ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่627ไม่มีใครดีกว่าเขาตอนที่628เจอกัน
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่627ไม่มีใครดีกว่าเขาตอนที่628เจอกัน
ตอนที่ 627 ไม่มีใครดีกว่าเขา
“คือคู่หมั้น”
เฉินซั่งหวากำไม้เท้าในเมือแน่น สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง
“เธอ…”
“การแต่งงานคืนนี้ที่หนูพูด ไม่ได้พูดเพราะจะปิดปากหยางลี่เวยหรอก”
เฉินฝานซิงยังคงพูดด้วยท่าทางนิ่งเรียบดังเดิม เพียงแต่ว่าใบหน้าที่สวยงามแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ
เฉินซั่งหวามองเห็นสีหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนผ่านแสงไฟสลัว
“ตัดสินใจดีแล้วว่าเป็นเขา?”
“อือ โลกใบนี้ ไม่มีใครดีกว่าเขาแล้ว”
เฉินซั่งหวาเม้มริมฝีปากพร้อมกับพยักหน้า ภายในยังคงรู้สึกกังวลไม่น้อย “ครั้งนี้ดูให้ดีหน่อย แล้วก็ดูให้ละเอียดกว่าเดิมด้วย โลกใบนี้ มีผู้ชายดีๆ อยู่ไม่กี่คนหรอก”
แววตาของเฉินฝานซิงเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย “อืม เขาก็เคยกำชับหนูแบบนี้”
ใบหน้าของเฉินซั่งหวาบ่งบอกถึงความคาดไม่ถึงอีกครั้ง
ถึงแม้เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่อายุปูนนี้แล้ว มองขาดเรื่องความสัมพันธ์มาก็ไม่น้อย ไม่มีใครเห็นได้ชัดเจนกว่าเขาอีก
เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายที่ดี ดังนั้นจึงยอมดูถูกตัวเองเพื่อตักเตือนเฉินฝานซิง ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลก
แต่ว่า ฝ่ายตรงข้ามยังเป็นวัยรุ่นวัยคะนอง แต่กลับกล้าพูดเรื่องพวกนี้กับเฉินฝานซิงโดยไม่ปิดบังเลยสักนิด
เขาชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครมากจากไหนกันแน่
“ไปกันเถอะ พวกเราเข้าไปกัน”
–
ใส่รหัสผ่าน เปิดประตูสำเร็จ เฉินฝานซิงก็ประคองเฉินซั่งหวาไปนั่งบนโซฟา
จากนั้นหลังจากที่เขามองดูรอบๆ ห้องรับแขกแล้วแต่กลับไม่เห็นร่องรอยของผู้ชายอยู่เลยก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
เฉินฝานซิงเข้าไปในครัวอุ่นนมให้กับเฉินซั่งหวา
“นี่ก็ดึกมาแล้ว ปู่ดื่มก่อนแล้วค่อยไปนอนเถอะ เข้าไปนอนพักในห้องรับรองแขกได้ตลอดเวลา”
ในขณะที่กุมแก้วนมอุ่นๆ อยู่ในมือ เฉินซั่งหวาก็ถอนหายใจออกมา น้ำเสียงแฝงไปซึ่งความจนปัญญาเล็กน้อย
“สินเดิม เธอไม่เอาไม่ได้ นอกจากพวกนั้นที่แม่เธอเหลือไว้ให้เธอแล้ว ฉันจะเตรียมไว้ให้เธออีกชุด แต่ว่า ดูจากสถานการณ์สกุลเฉินตอนนี้แล้ว เทียบกับของเหล่านั้นของแม่เธอ ที่ฉันให้ อาจจะน่าขายหน้าไปบ้าง…”
“พอแล้วค่ะ หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์พวกนั้น มูลค่าไม่น้อยเลย”
เฉินซั่งหวาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แต่ว่าเมื่อนึกถึงหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์เมื่อกี้ เขาก็พูดขึ้นมาอีก
“หุ้นเหล่านั้น เธอคิดจะขายให้ย่าของเธอจริงเหรอ”
เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมามองเขา ลึกลงไปในแววตาเย็นชามีความสำรวจสืบเสาะ “ปู่คิดว่า…”
“ดูจากสีหน้าบูดเบี้ยวเหยเกของพวกเธอนั้น หกร้อยห้าสิบล้านก็ถือว่าหนักหนาสาหัสสำหรับพวกเธอแล้ว แต่ว่าทำไมเธอถึงจะขายมันล่ะ ถ้ามีมันแล้ว รวมกับหุ้นในมือพวกเธอ ต่อให้หลังจากนี้ไม่มีอำนาจในการบริหาร แต่ในการประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น เธอก็ยังมีอำนาจในการตัดสินใจอยู่นี่ ให้พวกเธอไปแบบนี้ หลานอวิ้น...”
“คุณปู่”
เฉินฝานซิงพูดขัดคำพูดของเฉินซั่งหวานิ่งๆ “ต่อไป หลานอวิ้นไม่มีอะไรที่ควรค่ากับการให้ตัดสินใจแล้ว”
เฉินซั่งหวาจดจ้องไปที่เธอ “เธอ…เธอจะทำลายหลานอวิ้นจริงเหรอ”
เฉินฝานซิงนั่งลงตรงโซฟาฝั่งตรงข้าม ถือผ้านวมเอาไว้พร้อมกับดื่มน้ำหนึ่งอึก จากนั้นก็มองไปยังเฉินซั่งหวาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่หนูจะทำลายหลานอวิ้น แต่คุณนายกับแม่ของเฉินเชียนโหรวจะทำลายมัน”
“ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่เคยยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยวกับหลานอวิ้นเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเธอ ภาพลักษณ์ของเฉินเชียนโหรวพังทลาย จะโทษใครได้ ผู้จัดการและศิลปินในหลานอวิ้นก็ถูกพวกเธอบีบจนออกกันหมด หนูรับพวกเธอไว้ เพราะหนูรู้สึกว่าพวกเธอมีคุณค่าพอ ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า การตัดสินใจของหนูถูกต้อง ทำไมจี้อี้อยู่หลานอวิ้นมาห้าปี แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ตอนนี้มาอยู่กับหนู เธอก็กลายเป็นนักร้องที่โด่งดังที่สุดอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เหรอ เพื่อที่จะดันเฉินเชียนโหรว คุณนายเจียงไม่สนใจแม้แต่กับกระทั่งศิลปินในบริษัท…เธอลำเอียงเกินไปไม่ใช่หรือไง”
ตอนที่ 628 เจอกัน
สุดท้ายเฉินซั่งหวาทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วส่ายหน้าด้วยท่าทางระอา “ปู่รู้ หากหลานอวิ้นอยู่ในมือเธอคงไปได้ไม่ไกลนัก”
เฉินฝานซิงเพียงแต่ยิ้มไม่ได้ตอบอะไร
ในโถงรับแขกที่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเรื่องธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ จึงได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
ดูเหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ชั้นบนลางๆ เฉินฝานซิงจึงหันไปมอง เป็นอย่างที่คิดไว้ ยังไม่ทันถึงสองวินาทีก็เห็นเงาร่างสูงตระหง่านปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าบันไดชั้นสองช้าๆ
รูปร่างสูงใหญ่ สง่าผ่าเผย
กางเกงสูทที่ถูกรีดเรียบไร้รอยยับยังไม่ทันได้เหยียบย่าง เมื่อมองขึ้นไปจากชั้นล่างก็เห็นขาเรียวยาวคู่นั้นที่ยาวเกินกว่าคนปกติทั่วไป
สิ่งที่ในมือของเขาถืออยู่ก็คือแก้วกระเบื้องสีขาวที่เฉินฝานซิงใช้บ่อยๆ และวางไว้ในห้องหนังสือ แขนที่โค้งงอทำให้เห็นปลายแขนเสื้อสีขาวสะอาดไร้รอยเปื้อนของเขาโผล่ออกมา
กลิ่นอายสูงส่งและรังสีความสง่างามฉายออกมาพร้อมกัน ถึงแม้จะไม่ได้ยืนอยู่บนที่ที่สูงขนาดนั้น แต่ก็ทำให้คนอดรู้สึกหลงใหลนับถือไม่ได้
ความตกตะลึงในแววตาเผยให้เห็นออกมาวาบหนึ่ง ที่แท้เขาก็อยู่นี่
นัยน์ตาดำขลับของป๋อจิ่งชวนกวาดไปยังร่างของชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงนั้น ก่อนจะหดตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่น้อยนักจะมีสีหน้า เผยให้เห็นความหนาวเหน็บอีกครั้ง
เฉินฝานซิงกลับลุกขึ้นยืน เดินไปยังหน้าบันได ก่อนจะส่งรอยยิ้มพร้อมกับกวักมือเรียกไปทางเขา
“ที่แท้คุณก็อยู่นี่ รีบลงมาสิ ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จัก”
ป๋อจิ่งชวนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่บนตัวของเฉินซั่งหวา หัวคิ้วขยับเบาๆ ก่อนจะกระจุกกันเป็นก้อนเล็กๆ ที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่ก็ยินยอมเดินลงไป
เฉินฝานซิงยื่นมือไปจับมือของเขาเอาไว้ แล้วดึงเขามายังด้านหน้าของโซฟา
สายตาทั้งคู่ประสานกัน สายตาของป๋อจิ่งชวนและเฉินซั่งหวาสบกันอย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งสองคู่แฝงไว้ซึ่งความหยั่งเชิงและระวังตัว
“นี่คือคุณปู่”
ดวงตาของป๋อจิ่งชวนฉายประกาย อารมณ์ทุกอย่างในดวงตาดำสนิทคู่นั้นแทบจะหายไปทั้งหมดในพริบตา
เฉินซั่งหวาเห็นป๋อจิ่งชวนไม่มีท่าทีอะไร แต่กลับมีกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ภายในใจจึงอดยิ้มไม่ได้
จ้องมองชายหนุ่มที่ไม่ธรรมดาคนนี้อย่างลึกซึ้ง ความสูงสง่าทุกสีหน้าท่าทางทำให้ใครๆ ต่างก็หาจุดบกพร่องในตัวเขาไม่ได้เลย
เพียงแต่ความเผด็จการและความอยากครอบครองแต่เพียงผู้เดียวภายในตัวของเขานั้น ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะชอบหรือเป็นกังวลดี
เฉินฝานซิงไม่ได้ใส่ใจความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสองคนนัก เพียงแต่พูดต่อ
“คุณปู่ นี่คือป๋อจิ่งชวน คู่หมั้นของหนู”
ได้ยินเฉินฝานซิงแนะนำแบบนี้ แววตาของป๋อจิ่งชวนก็มีความดีใจเพิ่มขึ้นมาให้เห็น
แล้วเอ่ยเรียกด้วยความเต็มใจ “คุณปู่”
เฉินซั่งหวาพยักหน้าเบาๆ สายตายังคงไม่ละจากป๋อจิ่งชวน ภายในแววตายังคงไว้ซึ่งความสงสัย
ป๋อ?
ป๋อจิ่งชวน?
“เธอกับกลุ่มป๋อซื่อ…”
ในที่สุดเขาก็ถามออกมา ในเมืองผิงเฉิงนี้ มีคนแซ่ป๋อไม่เยอะนัก
ป๋อจิ่งชวนพยักหน้า “กิจการในเครือป๋อซื่อตอนนี้อยู่ในอำนาจความรับผิดชอบของผมทั้งหมด”
สายตาของเฉินซั่งหวาฉายประกายแห่งความตกตะลึงอย่างรุนแรง
เขาหันหน้าไปมองเฉินฝานซิงแล้วมองป๋อจิ่งชวนอีกครั้ง น้ำเสียงไม่อาจปกปิดความตกใจนี้ไว้ได้อย่างเห็นได้ชัด
“พวก…พวกเธอ…ทำไมถึงได้…”
เขาจินตนาการไม่ถึงว่าเฉินฝานซิงคบกับผู้บริหารกิจการเครือป๋อซื่อได้เลยสักนิด
แต่เดิมควรจะเป็นสองคนที่ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันได้โดยสิ้นเชิง
ความสามารถทางการเงิน อำนาจ และชาติตระกูลแบบเครือป๋อซื่อ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเฉินฝานซิงได้อย่างไร
ชาติตระกูลแบบนี้ เด็กสาวตระกูลสูงส่งน้อยคนบนโลกใบนี้ที่จะตบแต่งเข้าไปในตระกูลนี้ได้อย่างถูกหลักธรรมนองคลองธรรม
เฉินฝานซิงเธอ…
“เรื่องการแต่งงานของพวกเธอสองคน ผู้ปกครองสกุลป๋อรู้หรือเปล่า”
เฉินฝานซิงได้ยินดังนั้น แพขนตาก็สั่นไหวเล็กน้อย
มือที่จับมือของป๋อจิ่งชวนเอาไว้ก็ออกแรงแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ไม่พูด แต่เรื่องนี้ไม่มีทางที่เธอจะไม่เคยคิดถึงมาก่อน