ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่631&ตอนที่632
ตอนที่ 631 จดหมายเชิญอิเล็กทรอนิกส์การแข่งขันปรุงน้ำหอม
เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม ก่อนจะพูดอย่างจงใจ
“ดีเลย งั้นคุณไปชำแหละเผยอวิ๋นเจ๋อดูหน่อยสิว่าเขากล้าดีขนาดไหนกันแน่”
เมื่อได้ยินชื่อเผยอวิ๋นเจ๋อ ป๋อจิ่งชวนก็หน้าเปลี่ยนสีในทันที
น้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำแฝงไว้ซึ่งความเยือกเย็น ทำให้บรรยากาศรอบๆ กลายเป็นน้ำแข็ง
“ไม่ช้าก็เร็ว ผมจะชำแหละเขาแน่”
“พอได้แล้ว เขาคงจะเบื่อแล้วก็แกล้งเล่นไปอย่างนั้น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคคลั่งความสะอาดระยะสุดท้ายแบบนั้น ชีวิตนี้จะมีผู้หญิงสักคน เกรงว่าคงจะเป็นปาฏิหาริย์แล้ว”
สายตาของป๋อจิ่งชวนไม่ได้ดูโอนอ่อนลง แต่กลับนิ่งขรึมขึ้นกว่าเดิม
เวลานี้ ดวงตาเฉินฝานซิงกลับเป็นประกายแล้วผลักไหล่ของเขาออกพร้อมกับยืดขาลงบนพื้นแล้วลุกขึ้นจากอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวน
“ดึกมาแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำนอน เหนื่อยจังเลย วันนี้…”
ความหอมนุ่มละมุนในอ้อมอกเหลือเพียงความว่างเปล่า ป๋อจิ่งชวนจึงรีบโอบเอวของเฉินฝานซิงไว้ให้เธอกลับไปอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมากดเธอไว้กับเตียงนุ่มๆ
“ว้าย”
เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบๆ มองดูชายหนุ่มที่กำลังโน้มตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลันหลบสายตาไปทางอื่น
ป๋อจิ่งชวนกลับยกมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลางดงามเผยให้เห็นความเจ้าเล่ห์ออกมาเบาๆ
“เรื่องสำคัญยังไม่ได้พูด คุณก็คิดจะหนีแล้วเหรอ”
เฉินฝานซิงไม่มองเขา “เรื่องสำคัญอะไร”
ป๋อจิ่งชวนส่งเสียงหึในลำคอ พร้อมกับจับคางเธอเพื่อให้หันหน้ามามองเขา
“พูดมา วันนี้กับซูเหิงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เข้าใจผิด จู่ๆ เขาก็มาปรากฏตัวที่ด้านล่างบริษัท ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ฉันบอกเขาว่าอย่ามาให้เห็นฉันเห็นหน้าอีก จากนั้นเขาก็จับฉันเอาไว้ เขาน่าจะดื่มมาหนัก จับจนมือฉันเจ็บไปหมด”
เธอพูดพลางยื่นมือไปทางป๋อจิ่งชวน ถึงแม้บนมือจะมีแต่ความเนียนขาว ไม่มีอะไรเลยสักนิด แต่ป๋อจิ่งชวนก็ยังดึงมือเธอมาพลิกไปพลิกมาอยู่พักใหญ่
“เหอะ นี่เขานึกเสียใจภายหลังแล้วเหรอ เพชรกับกรวดยังแยกไม่ออก ผู้ชายคนนี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาเป็นของตกแต่งแล้วดูดีเหรอ ยังคิดจะกลับคำเอาทุกอย่างคืนมา โง่เง่าสิ้นดี…คุณว่าจริงไหม”
ป๋อจิ่งชวนกวาดสายตามาทางเธอปราดหนึ่งพร้อมกับย้อนถาม
เฉินฝานซิงมองดูชายหนุ่มที่หล่อเหลาดูแพงที่สุดตรงหน้า ความแค้นเคืองที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขานั้น แทบจะกลายเป็นสิ่งมหัศรจรรย์ของโลกได้เลย
แต่ว่าความขัดแย้งกันในตัวเขา เธอเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว ตอนนี้ได้เห็นอีกครั้ง ในใจรู้สึกเพียงแค่ว่าตลกดี
หลังจากที่ไม่ได้รับการตอบรับ ใบหน้าของป๋อจิ่งชวนแสดงให้เห็นถึงความไม่คุ้นชินเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมามองเฉินฝานซิงที่กำลังเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มอยู่ ก่อนจะหยิกเนื้อที่เอวของเธอไปทีหนึ่ง
“ขำอะไร ผมถามคุณว่าจริงไหม”
เฉินฝานซิงถูกจี้จุดจักจี้ ทนไม่ไหว รีบพยักน้ารัว “ใช่ ใช่ ใช่ ซูเหิง ผู้ชายคนนี้นี่โง่สุดๆ ตอนนั้นฉันตาบอดที่ชอบเขาไปได้ ต้องขอบคุณเขาจริงๆ ที่เปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ทำให้ฉันได้เจอกับผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณ”
ป๋อจิ่งชวนเม้มริมฝีปาก “ถึงแม้จะไม่อยากให้พูดกดคนอื่นเพื่อชมผม แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง ต่อไปอยู่ให้ห่างจากคนโง่ๆ พวกนั้นหน่อย”
“อืม แน่นอน” เฉินฝานซิงพยักหน้ารับประกัน
–
เพราะว่าต้องอยู่เป็นเพื่อนเฉินซั่งหวา เฉินฝานซิงจึงไม่ได้รีบไปทำงาน
ตอนเช้าสิบโมงตรง เธอกำลังนั่งคุยกับเฉินซั่งหวา ปรากฏว่ากลับได้รับหนังสือเชิญอิเล็กทรอนิกส์จากฝ่ายจัดงานการแข่งขันปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติ
จากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มาหลายครั้ง เธอคิดมาตลอดว่าสถานที่จัดงานครั้งนี้จะยังคงเป็นที่เดิม
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้
เพราะว่าตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบห้าสิบพรรษาของพระมเหสีแห่งเฟรนช์ ทำให้การแข่งขันต้องเลื่อนออกไปสองวัน
พระมเหสีมาทิลด้าเป็นคนโรแมนติกที่ชอบความสวยงามเป็นที่สุด ชื่นชอบน้ำหอมที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์มากเป็นพิเศษ
ซึ่งสถานที่ในการแข่งขันครั้งนี้ ก็คือเมืองโพรวองซ์ เมืองแห่งอัศวินที่เป็นดินแดนแห่งลาเวนเดอร์สุดแสนโรแมนติก
เธอจำได้ว่า ช่วงที่จัดการแข่งขันเป็นช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งพอดี
ตอนที่ 632 คนหน้าไม่อายรับมือง่ายที่สุด
เมืองโพรวองซ์เป็นเมืองที่โรแมนติกมากๆ เมืองหนึ่งจริงๆ
หลายปีมานี้ เธอไม่เคยให้ตัวเองผ่อนคลายอย่างจริงๆ จังๆ สักครั้งเลย
ครั้งนี้ได้โอกาสแล้ว
หลังจากที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ใบหน้างดงามก็ปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้น
ท่าทางแบบนั้น ราวกับว่ากำลังมองเห็นภาพที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับแสดงแดดอุ่นๆ กับกลิ่นหอมดอกไม้อบอวลที่โพรวองซ์
ทว่าความคิดแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล…”
“คุณเฉินฝานซิง ผมคือ…”
“ฉันรู้แล้ว ทนายฉาง เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยไปหาคุณมาใช่ไหม”
ทนายฉางชะงักไปครู่หนึ่ง “…ใช่แล้ว เมื่อกี้บอกปัดลวกๆ ไปแล้ว ดูเหมือนพวกเธอจะร้อนใจมาก คำพูดเหตุผลอะไรไม่ได้เตรียมมาให้ดีก็พุ่งมาอาละวาดที่นี่เลย ไม่แยกแยะถูกผิด เอะอะจะโอนของพวกนั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเฉินเชียนโหรวอย่างเดียว เหอะ…ช่างไร้สาระจริงๆ ผมเป็นทนายมานานหลายปี เคยเจอคนบางคนทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน แต่อย่างพวกเธอนี่ ผมเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ท่าทางงี่เง่าไร้เหตุผลของพวกเธอที่สำนักทนายความวันนี้นั้น ทนดูไม่ได้จริงๆ…คุณเฉินฝานซิง คุณ…ไปบีบจนพวกเธอร้อนรนหรือเปล่า”
เฉินฝานซิงแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งที แน่นอนว่าบีบจนพวกเธอร้อนรนจริงๆ
เมื่อคืนวานเธอพูดไปว่าพวกเธอแตะต้องไม่ได้ วันนี้พวกเธอจึงต้องแบกหน้าออกมาเรียกร้องด้วยตัวเอง
ได้ยินเสียงหัวเราะของเฉินฝานซิง ทนายฉางจึงพูดต่อ “แต่ว่าคุณอย่าบีบจนพวกเธอจนตรอกมากเกินไปจะดีกว่า คนที่เห็นแก่เงินแบบนั้น ไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจจะทำเรื่องอะไรสุดโต่งออกมา ถ้าหากพวกเธอมาโวยวายกับทนายไม่ยอมเลิกรา ทางผมก็…ทนไม่ได้เหมือนกัน…”
ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเฉินฝานซิงก็ฉายประกาย “ง่ายๆ เลย คุณเอาสำเนาทางกฎหมายของแม่ฉันออกมาเผยแพร่ อย่ามองว่าพวกเธอไร้ยางอาย แต่พวกเธอน่ะอยากได้หน้ามากที่สุด พวกเราคนน้อยกำลังมีไม่มาก แต่ไม่ใช่ว่ายังมีกลุ่มประชาชนทั้งประเทศอยู่อีกเหรอ ทางที่ดีปล่อยคลิปที่พวกเธอมาโวยวายที่สำนักทนายความวันนี้ออกไปสักหน่อย ฉันอยากจะดูว่าพวกเธอยังจะมีหน้าไปรบเร้าที่สำนักทนายความอีกไหม…”
ทนายฉางได้ยินเฉินฝานซิงพูดแบบนี้ก็อึ้งไปครู่ใหญ่ ท่าทางวางมาดนิ่งขรึมมาโดยตลอดอดหลุดขำออกมาไม่ได้
“ยังไงคุณก็มีหนทางแก้เผ็ดเยอะที่สุดอยู่ดี”
เฉินฝานซิงยกมุมปาก “รับมือกับคนหน้าไม่อายแต่อยากได้หน้า ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเปลืองสมองอะไรเลย”
“ได้ ประจวบเหมาะที่วันนี้มีพนักงานมือดีอัดวิดีโอตอนนี่พวกเธอมาที่นี่ไว้ ตอนนี้ได้ใช้พอดีเลย”
“อืม รบกวนด้วย”
หลังจากวางสาย ใบหน้าของเฉินฝานซิงก็เต็มไปด้วยแววตาถากถาง ดูเหมือนจะมีเรื่องตลกให้ดูอีกแล้ว
–
หลังจากที่ออกมาจากสำนักทนายความ เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยต่างก็มีสีหน้าโกรธเคืองและรู้สึกพ่ายแพ้
“แม่คะ ทีนี้จะทำยังไงดี หนูพูดกับฝ่ายชายเรื่องสินเดิมของเชียนโหรวไปแล้วด้วย ตอนนี้หามาไม่ได้ หนู…”
เจียงหรงหรงโกรธจนปวดใจ ได้ยินหยางลี่เวยพูดแบบนี้ สายตาดุดันก็ทิ่มแทงเข้ามาทันที
“เรื่องยังไม่ได้หารือกันให้ดี ใครอนุญาตให้เธอทำตามอำเภอใจตัวเอง”
สีหน้าหยางลี่เวยเต็มไปด้วยความลำบากใจ “หลายวันก่อนไปเล่นไพ่กับครอบครัวฝ่ายชายแล้วก็ยังมีเหล่าคุณนายอีกหลายคน หนูอดไว้ไม่อยู่ก็เลย…แม่คะ ตอนนั้น ถ้าหากบอกออกไปน้อยเกินไปก็จะถูกพวกคุณนายนั่นหัวเราะเยาะเอาได้…”
เจียงหรงหรงส่งเสียงหัวเราะในลำคอ “ตอนนี้ไม่มีอะไรเอาไปให้ได้สักอย่าง ยิ่งทำให้คนหัวเราะเยาะเข้าไปใหญ่”
หยางลี่เวยร้อนรนกว่าเดิม “เพราะงั้นแม่คะ ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี”