ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่653ล้อมรอบตอนที่654งดงาม
ตอนที่ 653 ล้อมรอบ
เฉินฝานซิงอมยิ้ม เป็นไปตามที่คาดไว้
“หรือว่านี่จะเป็น…ผลจากน้ำหอมเมื่อครู่นี้? หรือว่านี่คือผลจากเลือดของเธอหรอกหรือ หรือว่าเธอก็คือพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิดตามตำนานของฝั่งตะวันออก”
เฉินฝานซิงหลุดหัวเราะออกมาทันที สีหน้าเย็นชาแต่งแต้มไปด้วยความอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย
เธอส่ายหน้าพลันเอ่ยตอบ “หม่อมฉันไม่ใช่พระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิดอย่างแน่นอน เป็นน้ำมันหอมระเหยไซเปรสซึ่งกลั่นมาจากก้านและผลเฟรนช์ไซเปรสเพคะ มีกลิ่นของบาล์มและวู้ดดี้ ช่วยบรรเทาอาหารหอบหืด แก้เสมหะ บรรเทาอาการคัน นี่เป็นผลที่เกิดมาจากมันทั้งหมด ไม่ใช่เลือดของหม่อมฉัน ยิ่งไปกว่านั้น หม่อมฉันก็ไม่ใช่พระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิด…”
พระมเหสีมาทิลด้ากลับดีใจเป็นอย่างมาก อาการไม่สบายในคอที่เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย การไอก็กลายเป็นโรคประจำตัวตลอดปี ตอนนี้มีวิธีการรักษาอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นวิธีที่โรแมนติกหอมหวนขนาดนี้อีกด้วย ไม่ต้องทนรสชาติขมๆ ของยา ช่างดีเหลือเกิน
“เธอฉลาดมากจริงๆ เราชอบเธอมาก อ้อ จริงสิ เธอบอกเราหน่อยได้ไหมว่า เลือดของเธอมีส่วนช่วยยังไงกันแน่”
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วสวยได้รูปขึ้น สายตามองไปยังที่ไม่ไกลออกไป ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มออกมา แล้วถอยหลังไปเล็กน้อย
“ฝ่าบาททรงรอตรงนี้ครู่หนึ่งนะเพคะ”
จากนั้นก็เดินออกไปจากทุ่งลาเวนเดอร์ท่ามกลางสายตาแห่งความสงสัยของพระมเหสีมาทิลด้า
กรรมการแต่ละคนยืนอยู่บนคันนา ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“เชียนโหรว เฉินฝานซิงกำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่”
“ฉันไม่รู้”
เฉินเชียนโหรวตอบอันลี่น่าเพียงสามคำด้วยความเย็นชา สีหน้าเยือกเย็น คิ้วขมวดมุ่น
จากที่เธอรู้จักนางแพศยาคนนั้น เธอรู้ว่านางแพศยาคนนั้นจะต้องใช้วิธีประหลาดอะไรอีกแน่ๆ ได้เห็นสีพระพักตร์พึงพอใจของพระมเหสีมาทิลด้าแบบนั้นแล้ว อย่างน้อยเธอก็รู้แล้วว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเฉินฝานซิงจะได้เข้ารอบ
เพียงแต่ว่าในเมื่อมั่นใจว่าจะได้เข้ารอบแล้ว เฉินฝานซิงทำเรื่องดึงให้ผู้คนมาสนใจเกินความจำเป็นทำไมอีก
“รีบดูเร็ว พระมเหสีมาทิลด้า”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา ผู้คนพากันหันไปมองพระมเหสีมาทิลด้าที่ยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้พร้อมกัน
จึงได้เห็นผีเสื้อสีสันสดใสตัวหนึ่ง กระพือปีกบินไปรอบๆ ตัวพระมเหสีมาทิลด้าอยู่นานไม่ยอมจากไปไหน
ภายในแววพระเนตรของพระมเหสีมาทิลด้าฉายประกายตกตะลึง ดวงเนตรที่ตื่นเต้นคู่นั้นมองตามไปยังผีเสื้อสีสันสะดุดตาพลางหมุนพระองค์อยู่กับที่
เธอลองขยับไปทางด้านข้างเล็กน้อย ผีเสื้อตัวนั้นก็บินตามมาแล้วขยับปีกร่ายรำอยู่รอบกาย
“พระเจ้าช่วย มันกำลังตามเราอยู่เหรอเนี่ย”
พระมเหสีมาทิลด้ายกมือป้องปากอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนจะยื่นมือออกไปด้วยความดีใจ ผีเสื้อตัวนั้นกลับกระพือปีกร่อนลงบนข้อมือของเธอเบาๆ ปีกสวยงามคู่นั้นค่อยๆ สยายไปมา
ไม่นานนัก รอยกาบพระมเหสีทิลด้าก็มีผีเสื้ออีกตัวบินมาเป็นตัวที่สอง ตัวที่สาม ตัวที่สี่…
“พระเจ้า พระเจ้าช่วย รีบดูเร็ว ในทุ่งดอกไม้มีเสื้อมาบินมาเต็มไปหมด”
กลางกลุ่มคนมีใครบางคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นพลางชี้ไปที่ฝูงผีเสื้อที่บินร่ายรำว่อนไปมาอยู่เป็นกลุ่ม น้ำเสียงนั้นดีใจจนสั่นเครือ
“พระเจ้า สวยมากจริงๆ”
“ฉันไม่เคยเห็นผีเสื้อเยอะขนาดนี้มาก่อน สวยมากจริงๆ”
“ว้าว ผีเสื้อเยอะจริงๆ ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีผีเสื้อมาเยอะขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“รีบดูเร็วเข้า ผีเสื้อพวกนั้นบินไปทางพระมเหสีมาทิลด้าแล้ว พระเจ้า พระมเหสีถูกห้อมล้อมไปด้วยผีเสื้อแล้ว มีความสุขจังเลย…”
เวลานี้ พระมเหสีมาทิลด้าตื่นเต้นดีใจจนไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ได้
เมื่อวานเธอวิ่งไล่ตามผีเสื้อตัวหนึ่ง วันนี้ผีเสื้อฝูงหนึ่งมาห้อมล้อมเธอ สิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตชีวาแต่ละตัวนั้น สีสันสวยงาม กำลังระบำอยู่รอบๆ เธอ ความรู้สึกนี้ช่างวิเศษเหลือเกิน
ตอนที่ 654 งดงาม
เธออดยกมือขึ้นมือร่ายระบำไปตามผีเสื้อเหล่านั้นไม่ได้ ราวกับกลับไปยังสมัยสาวๆ อีกครั้ง ช่วงเวลาที่ดื่มด่ำไปกับการเต้นรำบนเวทีไปทั้งตัวและหัวใจ
ถึงแม้จะเป็นเวลาใกล้พลบค่ำ แต่แสงอาทิตย์ที่สะท้อนอยู่บนหาดสีฟ้านั้นเจิดจ้าแจ่มใส
ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีม่วง เงาร่างสีชมพูอ่อนเต้นรำกลางหมู่มวลผีเสื้อโบยบิน
สายลมอ่อนๆ โชยมาพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้เป็นครั้งคราว พัดพาฝูงผีเสื้อจนโผไปอีกฝั่ง ก่อนจะกลับมาล้อมอยู่รอบกายพระมเหสีมาทิลด้า และร่วมร่ายรำไปพร้อมเธอไปอีกครั้ง
เต้นรำ?
คำๆ นี้ผุดเข้ามาในหัวของพระมเหสีมาทิลด้าอย่างกะทันหัน
ไม่ นี่ไม่ใช่คำธรรมคำหนึ่ง
มันยังเป็นชื่อชื่อหนึ่งอีกด้วย
ตอนนี้เธอถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้
เด็กสาววัยรุ่นที่หน้าตาสะสวยคนนั้นทำไมถึงได้ใช้คำที่ฟังดูแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับธีมน้ำหอมเลยสักนิดมาตั้งเป็นชื่อ!
เพราะว่านี่คือสิ่งที่ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง อีกทั้งถึงกับเป็นเรื่องที่ไม่มีใครจินตนาการได้
เธอไม่เพียงแค่คิดออก แต่ยังทำสำเร็จอีกด้วย
เธอทำในเรื่องที่ไม่มีใครนึกถึงเลยด้วยซ้ำได้สำเร็จ
“งดงามจริงๆ”
“นั่นสิ คิดไม่ถึงเลย”
“นี่ก็คือความลับของเลือดสองหยดของเธอหรือ”
กรรมการหลายคนข้างเฉินฝานซิงอดอุทานไม่ได้ พร้อมกับโยนคำถามไปทางเฉินฝานซิง
“เลือดสองหยดเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบหนึ่งในนั้นเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญอยู่ที่วัตถุดิบเดิมของน้ำหอม ผีเสื้อมองดูแล้วสวยงาม แต่ความชอบของมันกลับค่อนข้างทำให้คนชอบไม่ลง เลือด น้ำที่มีความเค็มสูง เหงื่อ หรือแม้แต่กลิ่นเน่าบูด น้ำปัสสาวะเป็นต้น แต่ของเหล่านี้จะนำมาไว้ในน้ำหอมได้ยังไง เมื่อเทียบดูแล้ว สิ่งที่ฉันใช้ได้ก็มีเพียงแค่เลือดที่ไม่ส่งผลต่อกลิ่นเดิมของตัวน้ำหอมเท่านั้น”
กรรมการทุกคนพยักหน้าด้วยสีหน้าขบคิด แต่กลับยังคงมีคำถามอีก “โทนกลิ่นของน้ำหอมจะค่อยๆ เปลี่ยนไปตามระยะเวลา กลิ่นของมันไม่ช้าก็เร็วจะจืดจาง แต่ทำไมผีเสื้อรอบตัวพระมเหสีกลับเยอะขึ้นเรื่อยๆ”
เฉินฝานซิงยิ้มบางๆ พลางมองไปทางพระมเหสีมาทิลด้าที่กำลังเต้นรำอย่างมีความสุขอยู่กลางดอกไม้ แล้วพูดขึ้น
“เพราะพระมเหสีเต้นรำ”
“อะไรนะ” นี่มันไม่มีเหตุและผลเลยสักนิดนะ
เฉินฝานซิงพูดต่อ “อุณหภูมิที่สูงจะเร่งการระเหยของน้ำหอมได้ ดังนั้นเพียงแค่ในตอนเริ่มก็ดึงดูดผีเสื้อมาได้มากมายขนาดนี้ ส่วนที่ทำให้ผีเสื้ออยู่ต่อได้ เป็นเพราะตัวพระมเหสีเอง พระองค์เต้นรำ จึงมีเหงื่อ…”
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
กรรมการกระจ่างแจ้งในทันที
อดพยักหน้าด้วยความชื่นชมให้เฉินฝานซิงไม่ได้
ผ่านไปแสนนาน พระมเหสีมาทิลด้าจึงเดินมาทางเฉินฝานซิงด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ เธอยืนอยู่ข้างกายเฉินฝานซิง พร้อมกับมองหญิงสาวด้วยความซาบซึ้งและตื่นเต้น
เฉินฝานซิงกลับยืนและรีบพูดขึ้นมาก่อน “ถวายพระพรวันคล้ายวันประสูติเพคะ พระมเหสีมาทิลด้า”
พระมเหสีมาทิลด้ายิ้มร่ากว่าเดิม
เธอจับมือเฉินฝานซิงไว้แน่นด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับจูบลงบนที่ใบหน้าเฉินฝานซิงอย่างเต็มแรงหนึ่งที
“เราไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว ขอบใจเธอมากนะ เด็กสาวฉลาดแสนใจดี บอกชื่อเธอกับเราได้ไหม”
“ชื่อจีนของหม่อนฉันคือเฉินฝานซิง” เฉินฝานซิงใช้ภาษาฝรั่งเศสที่คล่องแคล่วสื่อสารกับพระมเหสีมาทิลด้ามาโดยตลอด เวลานี้ คำว่า “เฉินฝานซิง” สามพยางค์กลับพูดช้าและจริงจังกว่าปกติ
“เฉิน…ฝาน…ซิง…”
พระมเหสีมาทิลด้าทวนชื่อของเฉินฝานซิงออกมาช้าๆ ทีละคำ
อันลี่น่ายืนจ้องมองพวกเธออยู่จากบนถนนสายเล็กๆ ที่ไกลออกไป พลางเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “พระมเหสีกำลังพูดอะไรกับเฉินฝานซิงอยู่กันแน่นะ ท่าทางดูดีใจขนาดนั้นเชียว”