ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่641นางงูพิษตอนที่642พระมเหสี
ตอนที่ 641 นางงูพิษ
“อืม ประกาศหมั้น”
“ให้ทุกคนได้รู้ว่าเฉินฝานซิงคือผู้หญิงของป๋อจิ่งชวน เป็นคุณนายน้อยของเครือป๋อซื่อ”
“…” เฉินฝานซิงจ้องเขานิ่ง ภายในหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ดวงตาดำสนิทของป๋อจิ่งชวนมองไปที่เธอด้วยความจริงจัง “ฝานซิง ผมขอยืนยันจากคุณอีกครั้ง คุณจะแต่งงานกับผมไหม”
คำพูดที่ผิดแปลกไปจากปกติทำให้เฉินฝานซิงที่กำลังตะลึงงันได้สติกลับมาในชั่วขณะ พลันเปลี่ยนเป็นแววตาที่มุ่งมั่นภายในช่วงเวลาสั้นๆ
“แต่ง ทำไมจะไม่แต่ง ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ”
ป๋อจิ่งชวนจดจ้องไปที่เธอ หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ
ก่อนจะยื่นแขนออกไปโอบกอดเธอไว้แน่น แล้วบรรจงจูบลงบนเส้นผมของเธอ
“อ้อ จริงสิ” เฉินฝานซิงนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้กะทันหัน พลันผละตัวออกจากอ้อมแขนของป๋อจิ่งชวนแล้วพูดขึ้น
“ช่วงนี้คุณช่วยฉันสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวบัญชีของหยางลี่เวยทั้งในและนอกประเทศให้หน่อย เงินที่อยู่ในมือของเธอน่าจะมีไม่น้อย ฉันเคยประกาศกับเธอไว้ว่าทรัพย์สมบัติพวกนั้นเธอไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เงินพวกนั้นเธอจะต้องคิดหาวิธีฮุบมันไปแน่…”
ป๋อจิ่งชวนขบคิดครู่หนึ่ง พลางมองไปที่เฉินฝานซิงด้วยความสนใจ “คุณคงจะไม่ได้วางกับดักเธอเอาไว้อีกแล้วหรอกนะ”
เฉินฝานซิงเลิกคิ้ว “ถ้าหากเธอไม่โลภ กับดักของฉันนี่ก็เป็นกับดักเปล่าๆ คนที่โลภมากไม่รู้จักพอ การจุกจนตายสำหรับเธอนั้น อาจจะเบาเกินไป ให้เธอกลืนลงไปก่อนแล้วค่อยสำรอกออกมาให้ฉัน แบบนั้นถึงจะเป็นการโจมตีที่แรงที่สุดสำหรับเธอ กินจนกระเพาะครากแล้ว ต่อไปคงยากจะหาของมาเติมให้อิ่มท้องได้…”
ป๋อจิ่งชวนได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็แสดงความกระจ่างในทันที “วิธีการทำลายคนของคุณนี่มีมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสายจริงๆ ยัยงูพิษ”
เฉินฝานซิงลืมตาขึ้นมาจ้องเขาเขม็งพลางชี้มาที่ตัวเองพร้อมเอ่ยถาม “คุณ…ว่าฉันเป็นงูพิษ ?”
ป๋อจิ่งชวนเห็นว่าเธอกำลังจะโกรธ จึงรีบก้มลงไปจุ๊บที่เรียวปากของเธอ “ผมชอบงูพิษ”
“นั่นเป็นเพราะพวกเธอหาเรื่องใส่ตัว”
“อืม คุณเป็นงูพิษที่มีอุดมการณ์”
“ป๋อจิ่งชวน…คุณ…”
ป๋อจิ่งชวนกลับกดเธอเอาไว้พร้อมกับเอนตัวลงมาประกบริมฝีปากของเธอ
“คุณไม่จำเป็นต้องใจดีเกินไป สำหรับผมแล้ว ความใจดีไม่นับเป็นเรื่องดีแน่”
สายตาของเฉินฝานซิงฉายให้เห็นถึงความลึกซึ้ง ก่อนจะเก็บซ่อนแววตานั้นลงไป
สุดท้ายก็ถูกมือของป๋อจิ่งชวนที่วางอยู่บนมือทำลายจนกระเจิดกระเจิง
ป๋อจิ่งชวนให้อวี๋ซงซื้ออาหารกลับมา มื้อเช้ากินอย่างง่ายๆ ก่อนจะข้ามไปสู่มื้อเที่ยงแทน
ป๋อจิ่งชวนและเฉินฝานซิง หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไม่ทำอะไรโดยสิ้นเชิงแบบนี้ทั้งวัน
มิน่าล่ะ บนโลกใบนี้ถึงได้มีคนขี้เกียจเยอะขนาดนั้น
วันเวลาแห่งความขี้เกียจนี่มันดีจริงๆ
–
เธอไปถึงที่ฝรั่งเศสล่วงหน้าสามวัน เพระว่าอยากจะพบเพื่อนก่อน หลังจากที่ได้น้ำมันหอมระเหยที่บอกให้เพื่อนเตรียมไว้ให้แล้ว วันที่สองก็มุ่งหน้าไปยังโพรวองซ์
นานๆ ทีจะมีโอกาสได้ชื่นชมบรรยากาศด้วยความผ่อนคลาย แน่นอนว่าเฉินฝานซิงไม่ยอมพลาด
สมกับที่เป็นฤดูกาลดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง ภายใต้แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า ทุ่งลาเวนเดอร์พร่างพราวไปทั่วบริเวณ ดอกไม้สีม่วงบริสุทธิ์ทั้งสูงต่ำเบ่งบานไปทั่วทั้งสวน พัดพากลิ่นหอมที่แสนโรแมนติกไปตามสายลมฤดูร้อน
หน้าร้อนเดิมก็เป็นฤดูกาลที่โพรวองซ์มีนักท่องเที่ยวคับคั่งที่สุด ประกอบกับการแข่งขันปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติในครั้งนี้ ทำให้ดินแดนชายฝั่งสีฟ้านี้ ได้ต้อนรับช่วงเวลาที่คึกคักที่สุด…
ตอนที่ 642 พระมเหสี
เคยอยู่ฝรั่งเศสมาตั้งนานขนาดนี้ สถานที่ที่สวยงาม โรแมนติก และอบอุ่นแบบนี้ เธอกลับไม่เคยมาเลยสักครั้ง
ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ใช้ชีวิตเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ วันเวลาเหล่านั้น หากเทียบกันแล้ว ตอนนี้เธอราวกับใช้ชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์
“เอ๊ะ ดูทางนั้นสิ พระมเหสีมาทิลด้า…”
“ว้าว สมแล้วที่เป็นพระมเหสี ราศีที่เปล่งออกมาต่างออกไปอีกแบบเลย”
“สวยจังเลย…”
นักท่องเที่ยวที่อยู่ด้านข้างพร้อมใจกันหันไปมองทางเดียวกันไกลๆ พร้อมกับส่งเสียงซุบซิบ
เฉินฝานซิงเห็นดังนั้นก็เงยหน้ามองตามไป
พระมเหสีมาทิลด้าอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีเหลืองครีม ศีรษะสวมหมวกตาข่ายสไตล์ตะวันตกสีเดียวกับชุด มองดูทั้งสูงส่งและโอบอ้อมอารี
ถึงแม้จะอายุขึ้นเลขสี่แล้ว แต่ดูแลตัวเองอย่างดี บนใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่สดใสเจิดจรัส กำลังโพสท่าและมีช่างถ่ายรูปส่วนพระองค์คอยจัดท่าทางและตามถ่ายรูปให้
การกระทำและอิริยาบถเหล่านั้นเพียงพอที่จะทำให้ดูออกได้ว่าพระมเหสีคนนี้เป็นผู้ที่มีจินตนิยมและรักความสวยงามคนหนึ่งจริงๆ
เวลานี้พระมเหสีมาทิลด้ากำลังขยับร่างกายไปตามผีเสื้อหลากสีที่กำลังโบยบินร่ายระบำอยู่ตัวหนึ่ง ลึกลงไปในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นเต็มไปด้วยความรักและความสดใสบริสุทธิ์
เวลานั้นเอง เฉินฝานซิงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว เรียวปากเผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ
ต่างก็พูดกันว่าตอนนั้นที่เธอแต่งเข้าไปในราชวงศ์ ไม่มีอะไรไปมากกว่าการไต่เต้าไปเป็นผู้มีอำนาจ หลงใหลในความฟุ้งเฟ้อยศถาบรรดาศักดิ์
แต่เมื่อมาดูตอนนี้แล้ว ใครจะบอกว่าเธอไม่ได้แต่งงานเพราะความรักบ้างล่ะ
มองดูพระมเหสีไล่ตามผีเสื้ออยู่นาน อีกทั้งคนที่อยู่ข้างๆ ก็ยังคอยช่วยต้อนผีเสื้อให้บินเข้าไปในอ้อมแขนของเธอแล้ว แต่ปรากฏว่าผีเสื้อตัวนั้นดูเหมือนจะถูกบีบจนร้อนรนมากขึ้นทำให้ออกแรงบินขึ้นไปที่สูงกว่าเดิม
ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็ส่งเสียงถอนหายใจด้วยความผิดหวังออกมา
เฉินฝานซิงอดขำไม่ได้ ในอดีตเด็กผู้หญิงไล่จับผีเสื้อ นั่นนับว่าเป็นกิจกรรมให้ความบันเทิงที่น่าเบื่อที่สุดแล้ว ตอนนี้เพียงแค่มองดู คนเหล่านี้ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ ช่างสนุกดีจริงๆ
“เฉินฝานซิง?”
อยู่ต่างบ้านต่างเมือง นอกจากภาษาฝรั่งเศสแล้ว ที่เธอได้ยินมากที่สุดก็คือภาษาอังกฤษ ถึงแม้จะเคยได้ยินภาษาจีนมาบ้าง แต่ว่าใช้ภาษาจีนเรียกชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน
เธอหันกลับไปมอง พบว่าเป็นคนรู้จักจริงๆ อันลี่น่าฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากซูซื่อ ข้างกายยังมีผู้หญิงอยู่ด้วยอีกหลายคน เฉินฝานซิงพอจะจำได้อยู่บ้าง พวกเธอเป็นศิลปินในประเทศ
เกือบลืมไปเลยว่าอันลี่น่าก็เข้ารอบด้วยเหมือนกัน
“ใช่เธอจริงๆ ด้วย”
เมื่อเห็นเฉินฝานซิง อันลี่น่าก็แค่นหัวเราะออกมา สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งที ก่อนจะลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ยาว
“เห็นฉันแล้วตกใจขนาดนี้ ความจำของคุณอันเสื่อมลงไปไม่น้อยเลยใช่หรือเปล่า”
อันลี่น่าถลึงตาใส่เธอ “เธอหมายความว่าไง”
“ตอนที่ประกาศผลเข้ารอบการแข่งขันระดับนานาชาติ ฉันคิดว่าถึงคุณจะจำไม่ได้ว่ามีใคร แต่ก็น่าจะจำได้ว่าตอนนั้นใครคือที่หนึ่งไม่ใช่เหรอ”
แน่นอนว่าเป็นเฉินฝานซิง
ส่วนเธอถูกเฉินฝานซิงดันจากที่เก้าตกลงมาเป็นอันดับสิบ
“เธอเป็นที่หนึ่งแล้วยังไง นั่นก็แค่เพราะโชคดีเท่านั้นแหละ อีกอย่าง การจัดอันดับในประเทศบอกอะไรได้เหรอ ก็แค่ตั๋วในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติก็เท่านั้น ประเด็นสำคัญก็ยังคงเป็นผลการแข่งขันครั้งนี้อยู่ดี…
ได้ข่าวมาว่าตอนที่เธออยู่ในประเทศ วิ่งแจ้นไปที่โรงเรียนทุกวันเหรอ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แต่เธออาจจะยังไม่รู้ เชียนโหรว อ้อ ซึ่งก็คือนักปรุงน้ำหอมอันดับหนึ่งของเอเชีย Rosanna ของเรา บินไปหาอาจารย์ของเธอที่ยูเครนตั้งนานแล้ว รู้หรือเปล่าว่าอาจารย์ของเธอคือใคร เฝิงซั่วกวงรู้จักไหม นักปรุงน้ำหอมที่มีชื่อเสียงที่สุดในตอนนั้น…”
เสียงของอันลี่น่าดังมาก ถึงแม้จะเป็นภาษาจีนทั้งหมด แต่ชื่อสองชื่อที่ออกจากปากเธอก็สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้างหลายๆ คนได้อยู่บ้าง