ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่599ไม่อยู่กับคุณแล้ว!ตอนที่600นั่งดีๆ
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่599ไม่อยู่กับคุณแล้ว!ตอนที่600นั่งดีๆ
ตอนที่ 599 ไม่อยู่กับคุณแล้ว!
กว่าป๋อจิ่งชวนจะพอใจจนยอมเลิกราก็เป็นเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว
เฉินฝานซิงที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างอะไรกับของเหลว ถูกป๋อจิ่งชวนตระกองกอดเอาไว้ในอ้อมแขน เธอเคลื่อนเปลือกตาปิดลงเบาๆ แพขนตาสั่นไหวตามลมหายใจ ตอนนี้เธออ่อนล้าเสียจนแม้แต่ปลายนิ้วก็คร้านจะขยับ
ผ่านไปเนิ่นนาน เฉินฝานซิงถูกชายหนุ่มที่ยังคงมีพลังเหลือล้นอุ้มเข้าห้องอาบน้ำไป
ยามเมื่อร่างของเธอถูกวางลงไปในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำร้อน เฉินฝานซิงขยับเปลือกตาเปิดขึ้นน้อยๆ จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังจากที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง
ป๋อจิ่งชวนก้มลงมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากเธออีกครั้ง
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดยังคงแหบพร่าเช่นเก่า
“คุณพักผ่อนเถอะ ผมอาบให้คุณเอง”
นิ้วของเฉินฝานซิงที่วางตัวอยู่บนขอบอ่างขยับน้อยๆ แม้แต่เรี่ยวแรงจะพูดก็ยังไม่มี ก่อนที่เธอจะกะพริบตาอย่างเชื่องช้า เดาไม่ออกว่าต้องการจะสื่ออะไร
ป๋อจิ่งชวนกลับเริ่มลงมือล้างเนื้อตัวให้เธออย่างบรรจง
ดวงตากลมใต้เปลือกตาขยับไปมาอย่างรวดเร็วก่อนจะสงบนิ่งลงอีกครั้ง
ไอน้ำลอยตัวขึ้นปกคลุมบรรยากาศภายในห้องน้ำอีกครั้ง จู่ๆ แพขนตาของเฉินฝานซิงก็พลันสั่นระริก
ท่ามกลางความเลือนราง เธอรับรู้ได้ว่ารสสัมผัสจากฝ่ามือที่กำลังลาดตระเวนอยู่บนเรือนกายของเธอนั้นกำลังแปรเปลี่ยนไปทุกชั่วขณะ เธอลืมตาตื่นขึ้นในทันที ทันใดนั้นเธอก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีดำขลับของป๋อจิ่งชวน
ท่ามกลางกลุ่มไอน้ำจางๆ ความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นจากนัยน์ตามืดครึ้มคู่นั้นเฉินฝานซิงคุ้นเคยดีเสียยิ่งกว่าอะไร!
เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่เกิดซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่หยุดหย่อนที่เพิ่งจะจบไปเมื่อครู่ เฉินฝานซิงก็พลันหอบหายใจด้วยความตกใจ สองขางอตัวขึ้นใต้ผิวน้ำจนน้ำในอ่างกระเพื่อมเป็นวงกว้าง
“ฉ...ฉันอาบเอง…”
“อย่าขยับตัวซี้ซั้ว คุณมีแรงรึไง”
ป๋อจิ่งชวนกดเข่าที่เธอยกขึ้นมาลงไปใหม่อีกครั้ง
เฉินฝานซิงกลั้นหายใจไว้กลางอก
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
หว่างคิ้วที่เคยถูกประดับไปด้วยความเย็นชาอย่างเช่นทุกครั้ง บัดนี้เหลือไว้เพียงความงดงามที่ไม่เคยจางหายไป
ท่าทางในตอนนี้ กลับเพิ่มเสน่ห์ที่ดูแตกต่างออกไป
ลูกกระเดือกของเขาขยับครั้งหนึ่ง
“ฉันอาบเสร็จแล้ว”
เฉินฝานซิงนึกขึ้นได้ท่ามกลางความคับขัน ต่อให้เธอมีหรือไม่มีเรี่ยวแรงก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีเลิศ ดังนั้นเธอจึงเลี่ยงที่จะไม่ตอบมันเสียดีกว่า
ป๋อจิ่งชวนมองเธอวูบหนึ่ง เขาหยัดตัวลุกเพื่อช้อนตัวเธอขึ้นจากอ่างน้ำ
ร่างเปียกชื้นของเธอถูกวางลงบนเตียงนุ่ม ป๋อจิ่งชวนจัดการนำผ้าห่มมาห่อร่างของเธอเอาไว้ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารก
ทว่าจู่ๆ เฉินฝานซิงก็เอ่ยออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“คืนนี้คุณลงไปนอนข้างล่างเลยนะ! ฉันไม่นอนกับคุณแล้ว”
ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้วพลางโน้มตัวเข้าหาเธอ สีหน้าเผยให้เห็นถึงความลำบากใจ
“ทำไม”
เฉินฝานซิงกระชับขอบผ้าห่มเอาไว้แน่น เธอช้อนดวงตาขึ้น นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ
“ตอนนี้ฉันหมดแรงไปทั้งตัว…กระดูกทั้งร่างจะหลุดออกจากกันอยู่แล้ว…”
ป๋อจิ่งชวนมองเธอก่อนจะหลุดขำออกมา
“ยังกล้าพูดว่าเร็วอีกไหม”
เฉินฝานซิงส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล!
ป๋อจิ่งชวนขำขึ้น เขาโน้มตัวลงประทับจูบบนริมฝีปากเธอครั้งหนึ่ง
พร้อมทั้งอุ้มเฉินฝานซิงที่มาพร้อมกับผ้าห่มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นจึงหมุนตัวและก้าวเดินออกไปจากประตู
“จะทำอะไร” คนที่ถูกห่อจนเป็นก้อนเอ่ยถาม
“ไปข้างล่าง เตียงนี่นอนไม่ได้แล้ว”
“ฉันจะใส่เสื้อ!”
“ไม่ต้อง ยุ่งยาก”
ห่างกันแค่ชั้นเดียวเท่านั้น ป๋อจิ่งชวนรีบอุ้มเธอเดินไปยังทางออก
“คุณยังเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้ผมอีก” ป๋อจิ่งชวนเดินไปพลางถามขึ้น
เมื่อเฉินฝานซิงพลันนึกไปถึงน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบขวดนั้นที่วางอยู่ใจกลางของช่อกุหลาบตรงหน้าหน้าต่างฝรั่งเศส เธอก็หนาวสั่นขึ้นมากะทันหัน
“ไม่มีแล้ว”
ขืนปล่อยให้เขารู้ว่ามีน้ำมันหอมระเหยขวดนั้นแล้วต้องกลับไปเรียนรู้กันใหม่อีกรอบ เขาคงไม่ไว้ชีวิตเธอเป็นแน่!
แน่นอนว่าป๋อจิ่งชวนรับรู้ได้ถึงท่าทีของเธอ เสียงทุ้มจึงเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มีแล้ว?”
เฉินฝานซิงพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง
“ไม่มี!”
นัยน์ตาสีดำมองเธออย่างลึกซึ้งไปวูบหนึ่งก่อนที่เขาจะไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
เมื่ออุ้มเธอมาจนถึงประตู ป๋อจิ่งชวนก็หยุดนิ่งลง พร้อมทั้งมองเฉินฝานซิงวูบหนึ่ง
เฉินฝานซิงเข้าใจในทันที เธอจึงยกมือขึ้นป้อนรหัสผ่านลงบนประตู
นาทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นอันหอมกรุ่นก็ลอยเข้ามาเตะจมูก…
ตอนที่ 600 นั่งดีๆ
นาทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นอันหอมกลุ่นก็ลอยเข้ามาเตะจมูก…
เป็นกลิ่นที่เฉินฝานซิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ภายในห้องมืดสนิท เธอมองเห็นบรรยากาศภายในได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่าในใจของเธอก็พอจะเดาออกลางๆ
และในขณะเดียวกันนั้น ความหวังอันน้อยนิดก็พลันถูกจุดขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ในห้องของคุณมีอะไรรึเปล่า”
ป๋อจิ่งชวนเม้มปากเล็กน้อย พลางอุ้มเธอก้าวผ่านประตูห้องเข้าไป
ท่ามกลางความมืด เฉินฝานซิงรู้สึกเหมือนว่าป๋อจิ่งชวนจะอุ้มเธอไปนั่งลงตรงโต๊ะน้ำชา
เธออยากรู้มากว่าในห้องมีสิ่งใดอยู่กันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้สองมือของเธอก็กลับถูกห่อเอาไว้ใต้ผ้าห่มจนยื่นออกมาไม่ได้
“นั่งดีๆ”
ป๋อจิ่งชวนกำชับเสียงต่ำ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปข้างๆ จากนั้นแสงไฟสีนวลก็สว่างขึ้นภายในห้อง
เพราะแสงจ้าของไฟเฉินฝานซิงจึงต้องปิดตาลงเบาๆ
เธอลืมตาขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า ทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องได้ปรากฏแก่สายตา ความประหลาดใจอย่างมหาศาลค่อยๆ ฉาบทับลงบนดวงตาคู่สวย
ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบหอมฟุ้ง และตรงหน้าก็เต็มไปด้วยกลุ่มกุหลาบเป็นช่อๆ
ทั่วตัวห้องราวกับถูกสร้างขึ้นมาจากดอกกุหลาบ
ที่แตกต่างกันก็คือดอกกุหลาบในนี้มีหลากหลายสายพันธุ์
สีแดง สีชมพู สีเหลือง สีขาว สีม่วง สีฟ้า ถูกประดับไว้จนเต็มห้อง
และตรงโต๊ะน้ำชาที่เธอนั่งอยู่นั้น ก็ถูกปูเต็มไปด้วยดอกยิปโซสีขาว
ความประหลาดใจยังไม่ทันจางหายไป ความสุขอันเปี่ยมล้นก็จู่โจมเข้าหาตัวและหัวใจของเธอในทันที
ที่แท้ความรู้สึกของการโดนคนที่ชอบมอบกุหลาบให้มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ทั้งยังเป็นความประทับใจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
การกระทำที่โรแมนติกเช่นนี้ทำเอาหัวใจของเฉินฝานซิงอัดแน่นไปด้วยความตื้นตัน
เธอนึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ป๋อจิ่งชวนจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้จริงๆ
เธอมีดีอะไร จู่ๆ ถึงได้กลายมาเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดในโลกคนหนึ่งเช่นนี้
ที่แท้เธอก็ไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวคนอื่นๆ ที่ชอบให้ผู้ชายทำเซอร์ไพรส์ให้
เธอช้อนดวงตาขึ้นมองชายหนุ่มที่เดินมาหยุดลงตรงหน้าของเธออีกครั้ง ใบหน้าของเฉินฝานซิงเต็มไปด้วยความประทับใจ
“ดอกกุหลาบจากทั่วทั้งเมืองมันหายากเกินไป ผมเลยหากุหลาบทุกสายพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกมาแทน”
ฝ่ามือที่ถูกห่อหุ้มไว้ภายใต้ผืนผ้าห่มยกขึ้นกุมอกตัวเองไว้แน่น
ดวงตาสุกใสจับจ้องไปยังเขาด้วยความประทับใจ “คุณ…คุณเตรียมของพวกนี้ไว้เพื่ออะไร”
ป๋อจิ่งชวนเลื่อนสายตาลงมองเฉินฝานซิงที่นั่งอยู่ท่ามกลางของดอกยิปโซ พลันกระตุกยิ้มขึ้นน้อยๆ
“ผมยังต้องการของขวัญจากคุณอีกชิ้นหนึ่ง”
ปลายนิ้วของเฉินฝานซิงสั่นระริก เธอมองใบหน้าอันหล่อเหล่าไร้ที่ติของชายหนุ่มตรงหน้าต่อไป
“ของขวัญอะไรคะ”
“คุณ”
เฉินฝานซิงหน้าแดงปลั่ง พลันก้มหน้าลงมองสภาพตัวเองในตอนนี้
ไม่ใช่ว่าได้ไปหมดแล้วรึไง?
หรืออยากจะทำอีกรอบงั้นเหรอ?
ป๋อจิ่งชวนเดาความคิดในขณะนี้ของเธอออก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างเป็นธรรมชาติ
“แต่งงานกับผม หืม?”
ก้อนเนื้อตรงกลางอกของคนฟังเต้นอย่างหนักหน่วง
กลีบปากทั้งคู่เม้มเข้าหากันแน่น ดวงตาทั้งสองข้างก็พลันขึ้นสีแดง
ไม่ทันได้ตั้งตัว กำแพงที่ถูกก่อขึ้นในใจก็พลันพังครืนลงมาอย่างกะทันหัน เธออ่อนยวบอย่างไม่อาจควบคุม
ฉับพลันทันใด เธอรู้สึกว่าความสุขที่มีในขณะนี้ เพียงพอแล้วที่จะลบล้างความทุกข์และความอยุติธรรมในอดีตลงได้
เฉินฝานซิงสูดจมูก ตรงหว่างคิ้วอ่อนโยนขณะนี้ได้ถูกระบายไปด้วยความงดงาม สีแดงระเรื่อยังคงผุดขึ้นบนผิวขาวสะอาด นัยน์ตาที่สีขาวตัดกับสีดำชัดเจนคู่นั้น สุกใสปราศจากสิ่งใดเจือปน ราวกับถูกพรมจนพร่างพรายไปด้วยดวงดารา