื่อเจียแน่ๆ…ต้องเป็นเขา! หนูถามเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาก็บอกว่าเพลงนี้มันไม่มีปัญหา…”
“ไม่มีปัญหา?! แล้วตอนนี้จะอธิบายว่ายังไง!”
ซูเหิงที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นถาม “เชียนโหรว ทำไมเธอถึงได้ไปคลุกคลีกับคนแบบหลินสื่อเจียได้”
ใบหน้าซีดขาวของเฉินเชียนโหรวหันมองซูเหิงด้วยสีหน้าอมทุกข์
“พี่เหิง ฉันเคยบอกกับพี่แล้วว่าบังเอิญรู้จักกันตอนที่ไปเกียวโตครั้งก่อนไงคะ เขาก็มีตำแหน่งสำคัญในวงการดนตรี ฉันเลยถือโอกาสทำความรู้จักเขาไว้ แค่รู้จักกันนี่แปลกมากเหรอคะ”
ซูเหิงไม่คิดติดใจ แต่ยังคงมุ่นคิ้วพูดต่อไปว่า
“เห็นอยู่ว่าหลินสื่อเจียอะไรนั่นจงใจจะลอบกัดฝานซิงในงานครบรอบวันเกิดของนายท่านใหญ่สกุลเผย…ที่เธอไปคลุกคลีกับศัตรูของเฉินฝานซิงขนาดนี้ แบบนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วใช่ไหมว่าจริงๆ แล้วเธอเองก็คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฝานซิงเหมือนกัน”
เฉินเชียนโหรวตะลึงงัน น้ำตาหยดเผาะลงมา
“พี่เหิง ที่แท้พี่ก็คิดกับฉันแบบนี้เองเหรอ มองไปให้กว้างๆ สิ ทั้งวงการบันเทิงใครบ้างที่ไม่รู้ว่าหลินสื่อเจียเป็นโปรดิวเซอร์ที่ฝีมือดีที่สุดในตอนนี้ ฉันเป็นศิลปินคนหนึ่ง อยากจะออกเพลงสักเพลงเลยไปหาเขาแล้วมันยังไง หรือก่อนฉันจะทำอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลังก่อนว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับพี่สาวรึเปล่า”
“หรือว่าไม่จริง!”
ซูเหิงผุดลุกขึ้นด้วยสีหน้าถมึงทึง ความเยือกเย็นปกคลุมร่างกายของเขาอย่างชัดเจน
“หากเธอคิดก่อนทำสักนิด วันนี้ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก เชียนโหรว ฉันเอือมกับทุกครั้งที่เธอเกิดเรื่องแล้วจะต้องมีเฉินฝานซิงเข้ามาเอี่ยวเต็มทนแล้ว!”
เฉินเชียนโหรวแหงนหน้ามองเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดและยากจะเชื่อ
“พี่เหิง สรุปแล้วพี่จะบอกว่า เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันใช่ไหม…”
ซูเหิงตีคิ้วขมวด แต่ทว่าไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของเขา
บ้านตระกูลเฉินตกอยู่ท่ามกลางความเงียบงันอย่างที่สุดจะหาคำใดมาพรรณนา
-
งานคอนเสิร์ตที่ถูกใครต่อใครดูถูกไว้ตั้งแต่แรก ท้ายที่สุดก็กลับกลับตาลปัตรอย่างน่าตกใจ!