ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่617ถูกหลอกตอนที่618ตามนี้
ตอนที่ 617 ถูกหลอก
กว่าจะมาถึงบ้านตระกูลเฉินก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มเข้าไปแล้ว
โคมไฟในห้องรับแขกสว่างไสว นอกจากนายท่านของบ้าน ทุกคนในสกุลเฉินก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าของแต่ละคนดูไม่ค่อยน่าอภิรมย์นัก!
กินเวลาไปกว่าสองชั่วโมงกว่าๆ จวนจะทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว แม้แต่มื้อค่ำพวกเขาก็ยังไม่ได้แตะ!
แม้จะรู้ว่าเฉินฝานซิงจงใจ แต่มันก็จะทำให้พวกเขาฉุนขาดอยู่ดี!
“เชียนโหรว ไปลานหลังบ้านแล้วเรียกปู่เธอมานี่!”
เฉินฝานซิงพาตัวเองไปนั่งลงบนโซฟาแล้ววางกระเป๋าถือไว้อีกทาง สองขาไขว้เข้าด้วยกัน นัยน์ตาเยือกเย็นกวาดมองไปยังทุกคนในบ้าน
“คุยเรื่องสำคัญกันเลยไหม แล้วนี่พวกคุณ…กินข้าวกันแล้วเหรอ”
แน่นอนว่าหยางลี่เวยฟังออกว่าเฉินฝานซิงกำลังพูดจี้จุด เธอจึงรีบเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ยังเลยจ้ะ พอรู้ว่าเธอจะมา เราก็เลยรอกินพร้อมเธอ…”
เฉินฝานซิงจึงพยักหน้าพลางคลี่ยิ้มขึ้นจางๆ
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง แต่เผอิญว่าฉันกินมาแล้วระหว่างทางมาที่นี่!”
ใบหน้าของหยางลี่เวยเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เธอจ้องมองไปยังรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเฉินฝานซิงที่มองอย่างไรก็มีเพียงความสะใจและเย้ยหยัน!
นี่เธอจงให้พวกเขาอดอาหารเพื่อรอเธอชัดๆ!
สองมือประสานเข้าหากันแน่น หยางลี่เวยโมโหจนต้องลอบกัดฟัน!
แม้ว่าภายในใจจะโกรธจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหงุดหงิดออกมา มีเพียงรอยยิ้มเจื่อนๆ บนใบหน้า จากนั้นเธอจึงหันไปมองเจียงหรงหรงและเฉินเต๋อฝานวูบหนึ่ง แม้จะไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา แต่ทว่าสภาพในตอนนี้ มองอย่างไรก็ดูออกว่าเธอกำลังน้อยใจเป็นอย่างมาก
หย่างลี่เวยรู้ดีว่าแม่เลี้ยงไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
แม้ว่าเธอเองก็เกลียดเฉินฝานซิงอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้อย่างโจ่งแจ้ง!
เจียงหรงหรงและเฉินเต๋อฝานเกลียดเฉินฝานซิงจนเข้าไส้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งที่เฉินฝานซิงต้องการจะทำในวันนี้คืออะไรก็ตามที่ทำให้เฉินเต๋อฝานและเจียงหรงหรงเกลียดเธอยิ่งกว่าเดิม
โชคยังดีที่ผ่านๆ มาเฉินฝานซิงไม่ค่อยลงรอยกับคนในครอบครัวสักเท่าไหร่ ซึ่งมันช่วยทำให้ประหยัดความรู้สึกไปได้ไม่น้อย
ผลก็คือ สีหน้าของเจียงหรงหรงและเฉินเต๋อฝานกลับยิ่งดูไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเก่า
“ในเมื่อจะไม่กินข้าวที่บ้าน ทำไมไม่บอกเราล่วงหน้าสักคำล่ะจ๊ะ เธอมาสายกว่าเวลาที่นัดตั้งสองชั่วโมงกว่า นี่เธอ…คิดอะไรอยู่กันแน่”
สายตาเยือกเย็นของเฉินฝานซิงกวาดมองไปยังหยางลี่เวยวูบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
“ใครจะไปรู้ว่าพวกคุณจะรอกินข้าวพร้อมฉันโดยเฉพาะ”
“แก…หึ หากไม่ใช่เพราะเชียนโหรวและน้าของแกยืนกรานจะรอแก แกจะได้มายืนหน้าใหญ่อยู่แบบนี้ไหม”
เฉินเต๋อฝานแอบพูดไม่ออกอยู่เล็กน้อย ในเมื่อหลายปีมานี้ เฉินฝานซิงกลับบ้านมานับครั้งได้ การรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับเธอจึงทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่นับรวมเฉินเชียนโหรว ใครบ้างล่ะในบ้านหลังนี้ที่ไม่อาวุโสกว่าเธอ
ให้คนทั้งบ้านรอรับประทานอาหารพร้อมกันกับเธอ เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว เธอนั่นแหละที่ไม่เหมาะสม
แต่ว่าครั้งนี้ พวกเขาก็ยังรอ แถมยังเป็นการรอเก้ออีกต่างหาก
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครก็ต้องรู้สึกโมโหกันทั้งนั้น
เมื่อได้ยินว่าหยางลี่เวยและเฉินเชียนโหรวต้องการจะรับประทานอาหารพร้อมกับเธอ เฉินฝานซิงก็จุดยิ้มขึ้นตรงมุมปาก พลางกวาดตามองไปยังหยางลี่เวยด้วยสายตาซาบซึ้ง
“งั้นเหรอคะ น้าหยางช่างใจดีเสียจริง”
หยางลี่เวยมองเฉินฝานซิงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ เฉินฝานซิงก็พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเป็นพิเศษ
“ไม่หรอกจ้ะ ถึงยังไงเราก็ครอบครัวเดียวกัน…”
ครอบครัวเดียวกัน…
เฉินฝานซิงก้มลงลูบตรงจีบกระโปรงของตัวเอง เพียงแค่ยิ้มแต่ไม่พูดจา
ช่างเป็นคำที่เย้ยหยันกันเสียจริงๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น เฉินเชียนโหรวก็ประครองเฉินซั่งหวาเดินผ่านเข้ามาจากประตูทางเดินของลานหลังบ้าน
เฉินฝานซิงลุกขึ้นทักทายเฉินซั่งหวาอย่างราบเรียบ เฉินซั่งหวาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาซึ่งเป็นตำแหน่งประมุขของบ้าน
สีหน้าของเฉินซั่งหวาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไหล่ผึ่งผาย ทั้งร่างกายเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของผู้นำครอบครัว
ตอนที่ 618 ตามนี้?
สีหน้าของเฉินซั่งหวาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไหล่ผึ่งผาย ทั้งร่างกายเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของผู้นำครอบครัว
เฉินเชียนโหรวหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ หยางลี่เวยด้วยสีหน้าระมัดระวัง
ตอนนี้ โซฟาตัวหลักมีชายชรานั่งอยู่หนึ่งคน ส่วนเจียงหรงหรง เฉินเต๋อฝาน หยางลี่เวย และเฉินเชียนโหรวนั่งลงบนโซฟาด้านตะวันตก
มีเพียงเฉินฝานซิงคนเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านตะวันออก ราวกับเธอเป็นคนแปลกหน้าที่ถูกขับออกไปจากกลุ่ม
ในตอนนั้นเอง เฉินซั่งหวาก็กระแอมขึ้นในลำคอ พลางกวาดสายตามองไปยังทุกคน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเข้ม
“แม้ว่าเมื่อวานจะเป็นพิธีหมั้น แต่ในความเป็นจริงเชียนโหรวได้จดทะเบียนสมรสกับซูเหิงไปแล้ว ในฐานะหลานสาวของสกุลเฉิน สินเดิมจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้…”
เมื่อได้ยินเรื่องสินเดิม เฉินเชียนโหรวและหยางลี่เวยก็แอบตื่นเต้นขึ้นมาในใจ
อดทนมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกเธอจะได้รับในสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว
เฉินซั่งหวาว่าพลางเบนสายตาไปมองทางด้านหยางลี่เวย เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“เมื่อลูกสาวแต่งงาน เรื่องของสินเดิม คนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือคนเป็นแม่ ลี่เวย เธอลองว่ามาซิ ว่าสินเดิมนี่เธอวางแผนไว้ยังไง”
หยางลี่เวยถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน พลางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“คุณพ่อ คุณแม่ ฉันคิดว่า…ในเมื่อเชียนโหรวแต่งเข้าสกุลซูแล้ว หากให้สินเดิมน้อยเกินไป เกรงว่าทางนั้นจะไม่ค่อยพอใจนัก ไม่ใช่แค่เชียนโหรวจะเสียหน้า แต่ถึงขั้นที่สกุลเฉินของเราเองก็จะพลอยโดนดูถูกไปด้วย ไหนจะลมปากของผู้คนในวงการอีกมากหน้าหลายตา หากถูกเอาไปพูดกันปากต่อปาก อาจทำให้สกุลเฉินของเรา…”
เฉินฝานซิงรั้งหัวคิ้วเข้าหากัน เธอยื่นมือออกไปลูบบนเนื้อผ้าลื่นละเอียดเบาๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “น้าหยาง คุณไม่ต้องร่ายยาวขนาดนี้หรอก ฉันก็พอรู้อยู่นะว่าแม่บังเกิดเกล้าอย่างคุณคงไม่ทำให้ลูกสาวน้อยหน้า ขอแบบกระชับไม่อ้อมค้อมได้ไหม”
สีหน้าของหยางลี่เวยอึดอัดไป เธอมองไปยังชายชรา แต่ก็กลับพบว่าสีหน้าของเขาก็มีความหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
เธอเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งลอบมองไปยังเฉินฝานซิงด้วยสายตาอาฆาต เมื่อเงียบไปได้สักพักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า
“…หนูปรึกษากับเต๋อฝานว่า จะขอสักสามสิบล้านไว้ให้เป็นเงินติดกระเป๋าของเชียนโหรว เพราะหลังจากที่แต่งเข้าสกุลซูไปแล้ว เธอคงดูแลครอบครัวไม่ได้สักระยะ จะปล่อยให้เธอไปแบมือขอเงินแม่สามีก็คงไม่ได้…
แล้วก็คอนโดระดับไฮคลาสสองแห่งใจกลางเมืองที่เขตหมิงซื่อกับจินอวี้เหลียงย่วน แล้วก็คฤหาสน์หลังนั้นที่ชานเมืองหลานวาน อย่าอื่นก็ ร้านกาแฟ เคทีวี สตูดิโอโยคะ ร้านเสริมสวย ร้านเครื่องลายคราม ร้านเครื่องหยก โรงงานทอผ้าโต่วซิง…ของพวกนี้โอนมาเป็นชื่อเชียนโหรวให้หมด…อีกอย่าง หนูอยากใช้เงินเก็บของตัวเองซื้อรถให้เชียนโหรวอีกสักคัน…ที่หนูวางแผนไว้ก็ตามนี้เลยค่ะ…ส่วนอย่างอื่นก็อยู่นอกเหนือการตัดสินใจของหนูแล้วค่ะ…”
แม้แต่คนโง่ก็ยังฟังออกว่า เธอยังอยากให้ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ตรงนั้นคายออกมาให้เธออีกสักหน่อย
ทั้งห้องรับแขกเงียบสนิท ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมาชั่วขณะหนึ่ง ต่างก็หันไปมองเฉินซั่งหวาด้วยใจลุ้นระทึก หวังว่าสิ่งที่เขาจะโต้ตอบกลับมาจะเป็นไปตามแบบอย่างที่ดีงาม
เฉินเชียนโหรวประหลาดใจกับสินเดิมเหล่านั้นที่ออกมาจากปากของหยางลี่เวย เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าหลายปีมานี้แม่ของเธอจะครอบครองธุรกิจหลากหลายรูปแบบได้ขนาดนี้ แค่ร้านค้าร้านเดียวในแต่ละปีก็คงจะสร้างกำไรได้มหาศาล
เธอไม่รู้เลยจริงๆ ว่าตอนนี้แม่ของเธอมีเงินส่วนตัวอยู่มากน้อยแค่ไหน
เพียงไม่นานชายชราก็เอ่ยขึ้น
“วางแผนไว้ตามนี้?”
หยางลี่เวยคลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ค่ะ ให้แค่นี้ไปก่อนก็ได้ค่ะ ขืนมากไปกว่านี้ หนูก็กลัวว่าจะให้ไม่ไหว…”
จู่ๆ เฉินซั่งหวาก็เค้นขำขึ้นอย่างหนักหน่วง เขาช้อนสายตาขึ้นมองไปยังหยางลี่เวยด้วยสีหน้าขบขัน
“แค่นี้? มากกว่านี้? เธอยังคิดจะให้อะไรลูกอีก ฉันฟังยังไงก็เหมือนว่าต่อให้จับทั้งบ้านสกุลเฉินเทออกมา ก็คงไม่เพียงพอกับคำว่าสินเดิม ‘แค่นี้’ จากปากของเธอ”